ผู้เขียน | อัสวิน ภักฆวรรณ |
---|---|
เผยแพร่ |
หลังจาก คุณอธิคม ขุนแก้ว ยังสมาร์ทฟาร์มเมอร์ของจังหวัดพัทลุง อยู่บ้านเลขที่ 426 หมู่ที่ 6 ตำบลมะกอกเหนือ อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง ประสบความสำเร็จจากการประกอบอาชีพการเกษตรในระดับหนึ่ง เป็นที่รู้จักของเกษตรกรทั้งในจังหวัดและต่างจังหวัด ก็มีเกษตรกรสนใจเข้ามาศึกษาเรียนรู้ตลอดเวลา โดยสำเร็จหลักสูตรการอบรมไปแล้วประมาณ 2,000 คน จากหน่วยงานต่างๆ อาทิ องค์การบริหารส่วนจังหวัด มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ มหาวิทยาลัยแม้โจ้ เป็นต้น ซึ่งหลักสูตรขึ้นอยู่กับผู้สนใจเข้าอบรมกำหนดระยะเวลาและหัวข้อ
คุณอธิคม ตั้งใจถ่ายทอดความรู้ที่มี จึงเปิดเป็นโรงเรียนฝึกอาชีพสอน 108 อาชีพ แก่เกษตรกร นักเรียน นักศึกษา และผู้สนใจทั่วไป โดยเน้นไปที่ความสนใจของเกษตรกร ซึ่งพบว่าเกษตรกรสนใจมากเป็นพิเศษ ได้แก่ การปลูกผักสวนครัว พริก ดีปลี กะเพรา โหระพา ขมิ้น ตะไคร้ มะนาว ปลูกหน้าวัว ปลูกปาล์ม การขยายพันธุ์พืช การผสมดินปลูกพืช ชนิดต่างๆ ตลอดจนการตลาด แต่ทั้งนี้ การทำการเกษตรในมุมของคุณอธิคม จะเน้นการปลูกในกระถางขนาด 17 นิ้ว ซึ่งเป็นกระถางมาตรฐาน
คุณอธิคม บอกอีกว่า การสอนจะมีทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ ให้ผู้สนใจได้สอบถามและฝึกปฏิบัติจนสามารถนำความรู้ไปใช้ประกอบอาชีพได้ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ภายใต้สโลแกน “ใช้วิชาบริการงานสังคม” ซึ่งจะทำให้เกษตรกรได้มีองค์ความรู้ในการทำการเกษตรอย่างเป็นระบบ ใช้ตลาดเป็นตัวในการผลิต และใช้พื้นที่มี ใช้ทรัพยากรทุกอย่างที่มีอยู่ให้คุ้มค่าเกิดประโยชน์สูงสุด ใช้เทคโนโลยีช่วยในการทำงานให้ง่ายขึ้น
“ผมมีพื้นที่ทำการเกษตรแค่ 3 ไร่ พื้นที่น้ำท่วมทุกปีในหน้าฝน และหน้าแล้งขาดน้ำ แต่ได้ใช้ประโยชน์ทุกตารางนิ้ว โดยการวางแผนการทำกิจกรรมทางการเกษตร มีปาล์มพันธุ์ทอนาโด เป็นพืชหลัก และระหว่างต้นปาล์มจะปลูกพืชสวนครัวในกระถาง เช่น พริก มะนาว ตะไคร้ โหระพา ในร่องคูเลี้ยงปลา เลี้ยงกุ้งในกระชัง ปลูกผักลอยน้ำ ใช้วิธีการให้น้ำด้วยสายยาง ดูแลต้นไม้ทุกต้น ทุกวัน จากการทำกิจกรรมดังกล่าว มีรายได้สามารถเลี้ยงตัวเองได้ระดับหนึ่ง ของตนจะมีรายได้ 70,000-80,000 บาท ต่อเดือน”
คุณอธิคม บอกด้วยว่า ที่ดินบริเวณที่ว่าง เช่น บ้าน โรงแรม โฮมสเตย์ รีสอร์ต จะสามารถนำพืชผักมาปลูกได้ โดยทดแทนจำพวกที่ปลูกเป็นไม้ประดับสวยงามได้ โดยจัดมุมให้สวยก็จะเป็นไม้ประดับที่สวยงามเช่นกัน เท่ากับจัดสวนสวยงามไปด้วย “แต่ต้องให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ บางชนิดต้องการแสงแดด บางชนิดต้องการที่ร่ม เป็นต้น
“ส่วนประเภทพื้นที่ดิน 1 ประตู 2 ประตู หรือ 3 ประตู สามารถสร้างรายได้ที่ดีและบริโภคเองได้ หากมีที่ดิน 1 ประตู สามารถปลูกพืชที่กำลังมาแรง เช่น ดีปลี รองลงมาผักกินใบ เช่น กะเพรา โหระพา แมงลัก เกี้ยมฉ่าย เป็นต้น”
ที่ดิน 1 ห้อง หรือ 1 ประตู เป็นคำเรียกขนาดพื้นที่ของคนในภาคใต้ ขนาดพื้นที่ 1 ห้อง หรือ 1 ประตู อาจจะกว้าง 4-5 เมตร ความยาวไม่ต่ำกว่า 12 เมตร เช่น 1 ห้อง ขนาด 5×20 เมตร = พื้นที่ 25 ตารางวา หรือ 100 ตารางเมตร เป็นต้น
โดยเฉพาะดีปลี ที่ลงในกระถาง 1 ต้น เท่ากับปลูกลงดิน 8-10 ต้น สำหรับผลผลิตไร่ของตน 1 ต้น ให้ผลตอบแทน ครึ่งกิโลกรัมถึง 1 กิโลกรัม แต่ถ้าลงดินจะให้ผลตอบแทนไม่ถึง 1 กิโลกรัม ในการเก็บเกี่ยวแต่ละครั้ง การปลูกลงในกระถาง สามารถควบคุมบริหารจัดการดูแลได้ทุกสภาวะ ใส่น้ำ ใส่ปุ๋ย ก็ได้รับเต็ม ปุ๋ยน้ำ ไม่ต้องระเหย หรือหญ้ามีส่วนแบ่งไป และสามารถกำจัดวัชพืชได้ ยามเป็นโรคสามารถแยกไปอยู่เดี่ยวๆ ได้ เวลาประสบภัยแล้ง ก็สามารถโยกย้ายไปอยู่ใกล้แหล่งน้ำได้ และยามประสบภัยน้ำท่วมก็เคลื่อนย้ายขึ้นสู่ที่สูงพ้นน้ำ โดยสามารถป้องกันและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นซ้ำซากได้อย่างมีประสิทธิภาพ
คุณอธิคม บอกอีกว่า หากมีพื้นที่ 1 ประตู ปลูกพืชที่เหมาะสมตามความต้องการคือ ดีปลี กะเพรา โหระพา แมงลัก เกี้ยมฉ่าย โดยเฉพาะดีปลีถือว่าเป็นตัวที่มาแรง เวลาขาขึ้น 300 บาท ต่อกิโลกรัม และเวลาขาลง 3 กิโลกรัม 100 บาท พื้นที่ 1 ประตู สามารถปลูกได้ ขนาด 1.5 เมตร ระหว่างต้นระหว่างแถว ขนาดกระถาง 17 นิ้ว ต้นละ 1 กิโลกรัม เก็บต่อคราวประมาณ 15 วัน จะมีรายได้ประมาณ 5,000 บาท ต่อเดือน เหลือจากการบริโภคแล้วนำไปจำหน่าย แต่ช่วงราคาขาขึ้นสูงสุดที่เกิดขึ้นเป็นประจำแห่งฤดูกาล ราคา 300 บาท ต่อกิโลกรัม ก็จะได้ 15,000 บาท ต่อเดือน
“ลงทุนเพียงครั้งแรกในการปลูกผักกระถาง คือลงทุนซื้อกระถางใบขนาด 17 นิ้ว ราคาใบละ 40-50 บาท เท่านั้น และต้นดีปลี มีอายุถึง 3 ปี” คุณอธิคม บอกและกล่าวด้วยว่า ดีปลี ยามออกดอกจะสวยงามมาก มีทั้งดอกขาว ดอกแดง และดอกเลือกที่เป็นการเปลี่ยนเป็นสวนไม้ประดับ มาเป็นสวนพืชผัก และที่กินได้และมีรายได้ และก็เป็นไม้ประดับที่สวยงามไปด้วย
ต้องการสอบถามเพิ่มเติม คุณอธิคม ขุนแก้ว ยินดีให้คำปรึกษา ติดต่อได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ (091) 024-6280