ผู้เขียน | ธาวิดา ศิริสัมพันธ์ |
---|---|
เผยแพร่ |
“ทุเรียนโอฉี่” หรือหนามดำ กำลังเป็นที่นิยมในการบริโภค และนำไปปลูกกันมากในอำเภอเบตง จังหวัดยะลา โดยเป็นทุเรียนที่มีการปลูกกันมากรองลงมาจากทุเรียนสายพันธุ์มูซังคิง ของมาเลเซีย มีประวัติความเป็นมาจากการที่ นายเหลียว เชือก เกี๋ยง หรือ มิสเตอร์เกี๋ยง นำเอาเมล็ดทุเรียนไม่ทราบพันธุ์จากประเทศไทยเมื่อ 30 ปีก่อนไปปลูกจนต้นโตติดผลดกเต็มต้น มีทรงผลสวย เปลือกบาง เมล็ดเล็ก เนื้อสุกเป็นสีเหลืองอมส้ม เหมือนทองคำ เนื้อละเอียดเนียน รสชาติหวานมันและหวานแหลม มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เนื้อเยอะ ที่สำคัญเป็นสายพันธุ์เบา มีดอกและติดผลได้ง่าย หลังปลูกเพียงแค่ 4-5 ปี สามารถมีดอกและติดผลได้แล้ว น้ำหนักผลเฉลี่ยระหว่าง 2-3 กิโลกรัม และไม่มีรสขม
คุณธนเดช จันธนันกุล หรือ คุณกอล์ฟ เจ้าของสวนทุเรียน “บ้านไร่คุณหมอ” ยังสมาร์ทฟาร์มเมอร์ ยะลา ปี 2563 ตั้งอยู่ที่ 81/18 หมู่ที่ 5 ตำบลตาเนาะแมเราะ อำเภอเบตง จังหวัดยะลา เกษตรกรรุ่นใหม่เน้นผลิตทุเรียนเกรดพรีเมี่ยม “เนื้อต้องได้ สีต้องสวย รสชาติต้องหวานนุ่มเหมือนครีมเค้ก” ผลผลิตมีเท่าไหร่ไม่พอขาย
คุณกอล์ฟ เล่าให้ฟังว่า ตนเองเรียนจบมาทางด้านสาธารณสุข แต่หลังจากเรียนจบแล้วก็ไม่ได้ทำงานตรงตามสายที่เรียนมา โดยเลือกที่จะทำธุรกิจเป็นของตัวเอง ด้วยการเปิดร้านขายของฝากสำหรับนักท่องเที่ยวที่จังหวัดภูเก็ต พอมีเงินเก็บสักก้อนหนึ่ง จึงตัดสินใจกลับบ้านเพื่อมาสานต่ออาชีพเกษตรจากพ่อแม่ จากเดิมที่บ้านปลูกยางพาราเป็นหลัก แต่ด้วยสถานการณ์ราคายางพาราที่ลดลงไม่คุ้มค่ากับการลงทุน ตนเองและพ่อจึงเริ่มมีการปรับพื้นที่สวนยางมาทำสวนผสมผสาน และร่วมกันบุกเบิกปลูกทุเรียนเมื่อ 8 ปีที่แล้ว
โดยเลือกปลูกทุเรียนโอฉี่ หรือหนามดำ บนพื้นที่ 10 ไร่ ได้ต้นพันธุ์มาจากมาเลเซีย ตามคำแนะนำของป้า และมีโอกาสได้ทดลองชิมเองแล้วถูกใจรสชาติ และเนื้อของสีเหลืองจำปาสวยงาม จึงตัดสินใจมุ่งหน้าปลูกทุเรียนโอฉี่เป็นหลัก ซึ่งก็ถือเป็นความโชคดีของสวนที่เลือกปลูกสายพันธุ์นี้ เพราะช่วงที่ผลผลิตของที่สวนเริ่มให้ผลผลิต เป็นช่วงเดียวกับที่กระแสของทุเรียนกำลังมาพอดี จึงได้เปลี่ยนพื้นที่จากที่เคยปลูกยางพารามาทำสวนทุเรียนทั้งหมด ปัจจุบันขยายพื้นที่ปลูกทุเรียนประมาณ 90 ไร่ เนื่องจากผลผลิตของสวนที่มีอยู่ยังไม่เพียงพอกับความต้องการของตลาด ยังมีผู้บริโภคที่ต้องการบริโภคทุเรียนหนามดำอีกมาก จึงเป็นที่มาของการขยายพื้นที่ปลูกทุเรียนทั้งหมด
ซึ่งความน่าสนใจของทุเรียนโอฉี่ หรือว่าหนามดำ หลักๆ คือ
- รสชาติ หวานละมุน เนื้อเนียนละเอียด เส้นใยน้อย ละมุนเหมือนกินครีมเค้ก คล้ายกับกินทุเรียนก้านยาวกับพวงมณีผสมกัน หรือพูดง่ายๆ ว่าเป็นสายพันธุ์ที่ “ดุดัน ไม่เกรงใจใคร”
- สายพันธุ์เด่น ติดผลง่าย ไม่แพ้ใบอ่อน หมายถึง การติดผลของทุเรียนหนามดำไม่เหมือนสายพันธุ์อื่น ยกตัวอย่าง มูซังคิงกับหนามดำ หนามดำ “ตอนเราทำดอกได้ลูกเท่าไข่นกกระทา ต้นแตกยอดอ่อน 100 เปอร์เซ็นต์ ก็ไม่ร่วง แต่ถ้าเป็นพันธุ์อื่นๆ ยังมีร่วงให้เห็น ไม่ทิ้งลูกง่าย
- ราคาดี โดยราคาจำหน่าย ณ ปัจจุบันอยู่ที่ราคากิโลกรัมละ 600 บาท
- หากินได้ยาก เพราะพื้นที่ปลูกทุเรียนหนามดำที่เยอะที่สุดอยู่ที่อำเภอเบตง และปลูกเป็นยุคแรกๆ ทำให้หนามดำเบตงได้รับความนิยมมากที่สุด
“ปัจจุบันที่สวนปลูกทุเรียนโอฉี่ หรือหนามดำเป็นหลัก ปลูกอยู่ทั้งหมดประมาณ 700-800 ต้น มีทั้งส่วนที่ให้ผลผลิตและยังไม่ให้ผลผลิต ที่เหลือเป็นทุเรียนเบญจพรรณสายพันธุ์อื่นๆ อย่างละนิดอย่างละหน่อย เนื่องจากทุเรียนหนามดำเป็นสายพันธุ์ที่ผมคุ้นเคยมากที่สุด เริ่มปลูกมาตั้งแต่ตอนแรกทำให้เข้าใจลักษณะนิสัยของทุเรียนหนามดำเป็นพิเศษ ทั้งการดูแลรดน้ำใส่ปุ๋ย ทำยังไงให้ผลผลิตออกมาพรีเมี่ยมที่สุด บวกกับที่หนามดำเป็นทุเรียนที่มีรสชาติดีมากๆ ทำให้เป็นที่ต้องการของตลาด พอถึงหน้าทุเรียนเมื่อไหร่ ผมก็แทบจะไม่ต้องตามหาลูกค้าเลย เดี๋ยวมีพ่อค้าแม่ค้าวิ่งเข้ามาเองถึงที่สวน ถือว่าอนาคตของตลาดสดใสมากๆ ผมก็เลยเลือกปลูกหนามดำ”
เทคนิคการปลูกทุเรียนเกรดพรี่เมี่ยม
น้ำต้องถึง ปุ๋ยต้องใส่ให้ถูกจังหวะ
คุณกอล์ฟ อธิบายว่า สภาพพื้นที่ปลูกทุเรียนของสวนเป็นเนินสะเด็ดน้ำ ปลูกบนพื้นที่สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ตั้งแต่ 100 เมตรขึ้นไป ทำให้ได้ทุเรียนเนื้อแห้ง ละเอียด เส้นใยน้อย เนื้อมีสีเหลืองอ่อนหรือเข้มตามแต่ละสายพันธุ์ มีกลิ่นเฉพาะตัวตามสายพันธุ์รสชาติ ซึ่งทุเรียนแต่ละสายพันธุ์การบำรุงใส่ปุ๋ยไม่เหมือนกัน อยู่ที่จุดประสงค์ของแต่ละคนว่า จะทำผลผลิตส่งล้ง เน้นทำน้ำหนัก หรือว่าเน้นทำทุเรียนเกรดพรีเมี่ยม คือเนื้อของทุเรียนต้องแห้ง เนียนละเอียด สีสวย สำคัญที่ช่วงการบำรุงใส่ปุ๋ยให้ถูกจังหวะ
การเตรียมดิน ปลูกแบบขั้นบันได ด้วยสภาพพื้นที่ปลูกเป็นไหล่เขา ก่อนปลูกโรยปูนขาวทิ้งไว้ 1-2 อาทิตย์ เพื่อฆ่าเชื้อโรคในดิน จากนั้นวางระบบน้ำให้เสร็จเรียบร้อย จึงค่อยลงมือปลูก เพราะน้ำเป็นปัจจัยสำคัญมากสำหรับการปลูกทุเรียน “ไม่มีน้ำ ปลูกยังไงก็ไม่ได้ผลผลิต”
การบำรุงใส่ปุ๋ย หลังจากเตรียมดิน เตรียมระบบน้ำเสร็จ ขุดหลุมปลูกไม่ต้องลึกมากแค่ให้เสมอกับดินเก่า เพราะว่าทุเรียนจะมีรากอากาศที่หน้าดินเก่า หลังจากปลูกเสร็จดูแลรดน้ำเรื่อยๆ จนกว่าต้นจะแตกยอด จะเริ่มใส่ปุ๋ยครั้งแรก โดยเลือกใส่เป็นปุ๋ยอินทรีย์เคมี 6-3-3 อัตราการใส่ 1 ช้อนโต๊ะต่อครั้ง ในช่วงแรกๆ ใส่ปุ๋ยทุก 20 วัน ไปจนต้นอายุครบ 2 ปี พร้อมกับการรดน้ำอย่างสม่ำเสมอ
เมื่อต้นอายุครบ 2 ปี จะเริ่มเปลี่ยนมาใส่ปุ๋ยเคมีสูตรเสมอ 17-17-17 ผสมกับปุ๋ยสูตร 15-0-0 อัตราการใส่ 3 ขีดต่อต้น ทุก 20 วัน หรือให้ดูที่ทางพุ่มเป็นหลัก พร้อมกับการฉีดพ่นปุ๋ยทางใบสูตรเสมอ ธาตุอาหารรอง และธาตุอาหารเสริม ควบคู่กัน รวมถึงสารป้องกันกำจัดแมลง และเชื้อราทางใบทุเรียนเล็ก สูตรนี้บำรุงไปจนต้นอายุประมาณ 5 ปี พร้อมสังเกตดูลำต้นแข็งแรง สมบูรณ์แล้ว จะใส่ปุ๋ยทางดินสูตร 8-24-24 เมื่อต้นสะสมอาหารได้เพียงพอแล้ว พอกระทบแล้ง ดอกทุเรียนจะเริ่มออก ก็ฉีดพ่นบำรุงด้วยปุ๋ยน้ำสูตร 4-24-24 หรือ 0-25-30 ผสมกับธาตุอาหารรอง ธาตุอาหารเสริม เพื่อบำรุงดอก ให้เกสรตัวเมียเหนียว เมื่อดอกบาน จะทำให้มีโอกาสติดลูกสูง ฉีดพ่นบำรุงทุก 15 วันครั้ง ไปจนถึงก่อนเก็บเกี่ยวผลผลิต 1 เดือน
“กระทบแล้ง หมายความว่า ใน 1 ปี จะมีช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ฝนจะไม่ตก พอทุเรียนอดน้ำได้เต็มที่ พอเจอฝนต้นจะกระแทกดอกออกมา หลักการทุเรียนจะเป็นประมาณนี้”
จากนั้นมาถึงการบำรุงผลเท่าไข่ไก่ด้วยปุ๋ยสูตร 12-12-17 ทางดิน เข้าช่วงผล 1 กิโลกรัม ใส่ปุ๋ยสูตร 15-5-20 จนมาถึงช่วงสุดท้าย เป็นช่วงสำคัญก่อนเก็บเกี่ยวผลผลิต ต้องมีการฉีดบำรุงปุ๋ยโยกสี เพื่อให้ได้ทุเรียนเกรดพรีเมี่ยม เนื้อแห้ง หวานมัน โดยจะใส่เป็นปุ๋ยสูตร 0-0-50 หรือสูตร 3-30-30 เพื่อให้เนื้อทุเรียนมีสีเหลืองสวย ซึ่งสูตรนี้เกิดจากความชำนาญ และการลองผิดลองถูกมานานกว่า 8 ปี จนได้สูตรที่สามารถผลิตเนื้อทุเรียนออกมาได้สมบูรณ์ตามที่ต้องการ
อุปสรรคสำคัญสำหรับการปลูกทุเรียนโอฉี่ หรือหนามดำ คือช่วงที่กำลังไว้ลูกกิ่งจะเปราะ เจ้าของสวนอาจต้องใช้เวลาในขั้นตอนการโยงลูกสักหน่อย กับปัญหาในเรื่องของโรคเชื้อราใบติด หากปลูกในพื้นที่ฝนชุก ต้องแก้ด้วยการฉีดพ่นยาเชื้อราช่วงทำใบ หรือทางแก้เบื้องต้นที่สวนทำคือการหมั่นดูแลกำจัดวัชพืชในสวนให้โล่งเตียนอยู่เสมอ เพื่อลดความชื้นภายในสวน หรือถ้าเป็นช่วงฝนตกชุกจริงๆ จำเป็นต้องมีการฉีดพ่นยาเชื้อราทางใบควบคู่ไปกับธาตุอาหารทางใบ
ปริมาณผลผลิตต่อต้น อายุต้นของทุเรียนหนามดำที่สวน อายุ 8 ปี ผลผลิตอยู่ที่ประมาณ 70 ลูกต่อต้นขึ้นไป น้ำหนักเฉลี่ยต่อลูกอยู่ที่ 2.5-5 กิโลกรัม ใช้เวลาในการปลูก 4 ปี ให้ผลผลิตหลังดอกบาน 90 วัน ส่วนที่ปลูกและให้ผลผลิตแล้วมีจำนวน 10 ไร่ เก็บผลผลิตได้ปีละ 4-5 ตัน ปัจจุบันปริมาณของผลผลิตยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด
“คือพ่อค้าแม่ค้าตอนนี้เวลาผมเอาไปให้เขาชิม แม่ค้าเขาจะไปบอกต่อๆ กันว่าสวนเราอร่อย แม่ค้าก็จะรุมเข้ามาหาผมที่เดียวเลย เลยกลายเป็นว่าตอนนี้ผมไม่มีของส่งให้ลูกค้า กำลังอยู่ในช่วงรอเก็บเกี่ยวผลผลิตของพื้นที่ปลูกขยายเพิ่มในอีก 2 ปีข้างหน้าคาดว่าผลผลิตจะได้ไม่ต่ำกว่า 10 ตัน เท่ากับว่าตอนนี้มีแค่ 9 ไร่ ส่วนผลผลิตที่ปลูกเพิ่มไปก็คาดว่าตลาดก็ยังต้องการของเราอีก เพราะว่าเราทำทุเรียนออกมาได้คุณภาพ พ่อค้าแม่ค้าเขาวิ่งมาหาเราเอง โดยยึดทำตลาดออนไลน์เป็นหลัก มีทั้งขายปลีก และขายส่งให้กับพ่อค้าแม่ค้าที่มารับไปขายต่ออีกที ผ่านช่องทางเพจ บ้านไร่คุณหมอ Baan Rai Kun Mor และมีในส่วนของการทำส่งให้ล้งประจำ และเปิดหน้าร้านขายทุเรียนเกรดพรีเมี่ยมให้ลูกค้าประจำที่หาดใหญ่ในช่วงที่ว่างจากงานสวน เน้นทำการตลาดแบบคลาสสิก คือผลิตทุเรียนให้มีคุณภาพ รสชาติอร่อย แล้วให้ลูกค้าบอกกันปากต่อปาก ทำให้สวนเราเป็นที่รู้จักไปเรื่อยๆ ตลาดสดใสถือเป็นสายพันธุ์ทางเลือกต่อจากสายพันธุ์หมอนทอง แต่สามารถจำหน่ายได้ราคาดีกว่า หรือถ้าในอนาคตพื้นที่ปลูกมากขึ้น ราคาอาจมีการปรับลงบ้าง แต่ยังเป็นราคาที่ชาวสวนยังยิ้มออกแน่นอน” คุณกอล์ฟ กล่าวทิ้งท้าย
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เบอร์โทร. 092-424-6615, 094-564-6168 หรือเฟซบุ๊ก : บ้านไร่คุณหมอ Baan Rai Kun Mor