หนุ่มลพบุรี ปลูกผักสลัดหลังบ้าน เผยเทคนิคเพาะกล้าในตู้เย็น ผักโตดี๊ดี เก็บขาย กก.ละ 150 บาท

กระแสความนิยมของผักสลัดยังดีต่อเนื่อง จากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันมาให้ความสำคัญกับสุขภาพกันมากขึ้น ส่งผลให้สินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพกำลังมาแรง โดยเฉพาะสินค้าประเภทผักและผลไม้ที่ได้รับความนิยมเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นสินค้าที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย หาซื้อได้ง่าย จึงได้รับความนิยมทั้งในหมู่ผู้บริโภคและในหมู่นักปลูก เพราะผักสลัดเป็นพืชที่สร้างรายได้ดี ไม่มีข้อจำกัดเรื่องของพื้นที่การปลูก ให้ผลตอบแทนต่อพื้นที่สูง

คุณสถาพร ทรงความดี หรือ คุณเต๋า เจ้าของฟาร์มคุณเต๋า เกษตรทรงดี

คุณสถาพร ทรงความดี หรือ คุณเต๋า เจ้าของฟาร์มคุณเต๋า เกษตรทรงดี อยู่ที่ตำบลบ้านกล้วย อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี อดีตนักวิชาการสิ่งแวดล้อม หันหลังให้เมืองกรุง กลับมาพัฒนาบ้านเกิดปรับปรุงพื้นที่หลังบ้านทำแปลงปลูกผักสลัดสร้างรายได้ต่อเดือนไม่ธรรมดา

คุณเต๋า เล่าให้ฟังว่า หากย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 6-7 ปีที่แล้ว ตอนนั้นแถวบ้านยังไม่ค่อยมีคนรู้จักหรือปลูกผักสลัดกันมากนัก และค่อนข้างมีราคาสูง จึงเริ่มมีความสนใจอยากปลูกผักสลัดตั้งแต่ตอนนั้นมา ซึ่งจากคนที่ไม่มีพื้นฐานความรู้เรื่องการปลูกผักมาก่อน ก็มาเริ่มต้นศึกษาหาข้อมูลการปลูกผักตามอินเตอร์เน็ต และการออกไปอบรมนอกสถานที่ จนมั่นใจแล้วว่าตนเองมีความรู้ในระดับที่สามารถลงมือปลูกจริงๆ ได้แล้ว โดยใช้พื้นที่หลังบ้านทำแปลงปลูกเริ่มจากการปลูกลงดินก่อน เพราะเป็นวิธีที่ยังไม่ต้องใช้เงินลงทุนมาก แล้วพอปลูกจนชำนาญก็ได้มีการขยายแปลงปลูกขึ้น และพัฒนาแปลงปลูกเป็นโรงเรือนปลูกผักน็อกดาวน์เพื่อให้ง่ายต่อการจัดการ

ปัจจุบันที่ฟาร์มมีพื้นที่ปลูกผักสลัดอยู่ประมาณ 2 งาน แบ่งเป็นแปลงปลูกผักสลัด 6 แปลง ที่เหลือแบ่งเป็นแปลงผักซุปเปอร์ฟู้ด เช่น เคล ผักสวีทชาร์ท แรดิช สำหรับขายเป็นผักสด และแปรรูปทำน้ำสกัดจากผักเคลสร้างมูลค่า

โดยจุดเด่นของผักที่ฟาร์มคือ ปลูกผักออร์แกนิก 100 เปอร์เซ็นต์ รสชาติหวาน กรอบ ไม่ขม เพราะมีการดูแลให้น้ำอย่างเหมาะสม มีระยะเก็บเกี่ยวพืช และเลือกช่วงอายุที่เหมาะสมในการเก็บ ไม่อ่อนหรือแก่จนเกินไป นี่คือเคล็ดลับที่ทำให้ผักที่ฟาร์มหวาน กรอบ ได้คุณภาพ

ใช้พื้นที่ 2 งาน ปลูกผักหลังบ้าน
สร้างรายได้หลักหมื่น

คุณเต๋า บอกว่า การปลูกผักสลัดให้ได้คุณภาพ จริงๆ แล้วไม่ได้ขึ้นอยู่กับขั้นตอนการเตรียมดินเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีอีกหลายปัจจัยที่คนมักจะมองข้าม คือเรื่องอากาศกับเรื่องศัตรูพืชที่ถือเป็นปัญหาหลักของการปลูกผักสลัดเลยก็ว่าได้ ที่ไม่ว่าเราจะดูแลดีแค่ไหนก็มีโอกาสเกิดโรคพืชและแมลงศัตรูพืชได้ โดยเฉพาะกับฟาร์มที่ปลูกผักออร์แกนิก สิ่งที่ทำได้คือการทำใจ และการวางแผนการป้องกันให้ดี อย่างของที่ฟาร์มจะวางแผนเป็นรายสัปดาห์ในการป้องกัน จะไม่รอให้เกิดแล้วแก้ทีหลังเพราะจะทำได้ยากมาก

“ใน 1 สัปดาห์ ผมจะวางแผนเรื่องการฉีดพ่นชีวภัณฑ์ พ่นน้ำหมัก พ่นเชื้อรา เพลี้ย หนอน เราจะวางตารางสลับกัน ถ้าอย่างหน้าฝนเชื้อราจะเยอะหน่อย ใบจุดจะเยอะ เราก็จะเพิ่มเรื่องการฉีดพ่นเชื้อราอาทิตย์ละ 2 ครั้ง แล้วลดการฉีดพ่นเพลี้ยกับหนอนเป็นอาทิตย์ละครั้ง” คุณเต๋ากล่าวถึงเทคนิคการป้องการโรคและแมลงศัตรูพืช

เทคนิคการปลูก

การเตรียมดิน สำหรับขั้นตอนการผสมดินปลูก ที่ฟาร์มจะให้ความสำคัญกับดินปลูกเป็นอย่างมาก โดยใช้วัตถุดิบและอัตราส่วนดังนี้ 1. ดินปลูก 1 ส่วน 2. ขุยมะพร้าวสับ 1 ส่วน (ต้องเป็นขุยมะพร้าวสับที่ผ่านการแช่น้ำมาแล้ว 1 คืน เพื่อล้างสารแทนนินที่ทำให้พืชไม่โต 3. มูลสัตว์ 1 ส่วน (ที่ฟาร์มจะใช้เป็นมูลวัวนม เนื่องจากวัวนมจะมีการเลี้ยงด้วยการให้สารอาหารที่ครบถ้วน 4. แกลบดิบ 1 ส่วน และ 5. ขี้เถ้า 1/2 ส่วน (ในกรณีที่หาได้ง่าย หากไม่มีก็ไม่จำเป็นต้องใส่)

วิธีทำ นำวัตถุดิบทั้งหมดมาผสมคลุกเคล้าให้เข้ากัน แล้วรดด้วยจุลินทรีย์ที่เรามี เช่น จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง จุลินทรีย์น้ำหมักผลไม้ น้ำหมักปลา เป็นต้น สามารถเลือกใช้ได้ตามสะดวก นำมารดกองดินให้เกิดความชื้น แล้วหมักทิ้งไว้ประมาณ 1 เดือนเป็นอย่างน้อย เพื่อให้ดินปรับสภาพจุลินทรีย์ให้เข้าที่

การเพาะเมล็ด หลังจากเตรียมดินเสร็จ ขั้นตอนถัดมาคือการเพาะกล้า โดยการเพาะของที่ฟาร์มจะใช้พีทมอส หรือมูลไส้เดือนเป็นวัสดุในการเพาะ วิธีการเพาะโรยเมล็ดพันธุ์ผักลงในกระถาง 3 นิ้ว เพื่อให้สะดวกต่อการเคลื่อนย้าย เนื่องจากหลังจากการโรยเมล็ดพันธุ์ผักเสร็จจะนำไปแช่ตู้เย็นทิ้งไว้ 1 คืน เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ต้นพืชงอกได้ดี จากนั้นเอาออกมาไว้ในที่ไม่มีแสง โดยจะใช้กล่องดำปิดไว้อีกประมาณ 1-2 วัน แล้วให้สังเกตว่าพอเริ่มเห็นรากขาวๆ ออกมาให้นำออกมาที่แสงรำไร ประมาณ 5-7 วัน จากนั้นย้ายลงถาดอนุบาลต่ออีก 5-10 วัน แล้วย้ายกล้าลงแปลงปลูกในระยะห่างระหว่างต้น 20 เซนติเมตร

ซึ่งข้อดีของการนำเมล็ดพันธุ์ไปแช่ไว้ในตู้เย็นคือ จะทำให้ต้นกล้าแข็งแรง การแช่เย็นเพื่อเป็นการกระตุ้นเมล็ดพันธุ์ผักให้งอกได้ดีและสม่ำเสมอ ช่วยลดการสูญเสียของเมล็ดพันธุ์ เพราะว่าถ้าเพาะเมล็ดแล้วไม่งอก ก็เหมือนว่ารอบปลูกรอบนั้นจะได้จำนวนผลผลิตไม่ครบตามจำนวนที่วางแผนไว้

การดูแล หลังจากวันย้ายกล้าลงแปลงปลูก การดูแลให้น้ำถ้าเป็นในช่วงปกติจะรดน้ำ 3 เวลา เช้า-กลางวัน-เย็น แต่ถ้าเป็นช่วงหน้าร้อนจะเพิ่มเวลาการรดน้ำเป็น 4 เวลา เช้า-กลางวัน-บ่าย-เย็น เพื่อให้ต้นไม้ได้รับน้ำอย่างเพียงพอ นอกจากนี้ น้ำกับแสง ยังมีส่วนสำคัญที่ช่วยให้ผักมีรสชาติที่หวาน ไม่ขมอีกด้วย เพราะผักสลัดจะชอบแดดแต่ไม่ชอบร้อน ดังนั้น เราก็ต้องให้น้ำตามให้เพียงพอกับที่พืชต้องการ

การบำรุงใส่ปุ๋ย หลังจากย้ายกล้าลงแปลงปลูกประมาณ 5-7 วัน จะทำการพรวนดินใส่ปุ๋ยอินทรีย์อัดเม็ดที่ทางฟาร์มทำขึ้นมาเอง เพื่อเพิ่มแร่ธาตุในดิน โดยระยะเวลาการใส่ปุ๋ยทุก 7-14 วันครั้ง โดยจะดูที่ความเหมาะสมของต้นพืช หากต้นพืชเจริญเติบโตดีก็ไม่ต้องใส่บ่อย 14 วันใส่ครั้ง แต่ถ้าดูแล้วพืชยังต้องการธาตุอาหารให้ใส่ปุ๋ยทุก 7 วันครั้ง โดยเฉลี่ยต่อรอบการผลิตจะใส่ปุ๋ยอินทรีย์ 2-4 ครั้ง โดยจะใส่ปุ๋ยอินทรีย์อัดเม็ดสลับกับปุ๋ยมูลวัวที่หมักเอง และหมั่นพรวนดินทุกๆ 7 วัน

การบำรุงปุ๋ยทางใบ ฉีดพ่นบำรุงอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง ด้วยน้ำหมักปลา จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง น้ำหมักผลไม้ สลับกันใช้ตามความสะดวก เพื่อให้พืชรับสารอาหารได้เต็มที่ ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการฉีดพ่นคือช่วงเวลาประมาณ 11 โมงเช้า เพราะเป็นช่วงที่ปากใบของพืชกำลังเปิด

การป้องกันกำจัดโรคแมลง แบ่งการดูแลตามสภาพภูมิอากาศ หากเป็นช่วงหน้าร้อน ศัตรูพืชส่วนใหญ่คือเพลี้ย ที่ฟาร์มจะพยายามทำให้พืชมีความชื้นตลอด เพราะอากาศร้อนทำให้เกิดเพลี้ย เพราะฉะนั้นต้องพยายามไม่ให้พืชขาดน้ำ และใช้บิวเวอเรีย ผสมน้ำแล้วฉีดพ่นในช่วงเย็น

ฤดูฝนปัญหาที่เจอส่วนใหญ่คือโรคเชื้อราใบจุด จะทำการฉีดพ่นด้วยเชื้อราไตรโคเดอร์มา หากระบาดหนักจะเพิ่มความถี่ให้เป็นสัปดาห์ละครั้ง

ส่วนในกรณีที่โรคและแมลงศัตรูพืชยังไม่ระบาดมาก จะใช้น้ำหมักพริกแกง น้ำหมักยาเส้น ในการฉีดพ่นแทน

ปริมาณผลผลิต ในช่วงฤดูร้อนผลผลิตจะออกปริมาณน้อยกว่าหน้าหนาว เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 14 กิโลกรัมต่อสัปดาห์ ถ้าเป็นหน้าหนาวผักโตดีผลผลิตเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่า หรือจะเก็บได้ประมาณ 20-25 กิโลกรัม จำหน่ายในราคากิโลกรัมละ 150 บาท ขายผ่านช่องทางออนไลน์ และอีกส่วนส่งขายท็อปส์ สาขา โรบินสัน ลพบุรี สร้างรายได้หลักหมื่นต่อเดือน

ฝากข้อคิด ทำเกษตรพื้นที่น้อยให้มีรายได้

“ตอนที่ผมมาทำเกษตรผมไม่มีความรู้เรื่องนี้เลยสักนิด เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญคือเราต้องตั้งใจ และพยายามเรียนรู้จากหลายวิธีแล้วมาปรับใช้กับตัวเองเพราะว่าแต่ละวิธีมันอาจจะไม่เหมาะกับเรา คนอื่นทำได้เราอาจจะทำไม่ได้ แต่ว่าอย่าเพิ่งท้อ เราต้องมองว่าพื้นที่เราเป็นยังไง สภาพอากาศเป็นยังไง วัตถุดิบเราหาอะไรได้บ้าง เราต้องเอามาปรับใช้ ต้องอดทนกับมันเพราะว่าการทำเกษตรต้องใช้เวลา เพราะการปลูกพืชไม่ใช่แค่การเพาะเมล็ดเสร็จแล้วเก็บขายได้เลย แต่ต้องใช้เวลาในการดูแลตั้งแต่วันแรกจนถึงเก็บเกี่ยวอย่างพิถีพิถัน ต้องค่อนข้างอดทนเยอะ แต่ถ้าผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นมาได้แล้ว รับรองได้ว่าอาชีพการปลูกผักสลัดอนาคตยังน่าสนใจ และสามารถนำมาสร้างมูลค่าได้หลากหลายรูปแบบ” คุณสถาพร กล่าวทิ้งท้าย

หากท่านใดสนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อได้ที่เบอร์โทร. 092-181-2468 หรือติดต่อได้ที่เฟซบุ๊ก : ฟาร์มคุณเต๋า เกษตรทรงดี