ผู้เขียน | สุรเดช สดคมขำ |
---|---|
เผยแพร่ |
คุณเจริญพร ตราชัย อยู่บ้านเลขที่ 123 หมู่ที่ 4 ตำบลหัวถนน อำเภอท่าตะโก จังหวัดนครสวรรค์ เล่าให้ฟังว่า ก่อนที่จะมาจับงานทางด้านการเกษตรเหมือนทุกวันนี้ สมัยก่อนทำงานอยู่ที่ไตหวัน ต่อมาจึงได้ย้ายกลับมาอยู่ที่เมืองไทย ซึ่งเขามีความชอบในเรื่องของการเกษตร จึงได้ยึดอาชีพเกษตรกรรมสร้างรายได้
“พอเราได้กลับมาอยู่ไทย ก็เลยมาจับงานทางการเกษตร เรียกว่าลองผิดลองถูกมาเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นแตงโมฟักทอง ก็ทำมาหมด ตอนนี้ก็รู้สึกว่า มันดูแลยาก และที่สำคัญราคาของผลผลิตก็ยังไม่ดีเท่าที่ควร ก็เลยมามองว่าจะทำแบบนี้ไม่ได้ เพราะถ้าปลูกแบบตามใจเรา สินค้าที่ขายได้ก็ไม่ได้ราคา จึงได้มีแนวการปลูกที่ปรับเปลี่ยนใหม่ คือเลือกพืชที่ตลาดต้องการ” คุณเจริญพร เล่าถึงความเป็นมา
เมื่อจับทิศทางของตลาดที่จะจำหน่ายสินค้าได้แล้ว คุณเจริญพร บอกว่า จึงได้เปลี่ยนมาปลูกเมล่อน ข้าวโพดหวานญี่ปุ่นกับข้าวโพดทับทัมสยาม และมีสวนมะนาวบ้างเล็กน้อย โดยยึดเชิงเป็นเกษตรผสมผสานให้ภายในพื้นที่สวน มีการทำเกษตรที่หลากลหลาย ก็จะทำให้สามารถจำหน่ายผลผลิตได้หลายช่องทางมากขึ้นอีกด้วย
โดยเมล่อนที่ปลูกจะใช้เป็นระบบโรงเรือน นำต้นกล้าเมล่อนมาปลูกลงในวัสดุปลูกที่เป็นขี้เถ้า และเมื่อขี้เถ้าที่ผ่านจากการปลูกเมล่อนใช้งานเสร็จแล้ว ก็จะนำมาปลูกข้าวโพดต่อไป โดยวัสดุปลูกจะไม่มีการทิ้งแบบให้เสียประโยชน์
“ช่วงนั้นเราก็ศึกษาการปลูกเมล่อน ในโซเชียลมีเดียทั่วไป เพื่อหาความรู้จากนั้นก็นำมาปรับใช้ลองดู สรุปก็ประสบผลสำเร็จดี ซึ่งการปลูกเมล่อนก็จะใช้ระบบน้ำหยุด โดยการตั้งเวลาไว้ และนำเวลาที่เหลือไปทำงานส่วนอื่น ก็ทำให้ตอนนี้ทุกอย่างลงตัว เราก็สามารถทำการเกษตรที่หลากหลายได้มากขึ้น ไม่ต้องมาเฝ้าดูให้เม่ล่อนออกผลผลิตเพียงอย่างเดียว” คุณเจริญ บอก
เมื่อผลผลิตที่ปลูกเจริญเติบโตจนสามารถจำหน่ายได้ คุณเจริญ บอกว่า การทำการตลาดก็ไม่มีอะไรยุ่งยาก จะเน้นโพสต์ขายสินค้าทางเฟซบุ๊กและในทุกๆ วันจะทำการอัพเดทข้อมูลของสินค้าตลอดเวลาว่าอยู่ในช่วงระยะ เพื่อให้ลูกค้าติดตามเป็นระยะ และมีการดูแลในช่วงก่อนออกผลผลิตอย่างไรบ้าง จึงทำให้ลูกค้าเกิดความเชื่อมั่นและสนใจที่จะติดต่อซื้อสินค้าจากสวน
โดยเมล่อนที่อายุครบกำหนดเก็บจำหน่ายอยู่ที่ราคากิโลกรัมละ 120 บาท ส่วนข้าวโพดหวานญี่ปุ่นและข้าวโพดทับทิมสยาม จำหน่ายอยู่ที่ฟักละ 70 บาท ซึ่งลูกค้าที่อยู่ไกลต่างจังหวัดออกไปสามารถติดต่อซื้อได้ เพราะด้วยยุคในปัจจุบันมีการขนส่งที่สะดวก สินค้าทุกชิ้นสามารถถึงมือลูกค้าแบบไม่เกิดความเสียหาย
“สำหรับคนที่อยากจะปลูกเมล่อน ก็อยากจะบอกว่า เมล่อนเป็นพืชที่ปลูกง่าย แต่เรื่องการดูแลก็อาจจะต้องใส่ใจพิเศษนิดหน่อย แต่ผลตอบแทนที่ได้ เมื่อเทียบกับระยะเวลาและการดูแลก็ถือว่าคุ้มค่า โดยการทำเกษตรต้องดูที่ตลาดนำ อย่าเอาสินค้าตามใจเรานำไม่เช่นนั้นก็จะทำให้ผลผลิตที่ได้ขายได้ราคาไม่ดี” คุณเจริญ กล่าวแนะนำ
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณเจริญพร ตราชัย หมายเลขโทรศัพท์ (092) 553-6600