“โคไนซี่” อินทผลัมผลสีแดง ทานได้ทั้งสดและแห้ง สาวสระบุรี ปลูกขายสร้างรายได้ ก.ก.ละ 450 บาท

อินทผลัม เป็นหนึ่งในผลไม้เก่าแก่ที่สุดในโลก โดยมีบันทึกหลักฐานทางประวัติศาสตร์กว่า 5,000 ปี เป็นพืชตระกูลปาล์ม มีถิ่นกำเนิดในแถบตะวันออกกลาง สามารถเจริญเติบโตได้ดีในภูมิภาคที่มีอากาศร้อนและแห้งแล้งแบบทะเลทราย คนไทยเริ่มรู้จักอินทผลัมในรูปของผลไม้อบแห้ง ที่รสชาติหวาน ทานแล้วสดชื่น ยุคก่อนอาจจะหายากสักหน่อย ส่วนใหญ่แล้วโน่นเลยที่หาดใหญ่ สงขลา แต่ต่อมาเริ่มหาซื้อง่ายขึ้น เพราะนิสัยชอบปลูกต้นไม้ของคนไทย เมื่อได้ทานผลไม้รสดี จึงนำเมล็ดเพาะแล้วปลูกลงดิน ต้นอินทผลัมเจริญเติบโตดี แต่ไม่ได้ผลผลิตตามแบบฉบับดั้งเดิม

คุณอัจฉราพร ศรีคำ หรือ คุณกิ่ง เกษตรกรรุ่นใหม่วัย 28 ปี ทายาทเจ้าของสวนอินทผลัมธีรพร เพาะเนื้อเยื่อ ตั้งอยู่ที่ 9/3 หมู่ที่ 2 ตำบลหนองบัว อำเภอบ้านหมอ จังหวัดสระบุรี เรียนจบจากคณะเศรษฐศาสตร์ กลับมาสานต่ออาชีพเกษตรจากครอบครัว ต่อยอดพัฒนาจากสวนผักหวานป่า สู่สวนอินทผลัมเพาะเนื้อเยื่อสร้างรายได้ เน้นปลูกสายพันธุ์โคไนซี่ ผลสีแดง ทานได้ทั้งผลสดและผลแห้ง เป็นสายพันธุ์ที่ดูแลไม่ง่าย แต่ให้ผลตอบแทนดี

คุณอัจฉราพร ศรีคำ หรือ คุณกิ่ง

คุณกิ่ง เล่าฟังว่า หลังจากที่ตนเองเรียนจบมหาวิทยาลัย คณะเศรษฐศาสตร์ ก็กลับมาสานต่องานเกษตรของที่บ้านทันที โดยก่อนหน้าที่จะมาปลูกอินทผลัม พ่อกับแม่ปลูกผักหวานป่ามาก่อน แต่ด้วยปัญหาทางด้านราคาของผักหวานป่าไม่สู้ดีนัก ที่บ้านจึงตัดสินใจโละแปลงปลูกผักหวานป่าออกทั้งหมด เพื่อเปลี่ยนมาปลูกไม้ผล ซึ่งตอนนั้นก็ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะนำไม้ผลอะไรมากปลูก แล้วบังเอิญว่าแม่ได้ไปเห็นอินทผลัมจากที่อื่นแล้วเกิดความสนใจ จึงได้ตัดสินใจนำอินทผลัมมาปลูกในที่สุด

“หากย้อนไปเมื่อ 6 ปีที่แล้ว อินทผลัมยังถือเป็นพืชใหม่ที่ในประเทศไทยยังไม่ค่อยมีคนรู้จัก บวกกับที่ในพื้นที่จังหวัดสระบุรียังไม่มีใครปลูก พ่อกับแม่จึงถือโอกาสนำอินทผลัมเข้ามาปลูกเป็นสวนแรกๆ ของจังหวัดสระบุรี แต่ก่อนที่จะตัดสินใจปลูกพ่อกับแม่ได้มีการศึกษาข้อมูลก่อนลงมือปลูกจริงๆ เป็นระยะเวลาเกือบปี เนื่องจากที่บ้านไม่เคยปลูกพืชที่เป็นไม้ผลมาก่อน เน้นปลูกแต่พืชไร่เป็นหลัก ประกอบกับอินทผลัมเป็นพืชที่ตลาดยังไม่กว้าง มีตลาดรองรับน้อย จึงต้องใช้เวลาในการศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดจนมั่นใจแล้วตัดสินใจปลูก และพยายามหาแหล่งซื้อต้นพันธุ์ที่มีใบรับรองสายพันธุ์ที่น่าเชื่อถือได้ เนื่องจากราคาต้นพันธุ์อินทผลัมเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อค่อนข้างมีราคาแพง ทุกอย่างจึงต้องไปไปอย่างรอบคอบ”

 

“โคไนซี่” สายพันธุ์หลักสร้างรายได้
ราคาดีต่อเนื่อง มีเท่าไหร่แม่ค้ารับหมด

คุณกิ่ง บอกว่า ปัจจุบันที่สวนของตนเองมีพื้นที่ปลูกอินทผลัมบนพื้นที่ประมาณเกือบ 5 ไร่ แบ่งปลูกอินทผลัมอยู่ทั้งหมด 4 สายพันธุ์ ได้แก่ 1. โคไนซี่ ถือเป็นสายพันธุ์สร้างรายได้หลักของสวน สัดส่วนปริมาณการปลูกครึ่งหนึ่งของพื้นที่ มีจุดเด่นที่รสชาติหวานเข้มข้น ผลสีแดงสวย สามารถทานได้ทั้งผลสดและผลแห้ง 2. บาฮีเหลือง 3. บาฮีแดง ในอนาคตวางให้เป็นอีกสายพันธุ์สร้างรายได้เด่น เนื่องจากบาฮีแดงยังเป็นสายพันธุ์ที่คนปลูกน้อย รสชาติอร่อย โดยปีนี้จะเป็นปีแรกที่ทางสวนจะเริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตโดยคาดการณ์ราคาขายอยู่ที่กิโลกรัมละ 600-650 บาท และ 4. อัมเอ็ดดาฮาน รสชาติคล้ายน้ำผึ้งเดือนห้า สีของผลเป็นสีโอลด์โรส

พร้อมเก็บเกี่ยวผลผลิต

เทคนิคการปลูกการดูแล

สำหรับสายพันธุ์โคไนซี่ ความยากอยู่ที่การเข้าสี จะยากกว่าบาฮีเหลือง เพราะฉะนั้นราคาจะค่อนข้างสูงกว่าบาฮีเหลือง ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเป็นบาฮีเหลืองจะเข้าสีพร้อมกัน หากกำหนดเวลา 150 วัน พร้อมเก็บเกี่ยว บาฮีเหลืองจะเข้าสีพร้อมตัดได้ทั้งจั่น หรืออาจจะตัดได้ก่อนเวลาที่กำหนด แต่ถ้าเป็นโคไนซี่ บางครั้งกำหนดวันเก็บเกี่ยวที่ 150 วัน ก็ยังไม่สามารถตัดได้ อาจจะต้องเลื่อนไปถึง 160-170 วัน เพราะว่าการเข้าสีไม่พร้อมกัน รสชาติก็จะหวานไม่พร้อมกัน ตรงนี้ก็ต้องมาให้ความใส่ใจที่การบำรุงยังไงไม่ให้ผลแตกก่อนวันเก็บเกี่ยว นี่คือความยากของการปลูกโคไนซี่

สภาพแปลงปลูก โล่งโปร่ง ดูแลจัดการง่าย

โดยที่สวนจะเลือกใช้ต้นพันธุ์เพาะเนื้อเยื่อในการปลูกทั้งหมด เพราะ 1. ต้นพันธุ์เพาะเนื้อเยื่อจะแยกเพศผู้เพศเมียมาให้อย่างชัดเจน เมื่อนำมาลงปลูกไม่ต้องลุ้นว่าจะเป็นต้นตัวผู้หรือตัวเมีย 2. ผลผลิตที่ได้ออกมาจากต้นพันธุ์เพาะเนื้อเยื่อ รสชาติจะหวาน และฝาดน้อย แต่มีข้อเสียคือต้นพันธุ์เพาะเนื้อเยื่อจะมีราคาที่สูงต่างจากต้นพันธุ์เพาะเมล็ดอยู่มากพอสมควร

การเตรียมดิน ก่อนปลูกที่สวนจะเริ่มหมักดินทิ้งไว้ก่อน โดยการขุดหลุมลึกประมาณ 60 เซนติเมตร ถึง 1 เมตร แล้วใส่ปุ๋ยคอก ปุ๋ยมูลค้างคาว 6-3-3 โดโลไมท์ และผสมฟูราดานลงไปในหลุมหมักทิ้งไว้  1 เดือน จึงค่อยนำต้นพันธุ์เพาะเนื้อเยื่อที่เตรียมไว้ลงหลุมปลูก ปลูกในระยะห่างระหว่างต้น 8×8 เมตร พื้นที่ 1 ไร่ ปลูกได้ประมาณ 25 ต้น

ระบบน้ำแบบประยุกต์ ทุกต้นได้น้ำในปริมาณเพียงพอ

ระบบน้ำ ที่สวนจะใช้เป็นระบบน้ำที่ประยุกต์ขึ้นมาไว้ใช้ในสวนอินทผลัมโดยเฉพาะ ไม่ได้ใช้เป็นระบบน้ำหยด แต่จะเป็นในลักษณะของการวางท่อแล้วทำวาล์วน้ำเปิด-ปิด ไว้ทุกต้น คล้ายกับการเปิดสายยางรดเพื่อให้น้ำปริมาณมาก เพราะอินทผลัมเป็นพืชที่ชอบน้ำ ยิ่งถ้าเป็นในช่วงที่กำลังติดผล ยิ่งต้องให้น้ำทุกวัน เพราะถ้าให้น้ำไม่เพียงพอเมื่อเข้าสู่หน้าฝนจะทำให้ผลอินทผลัมแตกเสียหาย

โดยในช่วงที่ต้นยังไม่ให้ผลผลิต จะรดน้ำ 3-4 ครั้งต่ออาทิตย์ เพราะอินทผลัมเป็นพืชที่ทนแล้งก็จริง แต่ก็ไม่ควรขาดน้ำ และยิ่งถ้าสวนไหนสะดวกให้น้ำทุกวัน หรือวันเว้นวันได้ก็ยิ่งดี แล้วหลังจากนั้นพอต้นเริ่มติดผล จะเปลี่ยนมารดน้ำทุกวัน วันละ 20 นาที เพื่อป้องกันไม่ให้ผลแตก

การบำรุงใส่ปุ๋ย อินทผลัมเป็นพืชที่สามารถปลูกได้ทั่วทุกภาค ส่วนผลผลิตจะออกมาได้ผลดีมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับขั้นตอนการบำรุงใส่ปุ๋ย เริ่มต้นดูแลใส่ปุ๋ยตั้งแต่ตอนที่ต้นยังไม่ให้ผลผลิตจะบำรุงใส่ปุ๋ยเดือนละครั้ง หรือถ้าใครมีเวลาจะบำรุงใส่ปุ๋ยทุก 15 วันครั้งก็ได้ โดยอัตราการใส่หากเลือกใส่เดือนละครั้งอัตราการใส่จะมากกว่าการใส่ทุก 15 วันครั้งหน่อย โดยที่สวนจะเลือกใส่ปุ๋ยมูลค้างคาว 6-3-3 หรือ 20-10-10 เพื่อช่วยเร่งการเจริญเติบโต อัตราการใส่หากต้นยังเล็กอายุยังไม่ถึง 1 ปี ใส่ต้นละประมาณ 2 ขีด จากนั้นพอต้นเริ่มใหญ่อายุ 1 ปีขึ้นไป จะเพิ่มปริมาณการใส่เป็นต้นละครึ่งกิโลกรัมถึง 1 กิโลกรัม

จากนั้นเมื่อต้นเริ่มติดผลการบำรุงใส่ปุ๋ยจะต้องมีการปรับเปลี่ยนสูตรปุ๋ยทุกช่วง ในเดือนสิงหาคม-กันยายน ต้นพืชจะเริ่มสะสมอาหาร จะเลือกใส่ปุ๋ยสูตร 14-7-35 อัตรา 1 กิโลกรัมต่อต้น

เมื่อเข้าสู่เดือนธันวาคมเป็นต้นไป ช่อดอกจะเริ่มออก ไปจนถึงเดือนเมษายน ที่สวนจะบำรุงด้วยปุ๋ยสูตร 8-24-24 อัตรา 1 กิโลกรัมต่อต้น ไปจนกว่าต้นจะเริ่มติดผล ช่วยให้การผสมเกสรติดดีขึ้น

พอหลังจากเดือนเมษายนไปแล้ว จะไม่มีช่อดอกออกแล้ว ก่อนหน้าที่ผสมเกสรไปจะเริ่มติดเป็นผลเล็กๆ ก็ต้องเปลี่ยนสูตรปุ๋ย เป็นสูตรขึ้นลูก ช่วยในการขึ้นรูปทรงได้ดี ด้วยสูตร 12-12-17 อัตรา 1 กิโลกรัมต่อต้น ใส่ไปจนถึงลูกเริ่มเข้าสี ช่วงติดผลผลิตแนะนำให้พ่นแคลเซียม-โบรอนทางใบเพิ่ม พ่นทุก 7-14 วัน จะช่วยลดการแตกและหลุดร่วงของผลได้

“โคไนซี่” กำลังเข้าสี

เมื่อลูกเริ่มเข้าสีจะเปลี่ยนปุ๋ยสูตรสุดท้าย เน้นสูตรที่โพแทสเซียมสูงๆ ช่วยขยายผล รสชาติหวานขึ้น เข้าสีสวย ด้วยสูตร 11-6-25 อัตรา 1 กิโลกรัมต่อต้น พร้อมเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมไปจนถึงกลางเดือนสิงหาคม

การห่อผล ที่สวนจะเลือกห่อผล 2 ชั้น ชั้นที่ 1 ห่อด้วยถุงตาข่ายสีขาวไว้สำหรับกันแมลงศัตรูพืช ชั้นที่ 2 ห่อคลุมด้วยถุงกระดาษสีน้ำตาล โดยถุงกระดาษสีน้ำตาลจะช่วยให้ผิวสวย และช่วยป้องกันแมลงอีกชั้น และหากช่วงไหนที่ฝนตกบ่อยๆ จะใช้วิธีเปิดถุงห่อออกให้ช่อผึ่งแดด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเชื้อราในช่วงฤดูฝน

โดยอุปสรรคสำคัญของการปลูกอินทผลัมคือด้วงมะพร้าว ที่สวนจะใช้ฟีโรโมนล่อด้วงมะพร้าว หรือใช้ยาสำหรับกำจัดศัตรูพืชหยอดตามกาบต้นบ้างนานๆ ครั้ง

ห่อผลด้วยถุงตาข่ายสีขาวกันแมลง

รวมถึงการหมั่นดูแลกำจัดวัชพืช เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งสะสมโรคและแมลง อินทผลัมถือเป็นพืชที่ปลูกแล้วตายยาก ทนแล้ง ต่อให้ขาดน้ำสัก 2-3 เดือน ต้นก็ไม่ตายแต่ก็เลี้ยงไม่โตเช่นกัน จึงต้องบอกว่าการปลูกไม่ยาก ยากอยู่ที่การจัดการดูแลมากกว่า โดยที่สวนจะมีการตัดหญ้า 2 เดือนครั้ง หรือหากช่วงไหนที่วัชพืชขึ้นเร็วก็ต้องเปลี่ยนมาตัดเดือนละครั้ง ที่สวนจะไม่ปล่อยให้สวนรกเลย เพราะถ้าสวนรกเมื่อไหร่จะทำให้มีหนูและแมลง กลายเป็นแหล่งสะสมโรค เชื้อรา และพยายามตัดแต่งก้านใบให้โล่งโปร่งให้แดดส่องถึงอยู่เสมอ

ผลผลิตต่อต้น อินทผลัมใช้เวลาปลูกประมาณ 4 ปี จะเริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ครั้งแรก โดยจั่นตัวเมียจะเริ่มออกตั้งแต่ช่วงเดือนธันวาคมไปจนถึงเดือนเมษายน ในช่วง 4 ปีแรก ขนาดจั่นจะยังไม่ใหญ่ จั่นหนึ่งจะได้ผลผลิตประมาณ 3-4 กิโลกรัมต่อจั่น 1 ต้น ได้ผลผลิตไม่เกิน 10 จั่น จากนั้นเมื่อต้นมีอายุมากขึ้นเรื่อยๆ ปริมาณผลผลิตต่อจั่นก็จะเพิ่มขึ้น และจำนวนจั่นก็เพิ่มขึ้นตาม โดยน้ำหนักต่อจั่นอยู่ที่ประมาณ  8-9 กิโลกรัมต่อจั่น และขึ้นอยู่ที่สายพันธุ์ด้วย ถ้าเป็นโคไนซี่จั่นจะไม่ใหญ่ น้ำหนักอยู่ที่ 4-5 กิโลกรัมต่อจั่น ถือว่าผลผลิตของที่สวนออกมาเป็นที่น่าพอใจ สำหรับสายพันธุ์โคไนซี่ปัจจุบันขายในราคากิโลกรัมละ 450 บาท

ทำการตลาดให้ปัง!
ต้องปรับตัวตลอดเวลา

อย่างที่หลายคนทราบดีว่าช่วง 2 ปีหลังมานี้ ราคาของอินทผลัมตกลงมาจากเดิมที่เมื่อ 6 ปีที่แล้วอินทผลัมราคาขายสูงถึงกิโลกรัมละ 700-1,000 บาท ตรงนี้ คุณกิ่ง บอกว่า การที่ราคาของอินทผลัมถูกลงมานั้นไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอย่างที่คิด เพียงแต่ว่าตัวเกษตรกรเองต้องมีการปรับตัวอยู่ตลอดเวลา อย่างของที่สวนหากช่วงไหนราคาไม่สูงมาก ทางสวนก็จะลดการใช้ปุ๋ยเคมี มาใช้ปุ๋ยอินทรีย์แทนเพื่อลดต้นทุน รวมถึงลดการใช้สารป้องกันแมลง แล้วปรับปรุงการจัดการสวนดูแลสวนให้โล่งโปร่งอยู่เสมอ บวกกับต้องมีความซื่อสัตย์ต่ออาชีพที่ทำถือเป็นเรื่องสำคัญ นั่นก็คือการส่งผลผลิตคุณภาพให้แม่ค้าทุกครั้ง ของไม่ดีต้องคัดออก โดยปัจจุบันที่สวนจะมีทั้งแม่ค้าที่เข้ามารับซื้อผลผลิตถึงสวน ส่งให้กับตลาดไท ตลาดสี่มุมเมือง และการขายออนไลน์ทางเพจเฟซบุ๊กด้วยตนเอง ซึ่งที่ผ่านมาผลผลิตของที่สวนปีหนึ่งผลิตได้เฉลี่ยปีละ 2-3 ตัน ก็ยังไม่พอขาย เพียงแต่ว่าต้องทำใจเรื่องราคา หากเป็นช่วงต้นฤดูราคาของผลผลิตจะสูง กลางฤดูราคาจะถูกลงมาหน่อย และปลายฤดูราคาจะกลับขึ้นไปสูงอีกครั้ง ตามกลไกของตลาด ถ้าเกษตรกรยอมรับได้ของก็ไปต่อได้

โคไนซี่ ผลสีแดงสวย รสชาติหวานเข้มข้น พร้อมจำหน่าย

“เทคนิคการตลาดของที่สวนจะใช้วิธีการเข้าไปคุยกับแม่ค้าบ่อยๆ ไปติดต่อนำเสนอผลผลิตที่เรามีอยู่ให้เขาดู ว่าของที่สวนเราเป็นแบบนี้ คุณภาพเป็นแบบนี้ หรือถามกับแม่ค้าว่าต้องการอยากได้ผลผลิตแบบไหน ถ้าแม่ค้าสนใจเขาก็จะถามต่อว่าสวนเราอยู่ที่ไหน การขนส่งใกล้กับแผงเขาไหม ถ้าทุกอย่างโอเค เขาก็ตกลงซื้อ-ขายผลผลิตจากเรา และยิ่งถ้าหากเราส่งของที่มีคุณภาพให้เขา ตรงนี้ถือเป็นจุดสำคัญว่าต่อไปเขาจะเป็นลูกค้าประจำเรา หรือสั่งทีเดียวแล้วหายไปเลย”

โดยปริมาณผลผลิตของสวนในแต่ละปีอยู่ที่ 2-3 ตัน ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ และปัจจัยภายนอกอื่นๆ ที่ไม่สามารถควบคุมได้ด้วย ราคาขายเฉลี่ยทั้งฤดูอยู่ที่กิโลกรัม 300 บาททุกสายพันธุ์ หักต้นทุนออก 40 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าหากใครสนใจปลูกอยากแนะนำให้ปลูกเป็นอาชีพเสริม เพราะอินทผลัมเป็นพืชผลที่ต้องอิงธรรมชาติ หากปีไหนอากาศไม่ดี ผลผลิตก็ไม่ดีตาม หากปีไหนอากาศดี บวกกับเจ้าของสวนดูแลดีด้วย ปีนั้นก็ถือว่ามีกำไรไม่น้อย

ผลขนาดกลาง

มือใหม่อยากปลูกวางแผนยังไง

“สำหรับเกษตรกรมือใหม่ที่สนใจอยากจะปลูกอินทผลัมสร้างรายได้ อันดับแรกคือต้องศึกษาข้อมูลจากหลายๆ ที่ รวมถึงการเข้าไปศึกษาเรียนรู้ตามสวนที่ปลูกแบบมืออาชีพ ส่วนเรื่องต้นพันธุ์ก็สำคัญ แนะนำให้ซื้อกับสวนที่มีใบรับรองสายพันธุ์ที่เชื่อถือได้ เพราะว่าอินทผลัมมีหลอกลวงกันเยอะ อย่างเช่น เอาต้นพันธุ์เพาะเมล็ดมาสวมเป็นต้นพันธุ์เพาะเนื้อเยื่อ แล้วเอามาขายในราคาเพาะเนื้อเยื่อ รวมไปถึงขั้นตอนการจัดการสวนกว่าที่จะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ต้องใช้จำนวนแรงงานเยอะไหม รวมถึงเงินทุน เพราะต้นพันธุ์มีราคาสูง และราคาปุ๋ยปัจจุบันก็สูงขึ้น จำเป็นต้องมีเงินทุนประมาณหนึ่ง” คุณอัจฉราพร กล่าวทิ้งท้าย

สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เบอร์โทร. 092-257-9434 หรือติดต่อได้ที่ช่องทางเฟซบุ๊ก : สวนอินทผลัมธีรพร เพาะเนื้อเยื่อ