ต้นแบบมนุษย์เงินเดือน ทำเกษตรควบคู่งานประจำ จัดสรรพื้นที่ทำกินยอดเยี่ยม มีรายได้ไม่ขาดมือ

ในยุคข้าวยากหมากแพงแบบนี้ จะดีแค่ไหนถ้าทุกบ้านสามารถประหยัดรายจ่ายในครัวเรือนได้ ไม่ต้องอดมื้อกินมื้อ ด้วยการแบ่งพื้นที่เล็กๆ ปลูกพืชผักบางชนิดไว้กินเอง หรือลดพื้นที่การปลูกพืชเชิงเดี่ยว เป็นพืชผสมผสานเป็นกับข้าว เพื่อลดรายจ่ายต่อวันได้ และถ้าหากท่านสนใจอยากทำ จะมีเวลาน้อย เวลามากก็สามารถทำได้ทั้งนั้น ขอเพียงแค่ลงมือทำ

คุณคุณาวุฒิ แสงดาว หรือ พี่แอ๊ด

คุณคุณาวุฒิ แสงดาว หรือ พี่แอ๊ด อยู่ที่บ้านดู่น้อย หมู่ที่ 7 ตำบลโนนแดง อำเภอโนนศิลา จังหวัดขอนแก่น เซอร์วิส เอ็นจิเนีย หัวใจเกษตร ใช้วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ทำงานที่รัก เด่นที่การจัดสรรพื้นที่และการวางระบบเลือกปลูกพืชที่ดูแลจัดการง่าย แต่ให้ผลตอบแทนดี มีเวลาน้อยสามารถทำได้สบาย

ปลานิลไซซ์ที่คนในหมู่บ้านต้องการ

พี่แอ๊ด เล่าถึงจุดเริ่มต้นการทำเกษตรว่า ปัจจุบันตนเองทำงานประจำที่บริษัทนำเข้าเครื่องจักรกลการเกษตรแห่งหนึ่ง ในตำแหน่ง เซอร์วิส เอ็นจิเนีย ซึ่งด้วยลักษณะของงานที่ต้องมีการลงพื้นที่ไปติดตั้งระบบอุปกรณ์เครื่องจักรกลการเกษตรให้กับเกษตรกรทั่วประเทศ ทำให้ได้เห็นรูปแบบการทำเกษตรมามากมาย ก็ได้อาศัยข้อได้เปรียบที่มีอยู่เข้าไปศึกษาเรียนรู้ขอแนวทางการทำเกษตรจากเกษตรกรมืออาชีพที่ได้พบเจอตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ประกอบกับนิสัยพื้นฐานที่ชื่นชอบการทำเกษตรเป็นทุนเดิม ทำให้ตนเองสามารถตัดสินใจที่จะเริ่มต้นทำงานเกษตรบนพื้นที่มรดกที่มีอยู่

สถานที่ปล่อยเลี้ยงปูนาอิงธรรมชาติ

โดยการปรับผืนนาที่มีอยู่กว่า 10 ไร่ ปลูกข้าวให้น้อยลง เพื่อที่จะใช้พื้นที่ส่วนที่เหลือทำเป็นเกษตรผสมผสาน เริ่มจากการปลูกมะนาวและไม้ผลยืนต้น แล้วใช้ประโยชน์จากร่มเงาของไม้ยืนต้นเป็นพืชพี่เลี้ยงในการต่อยอดปลูกผักหวานป่า ไปจนถึงการทำประมงขุดบ่อเลี้ยงปลา มีทั้งปลากินพืช ปลากินเนื้อ กุ้ง หอย ปู ปลา ครบทุกอย่างที่เป็นอาหาร ปลูกเอง กินเอง ขายเอง สามารถสร้างรายได้เสริมถึงหลักหมื่นต่อเดือนได้แบบสบายๆ

ช่วยกันจับปลาขาย

พื้นที่ 10 ไร่ จัดสรรอย่างไร
ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

เจ้าของบอกว่า จากเดิมที่ทำนาปลูกข้าวเต็มพื้นที่ 10 ไร่ แต่เมื่อต้องประสบกับปัญหาข้าวราคาตกอยู่บ่อยครั้ง จึงได้อาศัยความรู้ที่ได้มาจากพี่น้องเกษตรกรตอนลงพื้นที่มาประยุกต์ปรับเปลี่ยนผืนนาให้กลายเป็นสวนผสมผสาน ด้วยรูปแบบการจัดสรรพื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสูด คือปลูกพืช เลี้ยงสัตว์แบบเอื้อประโยชน์กันดังนี้

กล้วยน้ำว้า เครือใหญ่ หวีเยอะ
ผักหวานป่า ราคาดี กิโลกรัมละ 200 บาท
  1. ลดพื้นที่ปลูกข้าวเหลือ 5 ไร่ เป็นข้าวนาปี ผลผลิตเก็บเกี่ยวได้ปีละครั้ง เน้นปลูกไว้กินเองให้พอภายในระยะ 1 ปี โดยที่ไม่ต้องซื้อ
  2. ขุดบ่อเลี้ยงปลาไว้จำนวน 4 บ่อ แยกเป็นบ่อเลี้ยงปลารวมขนาดใหญ่จำนวน 1 บ่อ และบ่อเลี้ยงปลาขนาดย่อมที่มีความกว้าง 4×30 เมตร อีกจำนวน 3 บ่อ โดยมีการจัดสรรปันส่วนอย่างชัดเจน คือบ่อขนาดใหญ่จะปล่อยปลากินพืชลงไปเลี้ยง พร้อมทั้งปล่อยกุ้งฝอย หอยขม หอยปัง ลงไปรวมกันในบ่อให้เอื้อประโยชน์กันเองภายในบ่อ

และในบริเวณรอบขอบบ่อใหญ่จะล้อมรอบไปด้วย กล้วยน้ำว้า มะขามเทศ 3 สายพันธุ์ คือ เพชรโนนไทย สีชมพู และเกษตร เพื่อไว้เป็นไม้พี่เลี้ยงให้กับต้นผักหวานป่า

ผักหวานป่า ราคาดี กิโลกรัมละ 200 บาท

 

ปลูกตะไคร้รอบขอบสระ กันดินทรุด เก็บขายได้ทุกวัน

 

มะม่วงก็มี

ถัดมาบ่อขนาดย่อมจำนวน 3 บ่อ จะมีการแบ่งสัดส่วน คือแบ่งเลี้ยงปลาหมอจำนวน 1 บ่อ และเลี้ยงปลากินพืช เช่น ปลานิล ปลาตะเพียน ปลาแรด ปลายี่สก อีกจำนวน 2 บ่อ พร้อมปล่อยกุ้งฝอยและหอยขมลงไปด้วยในบ่อปลากินพืชอีกเช่นกัน ส่วนบริเวณขอบสระจะปลูกตะไคร้แซมไว้ตามคันดินเพื่อป้องกันดินทรุด และสามารถตัดขายให้พ่อค้าในหมู่บ้านได้ราคากิโลกรัมละ 10-12 บาท ตามฤดูกาล และพื้นที่ตรงกลางที่เหลือแบ่งปลูกเป็นไม้ผล ทั้งมะม่วง ขนุน ละมุด มะขามป้อม และอื่นๆ อีกอย่างละนิดละหน่อย เพื่อให้ได้ผลผลิตที่สามารถนำมาประกอบอาหารกินได้ทุกฤดู

  1. พื้นที่สำหรับเลี้ยงปูนา ด้วยการประยุกต์ให้อยู่กับธรรมชาติโดยการใช้กระเบื้องลอนคู่มือสองมาล้อมพื้นที่ประมาณเกือบ 1 ไร่ เพื่อจะปล่อยปูนาพันธุ์พระเทพ เลี้ยงแบบอิงธรรมชาติ พร้อมกับปลูกไผ่กิมซุ่งไว้ด้วยหลายสิบต้น ในบริเวณบ่อเลี้ยงปูนา

 

เวลาน้อย มีวิธีบริหารจัดการอย่างไร
ให้ได้ผลผลิตออกมาสม่ำเสมอ

เชื่อว่ามนุษย์เงินเดือนหลายท่านเมื่ออ่านมาถึงตรงนี้แล้วต่างสนใจและอยากจะลองทำงานเกษตรควบคู่กับงานประจำบ้าง แต่ยังติดอยู่กับข้อจำกัดของเวลาที่มีอยู่น้อยนิด พี่แอ๊ด บอกว่า ไม่ใช่ปัญหา เพราะอย่างตนเองก็เป็นมนุษย์เงินเดือนทำงานประจำเหมือนกัน แต่สิ่งสำคัญอยู่ที่การเริ่มต้น ควรต้องมีการวางแผนจัดการระบบให้รัดกุมตั้งแต่ทีแรก เพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้มีเวลาน้อยก็ตาม

“สิ่งที่สำคัญที่สุดในการปลูกพืชคือน้ำ ผมก็ถือโอกาสเอาประสบการณ์จากงานประจำมาใช้ ด้วยการติดตั้งปั๊มบาดาลโซลาร์เซลล์ หลังจากนั้นปล่อยธรรมชาติ แล้ววางระบบน้ำสปริงเกลอร์ตั้งเวลาเปิด-ปิด ให้พืชตั้งตัวได้ หลังจากนั้นปล่อยธรรมชาติ ส่วนปุ๋ยจะใช้ช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ เข้ามาจดข้อมูลพร้อมกับทำตารางการใส่ปุ๋ยให้กับพืช ว่าพืชแต่ละชนิดต้องใส่ปุ๋ยช่วงไหน โดยปุ๋ยที่ใช้เป็นปุ๋ยอินทรีย์ทั้งหมด

ปั๊มน้ำโซลาร์เซลล์ พลังงานสะอาด

ต่อมา คือการมองให้เห็นถึงจุดเด่นและจุดด้อยของพืชแต่ละชนิด หากอยากจะเลือกพืชที่ต้องการการดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ คนที่มีเวลาน้อยไม่แนะนำให้ปลูก เพราะว่าการดูแลบริหารจัดการทุกอย่างจะยากขึ้นไปอีกขั้น ดังนั้นแล้วก่อนปลูกพืชแต่ละชนิด ผมจะคัดเลือกพืชที่ปลูกและดูแลง่าย ทนแล้ง ไม่ต้องการน้ำมาก เพียงแค่ดูแลเอาใจใส่เฉพาะในช่วงแรก ก็คือไม้ยืนต้น อย่างมะขามเทศ เป็นพืชที่เกิดที่ไหนก็เกิดได้ สามารถจำหน่ายได้ในราคาที่ดี ใส่ปุ๋ยแค่ปีละ 2 ครั้ง และมะขามเทศเป็นพืชตระกูลถั่ว ใบที่หล่นลงมาก็กลายเป็นปุ๋ยบำรุงดินไปในตัว แถมยังช่วยเป็นไม้พี่เลี้ยงให้กับต้นผักหวานป่า เพราะมองว่าแต่ฤดูกาลผักหวานป่ามีราคาสูงกิโลกรัมละ 200-300 บาท ในขณะเมื่อเทียบกับการดูแลไม่ต้องมาก ดูแลแค่ในช่วง 6 เดือนแรก หลังจากนั้นเมื่อเข้าหน้าฝนอีกครั้งเขาก็อยู่ได้ของเขา ผมแทบไม่ได้บริหารอะไรเลย เพียงแต่มีการจัดสรรระบบให้ดีตั้งแต่ตอนเริ่มต้น หรือสรุปง่ายๆ คือก่อนจะปลูกอะไรก็ตามต้องศึกษาพืชแต่ละชนิดในพื้นที่ก่อนว่าสามารถอยู่ได้ทนไหม โดยการดูแลน้อยที่สุดผมจึงค่อยตัดสินใจนำพืชชนิดนั้นมาปลูก”

สวิตช์เลือกใช้งานปั๊ม แต่ละตัว ถ้าต้องการเลือกใช้งานปั๊มซับเมอร์สก็สลับลง ถ้าต้องการเลือกใช้งานปั๊มหอยโข่งก็สลับขึ้น

เกษตรผสมผสาน
สร้างรายได้ไม่ขัดสน

มะนาวที่ปลูกไว้ถึงฤดูเก็บขาย

 

มะขามเทศสีแดงน่ากิน

พี่แอ๊ด บอกว่า การทำสวนผสมผสานของตนเองมีแนวคิดเริ่มต้นมาจากการทำอย่างไรให้พออยู่ พอกิน หลังจากนั้นเมื่ออิ่มท้องแล้วจึงขายสร้างรายได้ จนกลายเป็นว่าที่สวนผสมผสานมีพืชสร้างรายได้ทั้งรายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน ยกตัวอย่าง 1. ตะไคร้พืชอายุสั้น และกล้วยน้ำว้า ตรงนี้สามารถเก็บได้ทุกวัน จากพ่อค้ารายย่อยในหมู่บ้าน นี่คือรายได้รายวัน 2. รายสัปดาห์ตอนนี้คือผักหวานป่า เก็บขายได้ทุกสัปดาห์ เพราะว่าผักหวานป่าแตกยอดตลอด 3. รายเดือนเป็นปลาหมอ ใช้เวลาเลี้ยงประมาณ 120 วัน จับขายได้ 1 ปีเลี้ยงได้ 2-3 รอบ ก็จะมีปลาขายหมุนเวียนไปเรื่อยๆ ส่วนปลากินพืชเน้นขายให้คนในหมู่บ้าน ไม่ได้เลี้ยงขุนให้เป็นปลาไซซ์ใหญ่มากนัก เลี้ยงแบบธรรมชาติ เน้นขนาด 4-5 ตัว ต่อกิโลกรัม เพราะเป็นไซซ์ที่คนในหมู่บ้านนิยม

ส่วนการตลาดนั้น หาได้รอบตัว เริ่มต้นจากขายให้คนในชุมชนก่อน ไม่ได้ส่งให้พ่อค้าคนกลางรายใหญ่หรือพ่อค้าที่มารับจำนวนมาก แต่จะทำจำหน่ายเองผ่านช่องทางออนไลน์ รวมถึงการให้ความรู้วิธีการปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ จนกลายเป็นการบอกปากต่อปาก ก็มีคนสนใจทั้งพืชผักผลไม้ที่ปลูก และอีกส่วนคือคนที่สนใจอยากเข้ามาศึกษาดูงานที่สวนก็มีหมุนเวียนเข้ามาเรื่อยๆ ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างที่ตั้งใจไว้ว่า “เศรษฐกิจพอเพียง เรียนรู้ และแบ่งปัน”

เลี้ยงหอยขมในบ่อรวม

 

กุ้งฝอยในบ่อรวม

“ที่ผ่านมาผมก็จะพยายามบอกให้ชาวบ้านเปลี่ยนวิถีการปลูกพืชเชิงเดี่ยว จากเคยทำนาอย่างเดียวก็ให้ลดพื้นที่ปลูกแต่พอกิน อย่างเมื่อก่อนญาติพี่น้องของผมก็ปลูกกันแต่ข้าวอย่างเดียว แล้วต้นทุนค่าปุ๋ยก็สูง สวนกระแสกับราคาข้าวที่ตกต่ำ แต่พอญาติพี่น้องได้มาเห็นสวนเรากำลังไปได้ดี เขาก็เริ่มมาทำตามแบบผมมากขึ้น ต่างจากเมื่อก่อนที่จะไม่ยอมเสียที่นา จะปลูกแต่ข้าวอย่างเดียว แต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนแปลงหาพืชอย่างอื่นมาปลูก แล้วก็ขุดบ่อเป็นร่อง มีไม้ผลมาปลูก เริ่มเปลี่ยนการปลูกพืชเชิงเดี่ยวมาเลี้ยงสัตว์ เพื่อจำหน่ายในพื้นที่ใกล้เคียงกันแล้ว เพราะฉะนั้นตามแนวคิดของผมสรุปได้ว่าการทำเกษตรคืออาชีพที่หล่อเลี้ยงชีวิตได้ ถึงแม้ว่าคนทำอาจจะไม่ได้ร่ำรวยเป็นเศรษฐี แต่ทำให้เรามีอยู่ มีกิน โดยไม่ขัดสนแน่นอน” พี่แอ๊ด กล่าวทิ้งท้าย

ปูนาที่จับได้ภายในบ่อ

 

บ่อเลี้ยงปลาขนาดใหญ่ ล้อมรอบไปด้วยไม้ผลนานาพรรณ

 

ปลาจะละเม็ด

 

บ่อเลี้ยงปลาขนาด 4×30 เมตร

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เบอร์โทร. 090-732-0572 หรือติดต่อได้ที่เพจเฟซบุ๊ก : สวนแสงดาว