จับตา “กระท่อม” พืชเศรษฐกิจใหม่มาแรง ปลูกพันธุ์ไหน ปลูกอย่างไร ให้เป็นที่ตลาดต้องการ

หลังจากที่นิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้าน ฉบับ 753 ที่ผ่านมา ได้มีการกล่าวถึงกฎหมาย และทิศทางการสร้างรายได้ของพืชกระท่อมไปแล้วนั้น ในฉบับ 754 นี้ มาต่อกันในเรื่องของวิธีการปลูก และการเลือกสายพันธุ์มาปลูกให้เหมาะกับความต้องการของตลาด

นายสรรเพชญ์ ทันราย กำนันตำบลท้ายสำเภา​ อำเภอพระพรหม​ จังหวัดนครศรีธรรมราช กำนันนักพัฒนา​ผู้ริเริ่มแนวคิดเพาะกล้าพันธุ์ไม้ เพื่อกระจายรายได้ให้กับชุมชน ด้วยการจ้างงาน​ และรับซื้อต้นพันธุ์​ เมล็ดพันธุ์ จากเกษตรกรในพื้นที่​ รุกทำตลาดไม้ผลเสียบยอด จนกระทั่งได้มีกฎหมายปลดล็อกพืชกระท่อมขึ้น กำนันท่านนี้ก็ยังเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนคนในชุมชน หันมาสร้างรายได้จากพืชกระท่อม จากคนที่ไม่มีรายได้ ให้มีรายได้กว่าหลักพันบาทต่อวัน

กำนันสรรเพชญ์ ทันราย ผู้นำหัวก้าวหน้า

กำนันสรรเพชญ์ เล่าถึงที่มาของการริเริ่มสร้างรายได้จากพืชกระท่อม ว่า สืบเนื่องจากวันที่ 24 สิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา ประเทศไทยเริ่มมีผลบังคับใช้ พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ ปลดล็อกพืชกระท่อมออกจากบัญชียาเสพติด ประเภทที่ 5 ส่งผลทำให้เกษตรกรในจังหวัดนครศรีธรรมราช รวมถึงตนได้มีความตื่นตัวกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก จนถึงขั้นได้มีการรวมกลุ่มในรูปแบบของวิสาหกิจชุมชนขึ้น เพื่อเป็นการสร้างรายได้ให้กับพี่น้องเกษตรกร ในยามที่เกิดโรคระบาดหลายคนขาดรายได้ ตกงาน ด้วยการรับซื้อต้นกระทุ่มนา ที่คนพื้นถิ่นภาคใต้จะเรียกว่ากระท่อมขี้หมู ในอดีตเคยเป็นวัชพืชที่ขึ้นตามหัวไร่ปลายนาไม่มีคุณค่า แต่วันนี้กลายมาเป็นพืชหายากและมีราคา ใช้เป็นต้นตอเสียบยอดกระท่อม และขยายผลต่อไปในเรื่องของการจ้างงาน ในส่วนต่างๆ ทั้งแรงงานเสียบยอด แรงงานการบรรจุภัณฑ์ ทำให้ขณะนี้ชาวบ้านมีรายได้เฉลี่ยจากการจ้างงานหลังมีการปลดล็อกพืชกระท่อมเฉลี่ยกว่าวันละ 1,000-2,000 บาท แล้วแต่หน้าที่และความขยัน

“ในวันนี้เราจะเห็นเมล็ดพันธุ์ของพืชกระท่อมที่มีราคาสูง และตอนนี้สายพันธุ์ของกระท่อม ถ้าเกิดจากการเพาะเมล็ดไม่ว่าจะเป็นกระท่อมสายพันธุ์ใดก็ตาม จะเกิดการกลายพันธุ์ได้ง่าย แต่สำหรับกระท่อมที่มีการเสียบยอดตรงส่วนนี้จะได้สายพันธุ์ที่ไม่ผิดเพี้ยน ได้สายพันธุ์ตรงต้นแม่ และตรงต่อความต้องการของตลาดในขณะนี้ โดยเฉพาะสายพันธุ์ก้านแดง และก้านแดงหางกั้ง ซึ่งเป็นตัวท็อป ตลาดโรงงานอุตสาหกรรมแปรรูปมีความต้องการสูง”

 

แนะสายพันธุ์ก้านแดง-ก้านแดงหางกั้ง
เหมาะสำหรับปลูกเชิงการค้า ส่งโรงงานอุตสาหกรรม

สำหรับสายพันธุ์กระท่อมที่พบในประเทศไทยมีอยู่ 3 สายพันธุ์ คือ 1. ก้านเขียว 2. ก้านแดงหางกั้ง และ 3. ก้านแดง มักพบมากในป่าธรรมชาติบริเวณภาคใต้ ซึ่งในแต่ละสายพันธุ์นั้น จะมีสารสำคัญที่แตกต่างกันออกไป รวมถึงรสชาติของใบที่มีไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับการนำไปใช้ประโยชน์ สำหรับท่านที่จะนำไปทำในเชิงอุตสาหกรรม แนะนำให้ปลูกสายพันธุ์ก้านแดง และก้านแดงหางกั้ง จะเป็นที่ต้องการของอุตสาหกรรมแปรรูป และในส่วนของสายพันธุ์ก้านเขียวนั้นเหมาะสำหรับการนำมาบริโภค หรือใช้เป็นสมุนไพรรักษาโรคในครัวเรือน

ก้านแดงหางกั้งใบใหญ่ ตลาดมีความต้องการสูง

วิธีการปลูก

กำนันสรรเพชญ์ อธิบายขั้นตอนวิธีการปลูกว่า การปลูกไม่ยุ่งยากมากเพราะกระท่อมเป็นพืชที่คงทนในด้านของศัตรูพืชไม่มี หรืออาจพบเจอได้น้อยมาก เนื่องจากพืชกระท่อมมีลักษณะทางยาค่อนข้างขม แมลงไม่ชอบ โดยแนะนำให้ใช้ต้นพันธุ์เสียบยอดสายพันธุ์จะนิ่ง ลักษณะการปลูกจะใช้ตอกระทุ่มนาเป็นต้นตอในการเสียบยอด

ก้านแดงหางกั้ง โตไวมาก

ปลูกในระยะ 4×4 เมตร พื้นที่ 1 ไร่ จะปลูกได้ประมาณ 100 ต้น จากนั้นใช้เวลาอีกประมาณ 3-5 เดือน ถ้าใช้ต้นพันธุ์จากการเสียบยอดก็จะสามารถเก็บผลผลิตขายได้ทุกๆ 15 วัน ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษา ซึ่งตรงนี้จะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับที่นา หรือพื้นที่น้ำท่วมขังที่ไม่สามารถปลูกพืชอย่างอื่นเป็นพืชเศรษฐกิจได้ วันนี้สามารถปลูกกระท่อมให้เป็นพืชเศรษฐกิจได้แล้ว

แบบปักชำก้านแดง

การเตรียมดิน สำหรับพืชกระท่อมเสียบยอด จะเหมาะกับการปลูกในพื้นที่นาที่ลุ่มมีน้ำทั่วถึง การเตรียมดินจึงไม่มีปัญหายุ่งยาก เพราะเหมาะกับปลูกในสภาพพื้นที่มีน้ำขังอยู่แล้ว หรืออาจจะมีการยกร่องเปิดทางน้ำให้ไหลสักเล็กน้อย สำหรับกระท่อมที่ขยายพันธุ์โดยการเสียบยอดจะชอบน้ำมากกว่าการปลูกกระท่อมด้วยเมล็ด

การดูแลรดน้ำ กระท่อมเป็นพืชที่ชอบน้ำ ถ้าปลูกในที่น้ำขัง ก็ไม่ต้องกังวลอะไรมาก แต่ถ้าหากเป็นพื้นที่มีการเตรียมดิน มีการปรับแต่งพื้นที่ให้ทำการรดน้ำโดยเฉลี่ย 1-2 วันครั้ง นานประมาณ 30 นาที ให้เกิดความชุ่มชื้น

การใส่ปุ๋ย เน้นใส่ปุ๋ยคอก ในทุกๆ 20-30 วัน ใส่ปุ๋ย 1 ครั้ง

การเก็บเกี่ยว สำหรับที่เป็นต้นพันธุ์เสียบยอดใช้ระยะเวลาการปลูกจนถึงเก็บเกี่ยวประมาณ 3-5 เดือน จากนั้นสามารถเก็บผลผลิตได้ในทุกๆ 15 วัน ปลูกครั้งเดียวเก็บได้นานหลายสิบปี เมื่อต้นสูงเกินความจำเป็นต้องใช้วิธีการตัดยอดด้านบนเพื่อให้ต้นแผ่กิ่งข้างได้อย่างเต็มที่ ทำให้ง่ายต่อการเก็บเกี่ยว ส่วนปริมาณผลผลิตนั้นยังบอกไม่ได้แน่ชัด เนื่องจากตอนนี้ยังอยู่ในจุดเริ่มต้นขยายพันธุ์ แต่หากจะให้คาดการณ์ผลผลิตล่วงหน้า 1 ไร่ จะสามารถเก็บผลผลิตได้ ประมาณ 500 กิโลกรัม โดยเฉพาะหากเป็นต้นที่มีอายุเยอะปริมาณก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

ราคา ราคาของใบกระท่อมตอนนี้เนื่องจากเป็นพืชที่กำลังอยู่ในกระแส เป็นที่ต้องการของตลาด แต่ต้นพันธุ์ยังหาได้ยากเพราะเพิ่งได้รับการปลดล็อก ส่งผลทำให้ต้นพันธุ์พืชกระท่อมมีราคาที่สูง ขายใบกิโลกรัมละ 350-500 บาท ส่วนต้นพันธุ์ของที่กลุ่มจะเริ่มตั้งแต่ราคา 80-250 บาท ตามขนาดของต้นและความนิยมตามสายพันธุ์ ซึ่งตอนนี้พันธุ์ที่นิยมคือพันธุ์ก้านแดงหางกั้ง ที่สามารถนำไปต่อยอดในเชิงอุตสาหกรรมได้หลากหลาย รวมถึงการใช้บำบัดผู้ติดยาเสพติดได้ด้วย

ก้านแดงหางกั้งใบใหญ่ ตลาดมีความต้องการสูง

พืชกระแสมาแรง! อย่าประมาท
หัวใจสำคัญ ต้องใช้ตลาดนำการผลิต

กำนันสรรเพชญ์ บอกว่า ณ ขณะนี้พืชกระท่อมเป็นพืชยาเสพติดที่เพิ่งได้รับการปลดล็อก ส่งผลให้สถานการณ์การตลาดในช่วงนี้เป็นไปอย่างคึกคัก ผู้คนทุกกลุ่มต่างให้ความสนใจอยากที่จะได้ต้นพันธุ์กระท่อมมาไว้ในครอบครอง ทั้งในแง่ของการปลูกเชิงการค้า และปลูกไว้เพื่อบริโภคเป็นยาในครัวเรือน ส่งผลให้เกิดการสร้างรายได้ในชุมชนได้เป็นอย่างดี เพราะพืชกระท่อมถือเป็นพืชเฉพาะถิ่นของภาคใต้อยู่แล้ว ซึ่งจากการที่ได้พูดคุยกับทางผู้ใหญ่ และเพื่อนกำนันด้วยกัน ตอนนี้ในหลายพื้นที่ของจังหวัดนครศรีธรรมราช มีโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่เข้ามาร่วมลงทุนหลายสิบล้าน เพื่อนำไปแปรรูปทำออกมาเป็นหลากหลายผลิตภัณฑ์ ทั้งเวชภัณฑ์ เครื่องสำอาง เครื่องดื่มชูกำลัง และเพื่อนำไปต่อยอดบำบัดผู้ป่วยติดยาเสพติด วันนี้ถือว่าตลาดยังไปได้ดี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น หากท่านใดสนใจอยากทำจำเป็นต้องใช้การตลาดนำการผลิต มีตลาดรองรับ และศึกษาทิศทางเศรษฐกิจควบคู่กันไป ถึงจะปลอดภัยที่สุด

สำหรับเกษตรกรมือใหม่ที่มีความสนใจปลูกพืชกระท่อมสร้างรายได้ ผมอยากจะแนะนำว่า ควรที่จะต้องใช้การตลาดนำการผลิตคือหัวใจสำคัญ คือต้องเลือกปลูกพันธุ์ที่ตรงต่อความต้องการของตลาดโรงงาน หรือกลุ่มผู้ผลิต กลุ่มทุนรายใหญ่ ซึ่งในตอนนี้ตลาดมีความต้องการสายพันธุ์ก้านแดง และก้านแดงหางกั้ง ในตอนนี้ทางวิสาหกิจชุมชนอยู่ในขั้นตอนของการขยายต้นพันธุ์สร้างรายได้ในระยะแรก คือ 1. มีการรับซื้อตอกระทุ่มนาจากชาวบ้าน จากพืชที่ไม่มีราคา แต่วันนี้กลายมาเป็นพืชสร้างรายได้ให้คนในชุมชนได้ตอละ 15-20 บาท โดยเฉลี่ยต่อวันต่อคนละ 200-300 ต้น สร้างรายได้วันละ 3,000-4,000 บาท 2. การจ้างงานคนมีฝีมือในการเสียบยอด อัตราเฉลี่ยวันละ 300-500 ต้น ต่อคน สร้างรายได้คนละประมาณ 2,500 บาท และ 3. แรงงานด้านการแพ็กเตรียมขนส่งขายทั่วประเทศ และในแง่ของการส่งออกระหว่างประเทศ จากการที่ได้ติดตามข่าวที่ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ว่า จะมีการแปรรูปเพื่อส่งออกตลาดยุโรป และในอีกหลายๆ ประเทศ เนื่องจากพื้นที่ที่มีอากาศหนาวจะไม่สามารถปลูกได้ ซึ่งในตอนนี้ทางกลุ่มของเราที่จดทะเบียนในนาม “นครศรีซุปเปอร์เฮิร์บ” เพื่อมารองรับในการต่อยอดผลผลิตที่เริ่มให้ชาวบ้านปลูกในพื้นที่ และขยายไปสู่กลุ่มทุนที่นำไปผลิตทำเครื่องดื่มชูกำลัง และผลิตภัณฑ์อื่นๆ

ก้านแดงหางกั้ง โตไวมาก

แนะนำเกษตรกรมือใหม่
ปลูก 1 ไร่ เพียงพอแล้ว

“วันนี้เงินลงทุนสำหรับเกษตรกรมือใหม่ ถ้าในพื้นที่ภาคใต้ก็ใช้เงินลงทุนไม่สูง ราคาต้นพันธุ์โดยเฉลี่ยที่มีการจำหน่ายออกไปให้กับลูกค้ามีตั้งแต่ราคา 80-250 บาท อยู่ที่สภาพของต้นตอที่นำมาเสียบและสายพันธุ์ ซึ่งวันนี้ถ้าบ้านนึงอยากจะมีสัก 2 ต้น ราคาต้นละ 150 บาท ก็เป็นเงิน 300 บาท แต่ถ้าอยากปลูกเชิงการค้า ระบบน้ำ วันนี้ในการปลูกพืชกระท่อมไม่ต้องใช้ถึงระบบสปริงเกลอร์ จะเป็นการเปลืองโดยใช่เหตุ แต่จะใช้ระบบทำแบบยกร่อง แล้วปล่อยระบบน้ำให้เข้ามาตามร่อง กระท่อมก็สามารถที่จะดูดน้ำเข้าไปเลี้ยงลำต้นได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้จำนวนเงินเยอะเพื่อทำระบบน้ำทุกจุดแล้ว” กำนันสรรเพชญ์ กล่าวทิ้งท้าย

สอบถามรายละเอียดวิธีการปลูกกระท่อมเพิ่มเติม หรือสนใจซื้อต้นพันธุ์กระท่อมไปทดลองปลูก สามารถติดต่อได้ที่เบอร์โทร. 093-746-3525, 094-941-4778 หรือติดต่อเฟซบุ๊ก : สรรเพชญ์พันธุ์ไม้ฯ

กระท่อมเสียบยอดก้านแดง
สร้างงาน สร้างรายได้ในชุมชน
ออเดอร์ล้น
เตรียมจัดส่งให้ลูกค้าทั่วประเทศ