สาวใหญ่ นครพนม เปิดสวนลิ้นจี่ นพ.1 เป็นแหล่งเรียนรู้

ลิ้นจี่ นพ.1 หรือ ลิ้นจี่ พันธุ์นครพนม 1 เป็นสายพันธุ์ที่เกิดการกลายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด มีการคัดเลือกสายพันธุ์ที่สถานีทดลองพืชสวนนครพนม มีลักษณะเด่นคือ มีการเจริญเติบโต ออกดอกติดผลสม่ำเสมอทุกปี ผลลิ้นจี่ นพ.1 จะมีลักษณะที่ค่อนข้างกลม เปลือกสีแดงเข้ม ผิวขรุขระไม่เรียบ เนื้อด้านในสีขาว ไม่แฉะ รสชาติอมเปรี้ยวอมหวาน รสชาติดี อร่อย นิยมรับประทานผลสด หรือแปรรูปเป็นผลไม้กระป๋อง เป็นต้น

คุณรัศมี อุทาวงศ์ อายุ 53 ปี เจ้าของสวนลิ้นจี่ อุทัยรัศมี จังหวัดนครพนม

ลิ้นจี่เป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยคาร์โบไฮเดรตและโปรตีน มีสรรพคุณช่วยย่อยอาหาร บำรุงอวัยวะภายใน นอกจากนี้ ลิ้นจี่ยังช่วยลดอาการกระหายน้ำได้ และหากนำเนื้อลิ้นจี่มาตากแห้งแล้วต้มกินเป็นประจำ จะช่วยบรรเทาอาการปวดโรคไส้เลื่อนหรือลูกอัณฑะบวม และยังช่วยรักษาโรคโลหิตจาง

คุณรัศมี อุทาวงศ์ อายุ 53 ปี อาศัยอยู่ที่สวนลิ้นจี่ อุทัยรัศมี จังหวัดนครพนม ปัจจุบัน คุณรัศมีประกอบอาชีพเป็นเกษตรกรปลูกลิ้นจี่ นพ.1 จำนวน 30 ไร่

ต้นกล้าลิ้นจี่ นพ.1

คุณรัศมี เล่าว่า ตนเองมีความชื่นชอบและหลงใหลในการทำเกษตรมาตั้งแต่วัยเด็ก เนื่องด้วยต้องไปช่วยคุณพ่อทำงานในสวนอยู่บ่อยๆ คุณรัศมีเกิดในครอบครัวเกษตรกร ที่ทำการเพาะปลูกพืชผัก ผลไม้ หลากหลายชนิด ด้วยความเคยชินจากการทำสวน ก็ทำให้ตนเองสามารถเข้าใจวิธีและขั้นตอนในการทำการเกษตรจากคุณพ่ออย่างไม่รู้ตัว

เมื่อคุณรัศมีเรียนจบ ก็กลับมาสานต่ออาชีพเกษตรจากคุณพ่อในวัย 20 ปี แต่การเกษตรที่คุณรัศมีชื่นชอบมากที่สุดคือ การเพาะปลูกลิ้นจี่ เพราะคุณพ่อปลูกลิ้นจี่มาเป็นระยะเวลานานและสามารถทำกำไรได้ดี และการได้รู้การทำเกษตรตั้งแต่วัยเด็กทำให้คุณรัศมีมีประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาได้ดี

รากต้นกล้าลิ้นจี่ นพ.1

ปัจจุบัน คุณรัศมีปลูกลิ้นจี่ นพ.1 จำนวน 30 ไร่ มีสวนชื่อว่า สวนลิ้นจี่ อุทัยรัศมี และสวนของคุณรัศมียังเปิดเป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับเกษตรกร หน่วยงานรัฐ หรือบุคคลทั่วไปที่มีความสนใจในลิ้นจี่ นพ.1 ข้อดีของลิ้นจี่ นพ.1 ที่โดดเด่นกว่าสายพันธุ์อื่นคือ มีรสชาติดี หวานอมเปรี้ยว เนื้อแห้ง ไม่แฉะ คุณรัศมี กล่าวว่า ลิ้นจี่ นพ.1 เป็นที่ต้องการของตลาดเป็นอย่างมาก ราคาดีมาตลอด

ต้นลิ้นจี่ นพ.1

คุณรัศมี กล่าวว่า การปลูกลิ้นจี่ให้ได้ผลผลิตที่ดีควรปลูกในพื้นที่อากาศเย็น แต่อากาศที่ทำให้ลิ้นจี่ออกผลผลิตได้ดีที่สุดคือ 18 องศาเซลเซียส หรือไม่เกิน 20 องศาเซลเซียส หากมีสภาพอากาศที่อุณหภูมิสูงกว่านี้จะทำให้ลิ้นจี่ไม่สามารถออกผลได้ ในการปลูกลิ้นจี่ของทางสวนจะปลูกกล้วยแซมเพื่อใบกล้วยจะเป็นร่มเงาให้กับต้นลิ้นจี่ เพราะหากต้นลิ้นจี่ที่โดนแสงแดดจัดๆ ทำให้ไม่ติดผล

คุณรัศมีอธิบายถึงขั้นตอนในการเพาะปลูกลิ้นจี่ นพ.1 เริ่มจากการเตรียมดิน ไถพรวนเพื่อปรับดินให้มีความเสมอกัน โดยดินต้องมีความอุดมสมบูรณ์และสามารถระบายน้ำได้ดี เพราะความชื้นที่มากในดินจะส่งผลให้ลิ้นจี่เจริญเติบโตช้า ขนาดหลุมปลูก กว้าง x ยาว x ลึก ประมาณ 50 x 50 x 50 เซนติเมตร แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพดินของพื้นที่นั้นๆ

ก้นหลุมใส่ปุ๋ยคอก ก่อนนำต้นกล้าลงหลุม เพื่อปุ๋ยคอกจะเป็นอาหารเสริมให้กับต้นกล้า จากนั้นควรมีไม้ค้ำเพื่อไม่ให้กิ่ง ลำต้น ต้นกล้าลิ้นจี่ เกิดหักหรือเสียหายได้ จากนั้นในช่วงการเพาะปลูกแรก ต้นอาจยังไม่แข็งแรงมาก ทางสวนจะรดน้ำโดยสปริงเกลอร์ในช่วงที่ต้นยังเล็ก 3-4 วัน 1 ครั้ง และจะหยุดรดน้ำในฤดูฝน

ในช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม เป็นการเข้าสู่ฤดูฝน ต้นลิ้นจี่จะแตกใบอ่อน ทางสวนจะใส่ปุ๋ยคอกอีกครั้งที่โคนต้นให้ช่วงปลายฤดูฝน โดยใช้สูตร 13-13-24 เพื่อไม่ให้ลิ้นจี่แตกใบอ่อนเพิ่ม เพราะหลังจากนี้สิ่งที่ต้องการคือการออกดอกของลิ้นจี่

สวนลิ้นจี่ นพ.1

เมื่อฤดูฝนผ่านไปก็เข้าสู่ช่วงฤดูหนาว ในช่วงนี้จะเป็นการแตกตาดอก จำเป็นต้องทำความสะอาดโคนต้น ไม่ให้มีใบไม้หรือน้ำขังที่บริเวณโคนต้นเพื่อป้องกันเพลี้ย โดยในช่วงฤดูหนาวจะต้องคอยรดน้ำอยู่สม่ำเสมอเพื่อไม่ให้หน้าดินแห้ง ในดินควรชุ่มชื้นอยู่เสมอ

ระยะต่อมาเมื่อติดดอกแล้ว ต้องคอยสังเกตว่าช่อดอกยาวแล้วหรือยัง หากช่อดอกยาวแล้ว ต้องระมัดระวังในการรดน้ำแบบฉีดพ่นที่อาจจะโดนช่อดอก เพราะอาจทำให้ดอกร่วงได้ ในระยะที่ช่อดอกยาวแล้วก็ยังคงให้ทำอย่างสม่ำเสมอเพื่อรักษาความชื้นในดิน เมื่อระยะช่อดอกบานมาถึง จะต้องหยุดรดน้ำเพื่อเป็นการรักษาช่อดอกที่บานไม่ให้หลุด

ต้นลิ้นจี่ นพ.1 ที่ออกผลผลิต

และทางสวนก็จะนำผึ้งมาเลี้ยงในช่วงระยะดอกบาน เพื่อให้ผึ้งได้ทำการผสมเกสร จากอีกต้นไปสู่อีกต้น ถือเป็นการผสมเกสรด้วยวิธีธรรมชาติที่ได้ผลดีเป็นอย่างมาก เมื่อดอกเริ่มมีขนาดเท่าหัวไม้ขีดไฟ จะกลับมาให้น้ำอีกครั้ง พร้อมกับให้อาหารเสริมสูตร 15-15-15 เพื่อช่วยให้ผลลิ้นจี่มีขนาดที่ใหญ่ และใส่ปูนขาวที่โคนต้นเพื่อป้องกันเชื้อราและไม่ให้ผิวลิ้นจี่แตก

เมื่อลูกเริ่มโตขึ้นเรื่อยๆ การให้น้ำก็จะเพิ่มปริมาณมากขึ้นตามขนาดผล เช่น ให้น้ำ 1 วัน เว้น 2 วัน โดยรดน้ำให้เปียกชุ่ม เพราะเมื่อลิ้นจี่เริ่มติดลูกแล้ว จะต้องการน้ำและสารอาหารมากขึ้นเพื่อการเจริญเติบโตที่ดี ทางสวนจะให้สารอาหารในการฉีดพ่นเพิ่ม โดยใช้แคลเซียมโบรอน พืชสามารถนำไปใช้ได้ทันที ช่วยเพิ่มผลผลิต เพิ่มการผสมเกสร และลดการหลุดร่วงของขั้วดอกและขั้วผล ยังช่วยให้พืชเจริญเติบโตได้ดีและแข็งแรง

ลิ้นจี่ นพ.1 ลูกใหญ่

เมื่อลิ้นจี่เข้าสู่ช่วงที่ใกล้เก็บผลผลิตได้แล้ว นอกจากการรดน้ำสม่ำเสมอเพื่อรักษาความชื้นในดินแล้ว จะให้สารอาหารเพิ่มสูตร 13-13-21, 0-0-60 เพื่อเพิ่มความหวานให้กับผล และในช่วงที่ผลออกอาจพบเจอกับโรคแมลงที่มากัดกินผลได้บ้างอย่างแมลงวันทอง ทางสวนมีวิธีจัดการกับแมลงวันทองโดยการทำกับดักล่อให้แมลงวันทองลงไปในขวด โดยมีต้นกะเพราแดงที่มีกลิ่นหอมล่อแมลงวันทองให้ลงไปในขวดน้ำ แทนที่จะมากัดกินผลผลิต โดยนำกับดักนี้แขวนไว้ที่ต้นลิ้นจี่

ลิ้นจี่จะสามารถให้ผลผลิตได้เมื่ออายุ 2-3 ปี ผลผลิตจะค่อยๆ ออกผลทีละรุ่นเพื่อรอการเก็บเกี่ยวในแต่ละครั้ง และต้นลิ้นจี่ยังถือเป็นพืชอายุยืน หากดูแลอย่างดีก็สามารถให้ผลผลิตได้ถึง 10 ปี สามารถเก็บเกี่ยวได้ในเดือนเมษายนของทุกปี ทำให้จำหน่ายได้ในราคาดี และไม่มีปัญหาด้านการตลาด เป็นที่ต้องการของตลาดในประเทศและนอกประเทศ

คุณรัศมี กล่าวว่า ลิ้นจี่ นพ.1 สวนลิ้นจี่ อุทัยรัศมี ยินดีต้อนรับทุกท่านที่สนใจลิ้นจี่ สายพันธุ์ นพ.1 สามารถตอบได้ทุกคำถาม ทุกปัญหา จากประสบการณ์จริง ปลูกยังไงให้ได้ผลผลิตดี คงคุณภาพ แหล่งเรียนรู้สวนลิ้นจี่ อุทัยรัศมี มีคำตอบให้กับทุกท่านที่ให้ความสนใจ ลิ้นจี่ นพ.1

ให้ข้อมูลกับผู้ที่มาเยี่ยมชม แหล่งเรียนรู้ สวนลิ้นจี่ อุทัยรัศมี

สำหรับท่านใดที่สนใจ ผลผลิตลิ้นจี่ นพ.1 แท้ กิ่งพันธุ์ลิ้นจี่ นพ.1 แท้ สามารถติดต่อคุณรัศมี อุทาวงศ์ อายุ 53 ปี เจ้าของสวนลิ้นจี่ อุทัยรัศมี จังหวัดนครพนม โทรศัพท์ 081-320-1645, 090-840-8451 หรือติดตามความเคลื่อนไหวได้ทางเฟซบุ๊ก ลิ้นจี่นพ.1นครพนม