จากชีวิตลูกจ้าง สู่เกษตรกรปลูกเงาะโรงเรียน บนพื้นที่ดินภูเขาไฟ รสชาติดี สร้างเงินล้าน

ปัจจุบัน ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีผู้คนจำนวนไม่น้อย เลือกหันหลังให้กับเมืองใหญ่ ตลอดจนการไปทำงานในพื้นที่ไกลๆ กลับมามองหาอาชีพที่สามารถเป็นเจ้าของกิจการเองได้ในพื้นที่ของตนเอง ซึ่งจะเห็นได้จากตามรายการทีวี ตลอดจนหนังสือต่างๆ ที่มีบุคคลจากหลากหลายอาชีพ ต่างมาหาความสุขที่ต้องการ ด้วยการทำเกษตรกรรมที่เห็นมาแต่ครั้งปู่ ย่า ตา ยาย จนถึงขนาดที่เรียกว่าผลผลิตที่มี ขายดิบขายดีจนมีไม่พอขายกันเลยทีเดียว เหมือนเช่นเกษตรกรหลายๆ รายที่อยู่ในจังหวัดอุบลราชธานี

คุณณรงค์ ทูลสูงเนิน เกษตรอำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ให้ข้อมูลว่า สภาพของพื้นที่ในอำเภอน้ำยืนนั้น เหมาะสมกับการปลูกไม้ผลได้มากมายหลากหลายชนิด เพราะดินในพื้นที่เป็นดินภูเขาไฟ ทำให้สามารถปลูกไม้ผลได้ดี อาทิ เงาะ ทุเรียน แก้วมังกร ฯลฯ ซึ่งผลผลิตที่ได้จึงมีรสชาติที่ดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความหวาน และรสสัมผัสอื่นๆ

คุณทองดี กุนาเพียง

“ตอนนี้เรียกได้ว่า ผลไม้ในพื้นที่นี้มีรสชาติดี จึงเหมือนเป็นมิติใหม่ของอำเภอน้ำยืน ที่เกษตรกรเกิดความตื่นตัวที่จะปลูกไม้ผลหลากหลายชนิด ซึ่งตอนนี้ทางจังหวัดเองกำลังส่งเสริมให้มีการปลูกทุเรียนเพิ่มขึ้นอีก ประมาณ 260 ไร่ ซึ่งมีเกษตรกรเป้าหมายเข้าร่วมแล้ว 52 ราย ซึ่งเราก็จะมีการให้พันธุ์ทุเรียน ตลอดจนศึกษาดูงานทางด้านการตลาด ก็คาดหวังว่าจากการดำเนินการเรื่องนี้สำเร็จ ก็จะทำให้ทุเรียนจังหวัดอุบลราชธานีเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายได้แน่นอน รวมทั้งไม้ผลอื่นๆ ด้วย อย่างเงาะโรงเรียนตอนนี้ก็ถือว่ามีผลผลิตดีมีเกษตรกรที่มีประสบการณ์ปลูกอยู่ด้วยในขณะนี้” คุณณรงค์ กล่าว

คุณทองดี กุนาเพียง อยู่บ้านเลขที่ 314 หมู่ที่ 2 ตำบลบุเปือย อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เป็นอีกหนึ่งเกษตรกรที่เคยจากถิ่นฐานบ้านเดิมไปทำงานไกลถึงภาคใต้ของประเทศไทย จึงได้มีแนวความคิดที่จะกลับมาทำสวนไม้ผลด้วยตนเอง จนประสบผลสำเร็จมากว่า 10 ปี โดยทำสวนอยู่บนเนื้อที่ประมาณ 15 ไร่ แต่กลับสามารถทำเงินได้เป็นหลักล้านบาทกันเลยทีเดียว

 

จากชีวิตลูกจ้าง สู่เกษตรกรเจ้าของสวนเงาะ

คุณทองดี เล่าให้ฟังว่า เริ่มแรกเดิมทีเป็นลูกจ้างทำงานอยู่ภายในสวนทางภาคใต้ จึงได้พอเรียนรู้สิ่งต่างๆ เกี่ยวกับการทำสวนมาบ้าง เมื่อรู้สึกว่าอยู่ไกลจากบ้านมากเกินไป จึงได้หาโอกาสกลับมาอยู่บ้าน พร้อมทั้งทดลองปลูกพืชในพื้นที่ว่างที่มีอยู่ เมื่อปี 2545

“ก่อนหน้านั้นที่เราเลิกเป็นลูกจ้างเขา เราก็มาปลูกพวกพืชไร่ก่อน ผลปรากฏว่าราคาผลผลิตทางด้านนี้ไม่ตอบโจทย์ ยิ่งทำรู้สึกว่าไม่คุ้ม ก็เลยมาค่อยๆ ปรับพื้นที่เป็นไม้ผลจำพวกเงาะแทน ช่วงนั้นก็เริ่มที่ 200 ต้น พอเจริญเติบโตขึ้นโดนลมพัดโค่นไป ก็เหลืออยู่จริงตอนนี้ประมาณ 150 ต้น ก็สามารถให้ผลผลิตได้ดี” คุณทองดี บอกถึงที่มา

ผลเงาะ

ค่อยๆ ขยายพื้นที่ เน้นผลผลิตตามฤดูกาล

คุณทองดี เล่าต่อว่า เงาะที่นำมาปลูกจะต้องรอให้ต้นมีอายุประมาณ 3-4 ปี จึงจะเริ่มให้ผลผลิตเก็บขายได้ โดยเวลานี้ก็ได้ไม้ผลชนิดอื่นมาปลูกด้วย คือ ทุเรียน ซึ่งทุเรียนที่ปลูกจนให้ผลผลิตสามารถขายได้มีอยู่ประมาณ 30 ต้น และได้เพิ่มพื้นที่ปลูกไปอีกประมาณ 50 ต้น

“พอผลผลิตที่ออกมาขายจนหมดแล้ว เราก็จะเตรียมดูแลต้นให้สมบูรณ์ ด้วยการตัดแต่งกิ่ง จากนั้นก็จะใส่ปุ๋ยบำรุงเป็นสูตรเสมอ 15-15-15 เดือนละ 1-2 ครั้ง เพื่อให้ต้นเงาะมีความสมบูรณ์ สามารถออกผลผลิตได้ในฤดูกาลถัดไป ส่วนเรื่องการรดน้ำ เงาะถือว่าเป็นพืชที่ขาดน้ำไม่ได้ ต้องมีน้ำผลผลิตถึงจะดี เราจะดูที่หน้าดิน ถ้าแห้งก็จะให้น้ำตามความเหมาะสม” คุณทองดี บอก

พื้นที่ภายในสวน

เมื่อผ่านการดูแลต้นเงาะเข้าสู่ต้นเดือนมกราคม คุณทองดี บอกว่า ไม้จะเริ่มออกดอกให้เห็นเพิ่มมากขึ้น ซึ่งในช่วงนี้จะเปลี่ยนปุ๋ย เป็นสูตร 8-24-24 โดยเน้นให้มีตัวกลางและท้ายสูง จากนั้นผ่านเข้าสู่เดือนกุมภาพันธ์ต้นก็จะเริ่มติดผล ก็จะเตรียมการฉีดพ่นฮอร์โมนเพื่อบำรุงในเรื่องของการดูแลการติดผล เดือนละ 2-3 ครั้ง และที่สำคัญในเรื่องของการให้น้ำ ต้องหมั่นดูแลอย่าให้ขาดจนกว่าผลผลิตจะแก่ ซึ่งผลผลิตจะออกขายได้เมื่อเข้าสู่เดือนมิถุนายน

ในเรื่องของการป้องกันโรคและแมลงนั้น คุณทองดี บอกว่า ช่วงที่อากาศร้อนในเดือนมีนาคม-เมษายน ศัตรูของเงาะที่ต้องระวังคือ เพลี้ยแป้ง เพลี้ยหอย จะฉีดพ่นยาป้องกันตามอาการที่เกิด ซึ่งช่วงนี้สำคัญมากต้องดูแลเป็นพิเศษ

บ่อน้ำไว้ใช้ภายในสวน

ผลไม้จากดินภูเขาไฟ รสชาติดี ตลาดต้องการ

คุณทองดี เล่าถึงเรื่องของการตลาดให้ฟังว่า ในช่วงแรกที่เริ่มทำสวนใหม่ๆ เมื่อผลผลิตเริ่มมีให้เก็บขาย จะนำไปขายเองตามตลาดนัด เพื่อให้เป็นที่รู้จักของลูกค้าเสียก่อน ซึ่งผลตอบรับจากการขายผลผลิตค่อนข้างดี ต่อมาไม่ต้องนำออกไปขายที่ไหนอีกเลย โดยมีพ่อค้าแม่ค้ามาซื้อถึงสวนกันเลยทีเดียว

“ตอนนี้ก็ถือว่าเงาะยังเป็นผลไม้ที่บ้านเรายังนิยมกินอยู่ ซึ่งราคาที่ผมขายอยู่หน้าสวน ก็อยู่ที่กิโลกรัมละ 30-35 บาท เมื่อเทียบกับสมัยก่อนแล้ว ราคาปัจจุบันนี่ถือว่าดีมาก ซึ่งสมัยก่อน กิโลกรัมละ 8-10 บาท ถือว่าเดือนมิถุนายนเงาะที่นี่ก็จะเริ่มให้ผลผลิตแก่ขายได้ โดยสวนผมต่อปีเฉลี่ยแล้ว ได้ผลผลิตประมาณ 40-50 ตัน ก็สามารถเป็นอาชีพที่มีรายได้เลี้ยงครอบครัวได้ ส่วนทุเรียนก็ขายผลผลิตได้อยู่ที่กิโลกรัมละ 90-100 บาท ก็พอสามารถขายทำเงินได้เช่นกัน” คุณทองดี กล่าวถึงเรื่องตลาด

ผลผลิตดก

สำหรับผู้ที่สนใจอยากจะปลูกเงาะเป็นอาชีพสร้างรายได้ คุณทองดี แนะนำว่า สิ่งที่สำคัญของการปลูกเงาะคือ เรื่องแหล่งน้ำต้องมีอย่างเพียงพอ จึงจะทำให้ผลผลิตดีมีคุณภาพ ส่วนเรื่องอื่นๆ สามารถเรียนรู้และสอบถามจากผู้ที่มีประสบการณ์ เท่านี้ก็จะทำให้ประสบผลสำเร็จได้ไม่ยาก ขอให้มีการจัดการที่ดี

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณทองดี กุนาเพียง หมายเลขโทรศัพท์ (093) 856-1851

ทุเรียนที่ปลูกผสมกับเงาะ
(คนที่ 2 จากขวา) คุณณรงค์ ทูลสูงเนิน เกษตรอำเภอน้ำยืน และ คุณพระลานชัย พวงบุตร นายก อบต. บุเปือย (คนที่ 5 จากขวา)