หนุ่มลพบุรี “ปลูกหน่อไม้ฝรั่ง” 8 ไร่ เก็บขายส่งโรงงานทุกวัน ฟันรายได้หลักแสนต่อเดือน

หน่อไม้ฝรั่ง หรือ “แอสพารากัส” (Asparagus) เป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดในทวีปยุโรปและเอเชียตะวันตก อุดมไปด้วยคุณค่าทางสารอาหารมากมาย โดยในแต่ละก้านของหน่อไม้ฝรั่งเปรียบเสมือนแหล่งวิตามินชั้นดี ประกอบไปด้วย วิตามินซี วิตามินบี วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 และวิตามินบี 6 วิตามินเค วิตามินบี วิตามินเอ มีปริมาณเกลือต่ำมาก ไม่มีไขมันหรือคอเลสเตอรอล มาพร้อมกับรสชาติหวานกรอบเมื่อตอนได้รับประทานเข้าไป

คุณเจริญไชย จำปาสด หรือ คุณบาส

ปัจจุบันพบปลูกแพร่หลายในประเทศไทย เพราะเป็นพืชที่ลงทุนปลูกครั้งเดียวเก็บเกี่ยวผลผลิตได้นาน ราคาดี ตลาดทั้งในและต่างประเทศยังสดใส จึงถือเป็นอีกหนึ่งพืชทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับเกษตรกรที่ต้องการมีรายได้อย่างต่อเนื่อง เพราะมีผลผลิตออกมาให้เก็บเกี่ยวขายได้ทุกวัน

คุณเจริญไชย จำปาสด หรือ คุณบาส อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 113 หมู่ที่ 9 ตำบลดงดินแดง อำเภอหนองม่วง จังหวัดลพบุรี เกษตรกรรุ่นใหม่ ดีกรีปริญญาตรี มุ่งมั่นกลับมาพัฒนางานเกษตรของที่บ้าน จากที่เคยปลูกพืชไร่ มีรายได้เพียงปีละครั้ง พลิกชีวิตด้วยการปลูกหน่อไม้ฝรั่งส่งโรงงานบนพื้นที่ 8 ไร่ ฟันรายได้ 80,000-100,000 บาทต่อเดือน

การหว่านเมล็ด เป็นการเพาะแบบหว่านลงแปลง

คุณบาส เล่าให้ฟังว่า หลังจากเรียนจบปริญญาตรี ตนเองก็มุ่งมั่นกลับมาสานต่ออาชีพเกษตรกรรมที่ทำดั้งเดิมมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ เพราะด้วยความมีใจรักในงานด้านการเกษตรอยู่แล้วเป็นทุนเดิม จึงมีความตั้งใจอยากกลับมาพัฒนาอาชีพของที่บ้านให้ดีขึ้น โดยในช่วงแรกที่กลับมาทำเป็นการเข้ามาสานต่อในเรื่องของการปลูกพืชเชิงเดี่ยว อย่างเช่น อ้อย มันสำปะหลัง และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ จนมาถึงที่ต้องประสบกับปัญหาภัยแล้ง ผลผลิตตกต่ำและขายไม่ได้ราคา ทำให้ที่บ้านขาดทุนจากการปลูกพืชเชิงเดี่ยว จึงต้องหาทางออกด้วยการทดลองหาพืชอย่างอื่นมาทดลองปลูก เช่น บวบ ข้าวโพดหวานสายพันธุ์ต่างๆ แต่ก็ไม่ตอบโจทย์ทั้งในเรื่องของรายได้ และต้องลงทุนปลูกใหม่ทุกครั้ง จนได้มาเจอกับ “หน่อไม้ฝรั่ง” ถือเป็นพืชที่ตอบโจทย์มากๆ ทั้งในเรื่องของการปลูกการดูแล เพราะหน่อไม้ฝรั่งปลูกครั้งหนึ่งสามารถเก็บผลผลิตได้นาน เก็บได้ทุกวัน ทำให้มีรายได้หมุนเวียนไว้ใช้จ่ายในครอบครัว ประกอบกับมีโรงงานรับซื้อเป็นประจำ อาชีพการปลูกหน่อไม้ฝรั่งจึงกลายเป็นอาชีพที่สร้างรายได้มั่นคงให้กับครอบครัวไปแล้ว

เมล็ดพันธุ์หน่อไม้ฝรั่ง

ปลูกหน่อไม้ฝรั่ง 8 ไร่ รับทรัพย์เข้ากระเป๋าทุกวัน

คุณบาส บอกว่า หน่อไม้ฝรั่งเป็นพืชที่ค่อนข้างปลูกง่าย บางครั้งแค่เมล็ดร่วงลงดินต้นก็สามารถเจริญเติบโตขึ้นได้ แต่จะมีข้อจำกัดในเรื่องของความอ่อนไหวต่อสภาพอากาศ โดยในช่วงปีแรกที่ตนเองเริ่มปลูกช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิต ช่วงนั้นสภาพอากาศแล้ง และสิ่งที่ตามมาเป็นของคู่กันคือเพลี้ยระบาดหนักมาก ผลผลิตเสียหายไปกว่าครึ่ง หรือถ้าเป็นในช่วงฝนตกชุก จะเกิดปัญหาในเรื่องของเชื้อราตามมา แต่ยังโชคดีตรงที่ว่าเราไม่จำเป็นต้องโละแปลงทิ้งแล้วปลูกใหม่เหมือนกับพืชหลายชนิด เพราะเมื่ออากาศเข้าสู่สภาวะปกติหน่อไม้ฝรั่งจะกลับมาสวย สมบูรณ์เหมือนเดิม หรือเรียกว่า “อ่อนไหว แต่ทนทาน และตายยาก”

เมล็ดที่งอกหลังจากการนำไปบ่มในกระปุกแล้วใช้ทรายถม

ปัจจุบันที่สวนมีพื้นที่การปลูกหน่อไม้ฝรั่งทั้งหมด 8 ไร่ มีการแบ่งเก็บเป็นล็อก ล็อกละ 2 ไร่ เพื่อให้มีผลผลิตออกมาให้เก็บได้ทุกวัน โดยเลือกปลูกสายพันธุ์บล็อกอิมพรูฟ ซึ่งพันธุ์นี้ได้รับการปรับปรุงเพื่อให้เหมาะสมกับสภาพอากาศในประเทศไทย มีคุณสมบัติแข็งแรง ขนาดใหญ่ และทน รวมถึงเป็นสายพันธุ์ที่ตลาดต้องการ

ต้นที่งอกแบบการเพาะใส่ถุงดำ

การเพาะเมล็ด สามารถทำได้ 2 รูปแบบ คือ

1. การเพาะเมล็ดในถุงดำ สามารถใช้ดินปลูกสำเร็จรูป หรือจะผสมดินใช้เองก็ได้ ก่อนนำมาเพาะให้นำเมล็ดพันธุ์ไปแช่ในน้ำอุ่นไว้ 1 คืน จากนั้นนำเอาออกมาห่อผ้า หรือนำไปใส่ไว้ในกระปุก แล้วนำทรายมาถมไว้เพื่อเก็บความชื้น ไว้ประมาณ 3 วัน รากจะเริ่มงอกขึ้นมา แล้วนำมาเพาะใส่ถุง ถุงละ 1 เมล็ด ดูแลรดน้ำก่อนย้ายลงแปลงปลูก

2. นำไปเพาะเป็นต้นกล้าในแปลงที่ยกร่อง เตรียมดินโดยการใช้ปุ๋ยคอกหรือแกลบสดคลุกผสมกับดินให้ร่วนซุยเพื่อให้ต้นกล้าแข็งแรง จากนั้นนำเมล็ดพันธุ์ที่ผ่านการแช่น้ำอุ่น และเก็บความชื้นเหมือนการเพาะในถุงดำ มาหว่านลงในแปลงปลูก ใช้คราดลากไป-มา แล้วรดน้ำวันละครั้ง

สภาพแปลงปลูกหน่อไม้ฝรั่งของที่ไร่เจริญไชย ฟาร์ม

โดยเทคนิคของที่สวนจะปลูกด้วยวิธีหว่านเมล็ดลงแปลงปลูก เพื่อประหยัดต้นทุนค่าถุงเพาะชำ ในอัตราการหว่านเมล็ดพันธุ์ 1 ขีด ต่อพื้นที่ 10×10 ตารางเมตร เพื่อให้รากที่งอกออกมาสมบูรณ์ ส่งผลทำให้ก้านของหน่อไม้ฝรั่งมีขนาดใหญ่ แข็งแรง และทน

ต้นกล้าที่แปลงเพาะกล้าแบบหว่านลงแปลง

การดูแลรดน้ำ-ใส่ปุ๋ย หลังจากการเพาะกล้าได้ประมาณ 3 เดือน ต้นกล้าเจริญเติบโตแข็งแรง จึงย้ายลงแปลงปลูก หมั่นดูแลรดน้ำทุกวันช่วงเช้า ด้วยระบบน้ำสปริงเกลอร์ หรือสายน้ำหยดก็ได้ ส่วนระบบสายน้ำพุ่งจะใช้แค่ตอนอยู่ในแปลงเพาะกล้า

ต้นกล้าที่ขุดจากแปลงเพาะกล้าเพื่อที่จะย้ายไปลงแปลงปลูก

การบำรุงใส่ปุ๋ย หลักๆ ในช่วงของการบำรุงต้นและใบจะใช้เป็นปุ๋ยสูตร 25-5-5 หรือ 21-0-0 และในส่วนของช่วงเก็บหน่อ จะใช้สูตร 21-7-14 หรือ 15-9-20 เพื่อบำรุงให้หน่ออวบ สมบูรณ์ ใส่ปริมาณไม่ต้องเยอะแต่ใส่ถี่ๆ ประมาณ 3-4 วันใส่ครั้ง โดยมีข้อแนะนำว่าหากเป็นในช่วงที่ฝนตกชุก ต้องมีการฉีดพ่นยาเพื่อป้องกันเชื้อราควบคู่กันไปด้วย

ต้นที่กำลังพัก ไม่ถอนหน่อ ปล่อยให้โตเป็นต้นแม่

ระยะเวลาในการเก็บเกี่ยว ใช้เวลาปลูกตั้งแต่ขั้นตอนการเพาะกล้าและย้ายลงแปลงปลูกประมาณ 6 เดือน หรือถ้าอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ คือ จะใช้เวลาอยู่ในแปลงเพาะกล้า 3 เดือน และอยู่ในแปลงปลูกอีก 3 เดือน พอหลังจากเก็บผลผลิตรอบแรก จากนั้นสามารถเก็บผลผลิตได้ทุกวันเป็นเวลาประมาณ 2 เดือนครึ่ง ถึง 3 เดือน

หลังจากย้ายลงแปลงปลูกประมาณ 2-3 อาทิตย์

“ช่วงเวลาที่เก็บเกี่ยว 1 รอบ (1 มีด) จะใช้เวลา 4 เดือนครับ แบ่งเป็นเก็บเกี่ยวทุกวันเป็นเวลาประมาณ 2 เดือนครึ่ง ถึง 3 เดือน ต้นจะเริ่มโทรมจึงเริ่มทำการพักต้นโดยการถอนต้นเก่าออกทั้งหมด แล้วปล่อยให้หน่อใหม่เติบโตมาเป็นต้นแม่ของมีดต่อไป ใช้เวลาให้หน่อใหม่เติบโตประมาณ 1 เดือน โดยในช่วงพีกจะเก็บผลผลิตได้ประมาณวันละ 80-90 กิโลกรัม ขึ้นอยู่กับสภาพภูมิอากาศ หากช่วงไหนสภาพอากาศเหมาะสมไม่ร้อนไม่เย็นเกินไป ผลผลิตจะออกเยอะ หรืออากาศที่ร้อนชื้นผลผลิตก็ออกได้ดีอีกเช่นกัน แต่ถ้าฝนตกชุกจะทำให้เป็นโรคได้ง่าย หรือในช่วงอากาศหนาวเย็น หน่อก็จะโตช้ากว่าปกติ”

ขั้นตอนการตัดแต่งก่อนนำมาคัด จะนำหน่อไม้ฝรั่งที่ถอน มาใส่บล็อกให้ยอดเท่ากัน แล้วตัดให้เท่ากันที่ 25 เซนติเมตร

มีตลาดโรงงานรองรับ ตอนนี้ผลผลิตไม่พอขาย

หากจะกล่าวถึงการตลาดของหน่อไม้ฝรั่ง คุณบาส อธิบายว่า ตลาดส่งหลักๆ ของที่สวนตอนนี้ปลูกส่งให้กับโรงงานทั้งหมด โดยเป็นการรวมกลุ่มกับสมาชิกอีกประมาณ 5-6 ราย เพื่อรวบรวมผลผลิตส่งให้กับโรงงานที่เข้ามารับซื้อ และทางโรงงานจะนำไปตัดแต่งแพ็กส่งขายไปที่ไต้หวัน โดยราคารับซื้อจะคัดแยกตามเกรดมีตั้งแต่เกรด A, B, C และ Z เกรด A จะได้ราคาสูงที่สุด ส่วนเกรด Z จะได้ราคาถูกที่สุด โดยปัจจุบันหน่อไม้ฝรั่งของที่สวนจะขายได้ราคาเฉลี่ยอยู่ที่กิโลกรัมละ 60-70 บาท ถือว่าเป็นราคาที่น่าพึงพอใจ เพราะหน่อไม้ฝรั่งถือเป็นพืชอีกหนึ่งชนิดที่ราคาดีอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งผลผลิตที่ทำอยู่ตอนนี้มีไม่เพียงพอต่อความต้องการของโรงงาน

ตัดแต่งแล้วเรียบร้อย เตรียมส่งโรงงาน

โดยสาเหตุส่วนหนึ่งอาจจะมาจากที่หน่อไม้ฝรั่งมีตลาดกว้างส่งออกได้หลากหลาย ทั้งไต้หวัน ญี่ปุ่น และอีกหลายประเทศ ส่งผลทำให้ราคาหน่อไม้ฝรั่งในประเทศมีราคาที่สูง เพราะถ้าลองสังเกตกันจริงๆ แล้วในประเทศไทยจะหาซื้อได้ยาก ส่งผลทำให้ของในประเทศมีราคาแพง โดยส่วนตัวจึงมองว่าอนาคตของหน่อไม้ฝรั่งยังสดใส

หน่อไม้ฝรั่งเกรด A

“ราคาของผลผลิตตอนนี้ถือว่าดี พอให้เรามีเงินเอามาใช้จ่ายในแต่ละเดือน เมื่อเทียบกับในตอนที่พ่อกับแม่ปลูกพืชไร่เพียงอย่างเดียวรายได้ถือว่าต่างกันเยอะมาก อย่างทำอ้อย 20 ไร่ อย่างมากอาจจะได้หลักแสนต่อปี แต่ถ้าเกิดว่าเป็นหน่อไม้ฝรั่งที่ทำอยู่ 8 ไร่ ที่ผ่านมาสามารถทำรายได้ประมาณ 80,000-100,000 บาทต่อเดือน ต้นทุนถ้าคิดจริงๆ จะเป็นค่าแรงงานที่หนักๆ แต่ถ้าเราทำงานเองในแปลงเป็นหลัก เงินก็จะเหลือเยอะ”

จึงอยากแนะนำสำหรับเกษตรกรที่สนใจอยากปลูกถือเป็นพืชที่น่าสนใจ แต่ต้องมีเวลาลงแปลงทุกวัน ทั้งการจัดการดูแล การเก็บเกี่ยวผลผลิต รวมถึงการตลาดเพราะถึงแม้ว่าหน่อไม้ฝรั่งจะเป็นพืชที่ตลาดต้องการสูงก็จริง แต่ถ้าต้องการจับตลาดให้ได้จำเป็นต้องมีผลผลิตในปริมาณเยอะ เกษตรกรผู้ปลูกอาจจะต้องรวมกลุ่มเพื่อให้มีผลผลิตส่งตามที่โรงงานต้องการ กับอีกสิ่งที่ต้องคำนึงถึงคือลักษณะนิสัยของเกษตรกรแต่ละคนด้วยว่าต้องการใช้ชีวิตแบบไหน ถ้าไม่อยากทำงานทุกวัน อาจจะลงทุนปลูกพืชไร่แล้วรอเก็บผลผลิตปีหนึ่งรอบหนึ่ง แต่ถ้าอยากมีรายได้ต่อเนื่องทุกวันหน่อไม้ฝรั่งถือว่าตอบโจทย์ เพราะปัจจุบันตนเองก็ยังคงปลูกพืชไร่ไว้สำหรับสร้างเงินเก็บเป็นก้อน นำไปใช้หนี้สินที่มีอยู่ และเก็บไว้ลงทุนหรือซื้อสินทรัพย์ต่างๆ เพื่อสร้างความมั่นคง ส่วนรายได้จากหน่อไม้ฝรั่ง ถือเป็นรายได้นำมาเป็นค่าใช้จ่ายประจำวันในครอบครัว คุณบาส กล่าวทิ้งท้าย

แปลงเพาะแบบหว่านลงแปลงที่ใช้สายน้ำพุ่งวางรดน้ำ

สามารถสอบถามรายละเอียดเทคนิคการปลูกหน่อไม้ฝรั่งอย่างมืออาชีพเพิ่มเติมโทร. 092-779-5776 หรือติดต่อได้ที่เฟซบุ๊ก : ไร่เจริญไชย ฟาร์ม