“โรสแมรี” สมุนไพรฝรั่ง ปลูกอย่างไรให้ได้เงินแสน!

โรสแมรี (Rosemary) เป็นพืชสมุนไพรพื้นเมืองของแถบเมดิเตอร์เรเนียน จัดอยู่ในวงศ์กะเพรา ใบมีรูปร่างคล้ายเข็ม ยาว 2-4 เซนติเมตร กว้าง 2-5 มิลลิเมตร มีกลิ่นหอม และเขียวอยู่ตลอดปี ด้านบนของใบมีสีเขียว ด้านท้องใบเป็นสีขาวและมีขนปกคลุม ดอกมีหลายสี เช่น สีขาว สีชมพู สีม่วง หรือสีฟ้า ใช้ปรุงอาหารทำให้มีกลิ่นหอม ปัจจุบันเริ่มเข้ามามีบทบาทในวงการอาหารบ้านเรามากขึ้น ไม่เพียงแค่เฉพาะโรงแรมที่ใช้นำมาประดับตกแต่งมื้ออาหารสุดหรู แต่ยังแพร่หลายไปถึงระดับครัวเรือนที่ชื่นชอบทำอาหารสไตล์ฝรั่ง ก็สามารถเข้าถึงสมุนไพรโรสแมรีนี้ได้ง่ายมากขึ้น และนอกจากการนำมาประดับเพื่อเพิ่มความสวยงามแล้ว “โรสแมรี” ยังมีส่วนช่วยทำให้รสชาติอาหารอร่อย มีความกลมกล่อมมากขึ้น สามารถช่วยลดกลิ่นคาวของอาหารประเภทเนื้อสัตว์ได้ดี รวมไปถึงสรรพคุณด้านกลิ่นช่วยรักษาไข้หวัด แก้ไอ ทำให้ชุ่มคอ ได้อีกด้วย

“โรสแมรี” สมุนไพรฝรั่ง
ปลูกขาย สร้างรายได้สวนกระแส

โรสแมรี ถือเป็นสมุนไพรที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในบรรดาสมุนไพรฝรั่ง

1. การเตรียมดิน สำหรับความเหมาะสมของดิน และสภาพอากาศในประเทศไทย นับว่าไม่เป็นปัญหาสำหรับการปลูกโรสแมรี แต่หัวใจสำคัญคือน้ำเท่านั้น เพราะจริงๆ แล้วโรสแมรี เป็นไม้แดด 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ที่หลายคนเลี้ยงตายนั้นไม่ใช่เพราะโดนแดดมากเกินไป แต่เป็นเพราะการรดน้ำที่ผิดวิธี

2. การปลูก สามารถปลูกได้ 2 วิธี วิธีที่1 คือวิธีการปลูกแบบลงดิน ใช้วิธีการปักชำกิ่งเพราะเป็นวิธีที่รวดเร็ว ไม่กลายพันธุ์ โดยให้ปลูกแบบยกร่อง เพื่อให้น้ำไหลผ่านได้สะดวก ระยะห่างระหว่างต้น 50 เซนติเมตร เหมาะสำหรับต้นที่มีอายุ 4 เดือนขึ้นไป

วิธีที่ 2 ปลูกในกระถาง โดยมีอัตราส่วนการผสมดินปลูกดังนี้ 1. ดินทั่วไป 2. ขุยมะพร้าว 3. กาบมะพร้าว 4. แกลบดิบ และ 5. ปุ๋ยขี้ไก่ นี้คือการผสมดินสำหรับเพาะขาย มีน้ำหนักเบา ช่วยลดภาระในการจัดส่งให้กับลูกค้า แต่ถ้าสำหรับท่านใดที่ปลูกไว้ที่บ้านให้เน้นใช้ดินเป็นส่วนผสมหลัก แล้วนำขุยมะพร้าว หรือกาบมะพร้าวเอาไว้รองก้นจะดีกว่า

ซึ่งการปลูก 2 วิธีนี้ขึ้นอยู่กับความสะดวกของแต่ละคนด้วย หากอาศัยอยู่ตามคอนโดมิเนียม มีพื้นที่จำกัดแนะนำให้ปลูกใส่กระถาง และเน้นใช้กระถางที่มีขนาดใหญ่

3. การให้น้ำ คือสิ่งสำคัญที่สุดของการปลูก “โรสแมรี่” เป็นพืชสมุนไพรที่ไม่ต้องการน้ำเยอะ แต่ต้องการน้ำในปริมาณที่พอดี หากรดน้ำมากเกินไปโคนต้นจะเน่าและไม่ติดราก ซึ่งแต่ถ้าให้น้ำน้อยไปก็ทำให้ไม่ติดรากอีกเช่นกัน เพราะฉะนั้นวิธีการรดน้ำที่เหมาะสมคือการรดน้ำในแต่ละครั้งจะรดให้ชุ่มจนน้ำไหลออกมานอกกระถาง แต่จะเว้นระยะในการรดไม่จำเป็นต้องรดทุกวัน โดยให้สังเกตตามสภาพอากาศ หากวันไหนที่อากาศร้อนก็ให้น้ำไว้สัก 30 นาที และหลังจากนั้นเมื่อต้นพ้นอายุ 1 เดือน ติดรากแล้วก็ไม่น่าเป็นห่วง

4. การใส่ปุ๋ย ใส่ปุ๋ยยูเรียสูตร 46-0-0 เสริมบ้างเล็กน้อย เพราะโรสแมรีไม่ได้ต้องการอาหารมาก

ระยะปลูกจนถึงเก็บเกี่ยว ใช้ระยะเวลาในการติดรากประมาณ 1 เดือน และต้องใช้เวลาเลี้ยงต่อไปอีกประมาณ 4 เดือน รวมระยะเวลาการปลูกถึงเก็บเกี่ยวใช้เวลาประมาณ 5 เดือน สามารถขายได้ และยังสามารถนำมาขยายพันธุ์ต่อได้อีก หรือเท่ากับการปลูกครั้งเดียว สามารถขยายพันธุ์ต่อไปได้เรื่อยๆ ซึ่งความยากอยู่ที่ระยะติดราก ผู้ปลูกต้องหมั่นดูแลเก็บรายละเอียด ตรวจแปลง เนื่องจากข้อจำกัดของแต่ละพื้นที่แตกต่างกันออกไป และถือเป็นขั้นตอนปราบเซียนเลยก็ว่าได้

อุปสรรค คือฤดูฝนของไทย ฝนชุก ทำให้ต้นรากเน่าติดเชื้อราได้ง่าย เพราะฉะนั้นควรต้องมีโรงเรือนสำหรับปลูกในฤดูฝน

วิธีการดูแลสำหรับมือใหม่ แนะนำสำหรับมือใหม่ที่ซื้อต้นที่มีอายุ 4 เดือนขึ้นไป ที่ซื้อมาจากร้านขายต้นไม้ทั่วไปปกติทางร้านจะเพาะใส่ถุงขนาดประมาณ 4×8 นิ้วมาให้ เพื่อสะดวกในการขนส่ง ประหยัดต้นทุน แต่เมื่อซื้อมาแล้วแนะนำให้นำให้เปลี่ยนปลูกลงกระถางขนาด 8×10 นิ้ว เน้นใส่ดินให้เยอะ และไม่แนะนำให้ใช้ดินผสมใบไม้เพราะจะทำให้เกิดความชื้น ไม่ดีต่อต้น

ราคาขาย เริ่มต้นที่ 60 บาท ไปจนถึงราคาต้นละ 2,500 บาท ตามขนาดและอายุ การสร้างรายได้ต่อเดือนอยู่ที่ประมาณ 80,000-90,000 บาท หากเทียบกับต้นทุนแล้วถือว่าคุ้มค่ามากๆ เพราะแทบจะไม่ต้องใช้เคมี การจัดการน้อย และยังเป็นพืชที่กำลังมาแรงและกระแสจะยังอยู่ได้อีกนาน และสามารถนำมาพัฒนาต่อยอดได้อีกหลากหลาย

ตลาดรับซื้อ 1. ขายส่งให้กับร้านขายต้นไม้ทั่วไป 2. ตลาดออนไลน์ บนเพจเฟซบุ๊ก นับเป็นช่องทางที่กำลังมาแรงในขณะนี้ และ 3. ขายให้กับร้านอาหารและโรงแรมที่ต้องการใช้เป็นวัตถุดิบทำอาหารและเพื่อนำไปจัดจานเพิ่มความน่ารับประทาน ซึ่งถือเป็นพืชสวนกระแสมาแรงในขณะนี้