ผักจับฉ่าย เปลี่ยนชีวิต จากเกษตรกรตัวเล็กๆ ทะยานสู่ยอดขายหลักล้านต่อเดือน

ไม่ต้องยืนให้สูง ไม่ต้องยืนให้เด่น ขอแค่ยืนให้เป็น แล้วไม่ล้มก็พอ คำพูดของเจ้ฉิม จากเกษตรกรตัวเล็กๆ ที่เคยโดนเอาเปรียบ โดนกดราคาบ้าง ปลูกแล้วขายไม่ได้บ้าง แต่เจ้ก็ไม่เคยย่อท้อ ยังคงตั้งใจค้นคว้าหาโอกาสให้ตัวเองอยู่เสมอ ไม่รอให้โอกาสวิ่งหาอย่างเดียว จนประสบความสำเร็จ ทะยานสู่ยอดขายหลักล้านต่อเดือน

เจ้ฉิม-พัชรินทร์ เลาหอุดมโชค หรือที่ลูกค้ารู้จักในนาม “หมูฉิม” เล่าให้ฟังว่า ตนเองเป็นเกษตรกรมาตั้งแต่จำความได้ เพราะครอบครัวทำอาชีพเป็นเกษตรกรมาตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ ทำให้ได้ซึมซับวิถีชีวิตการเป็นเกษตรกรและได้รับการถ่ายทอดชำนาญในการเพาะปลูกพืชผักต่างๆ แต่ในยุคปัจจุบันความชำนาญในการทำเกษตรอย่างเดียวคงจะไม่พอ เพราะการตลาดก็สำคัญมากเช่นกัน จะให้ปลูกเก่ง แต่ขายไม่เป็นก็ไปไม่รอดเหมือนกัน

แนวคิดการเป็นแม่ค้าจึงเกิดขึ้น คืออยากลองนำผลผลิตของแม่ไปขายเองบ้าง แต่ตอนนั้นยังไม่รู้จักแหล่งรับซื้อหรือตลาดรองรับเลย จนได้คำแนะนำจาก เฮียหมู (สามี) “ก่อนแต่งงานรู้จักกันเพราะเฮียหมูเข้ามารับผักที่สวนไปขายตามตลาดต่างๆ ซึ่งแกจะมีข้อมูลและรู้ดีว่าตลาดไหนขายดีไม่ดียังไง ตอนนั้นก็ชวนกันมาลองขายที่ตลาดสี่มุมเมือง พอเข้าขายที่นี่บอกได้เลยว่าพลิกชีวิตไปเลย 26 ปีที่แล้วเริ่มจากมีแค่รถกระบะคันเดียวเข้ามาขาย ปัจจุบันก็กลายเป็นเข้าวันหนึ่งมีทั้งรถ 6 ล้อ 10 ล้อ เราขายดีมากๆ ในทุกๆ วัน ธุรกิจก็เติบโตขยับขึ้นทุกปีและประสบความสำเร็จมาจนถึงปัจจุบัน”

ผักจับฉ่ายกับการคว้าเงินเกือบ 4 ล้านต่อเดือน

“หมูฉิมผักจับฉ่าย” คือฉายาที่ลูกค้าเลยตั้งให้ เจ้ฉิมกับเฮียหมู เพราะนึกถึงเจ้ก็จะนึกถึงแกงจับฉ่าย 1 หม้อ ในแกงหม้อนั้นเราจะมีทุกผัก เพราะเป็นเกษตรกรจากจังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดภาคกลางที่มีดินที่สามารถปลูกผักได้เกือบทุกอย่าง จึงเลือกปลูกผักที่กินง่าย ขายง่าย ตลาดมีความต้องการ ตั้งแต่ กวางตุ้งใบ คะน้า กะเพรา โหระพา มะเขือลาย มะเขือเหลือง ต้นหอม ผักชีไทย-ลาว ตั้งโอ๋ กะหล่ำปลี ใบกุยช่าย ดอกกุยช่าย มะละกอ หัวไชเท้า ถั่วฝักยาว ใบยี่หร่า ชะอม ผักแขยง ฯลฯ

ซึ่งเจ้จะเป็นทั้งเกษตรกรและผู้รวบรวมผัก จากทั้งในพื้นที่ใกล้เคียงหรือลูกสวนที่มาฝากขาย แล้วจอดแวะรับผักจากจังหวัดทางผ่านอย่างราชบุรี จังหวัดนครปฐม ฯลฯ เพื่อมาขายที่ตลาดสี่มุมเมือง ต่อรอบในการเข้าขาย ปัจจุบันมีรถ 6 ล้อ และรถ 10 ล้อ มาขายรอบหนึ่ง 2 คัน ปริมาณผักจะอยู่ที่ประมาณ 18 ตันต่อวัน

โดยเจ้ฉิมจะยึดหลักในการค้าขายอยู่ 5 ข้อด้วยกัน 1. ราคาไม่แพง เพราะคิดเสมอต้องเป็นราคาที่ลูกค้าไปต่อได้ 2. ผักดีมีคุณภาพ เพราะ 26 ปีถ้าของไม่ดีจริงอยู่ไม่ได้ 3. ความต่อเนื่องของสินค้า หมูฉิมไม่เคยมีวันหยุด ลูกค้าเชื่อใจได้เลย 4. ครบจบในที่เดียว 5. ไม่กดราคาลูกสวน ทั้ง 5 ข้อ นี้คือหลักการในการทำธุรกิจ “ทำให้ครบวงจรธุรกิจในตัวมันเอง เราไม่กดราคาเกษตรกร เขาก็อยากขายให้เรา เราก็มีของมาขายได้ทุกวัน พอของมีต่อเนื่องแล้วเราขายไม่แพง ก็มีลูกค้าประจำ ลูกค้าประจำก็ไปบอกปากต่อปาก ได้ลูกค้าใหม่ ขายของได้เยอะขึ้น 26 ปี เจ้ฉิมทำแบบนี้มาตลอด มันเป็นการทำธุรกิจให้เติบโตแบบยั่งยืน”

และในส่วนของลูกค้าประจำก็มีทั้งรายใหญ่-รายย่อย ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียน กับเรือนจำละแวกปริมณฑลจะมารับผักที่นี่ รองลงมาจะเป็นกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าจากตลาดสด รถเร่ ก็มารับผักราคาส่งจากที่นี่ เพื่อไปจำหน่ายในราคาปลีกอีกที ปัจจุบันรายได้ต่อเดือน ถ้าเป็นปริมาณผัก อยู่ที่ประมาณ 540 กว่าตัน ส่วนรายได้ที่ยังไม่หักค่าใช้จ่ายต่อเดือนจะอยู่ที่ประมาณ 3,600,000 บาท