“บ้านยืนบุรี ฟาร์มเห็ด” สงขลา เพาะ-แปรรูปเห็ดอินทรีย์ ส่งขายตลาดสุขภาพ

ความสำเร็จของ คุณวีระชาติ ยืนบุรี กับการเพาะ-แปรรูปเห็ดถือเป็นก้าวสำคัญที่นำไปสู่เส้นทางอาชีพเกษตรกรรมในอนาคตในฐานะคนรุ่นใหม่และบทบาทของสมาชิกในกลุ่ม Young Smart Farmer จังหวัดสงขลา

คุณวีระชาติไม่ได้เกิดในครอบครัวเกษตรกรรม แต่ด้วยใจรักจึงใช้เวลาว่างจากงานประจำลองผิด-ถูกกับงานเกษตรกรรมหลายชนิด จนมาลงตัวที่การเพาะเห็ด กระทั่งนำไปสู่การผลิตเห็ดสด กับเห็ดแปรรูปที่ทำจากเห็ดสดและเห็ดแห้งเชิงพาณิชย์

คุณวีระชาติ ยืนบุรี

เขาเริ่มจากเพาะเห็ดฟางก่อน แต่ไม่ได้ผล จากนั้นได้รับคำแนะนำจากกูรูด้านเห็ดฟางจนพบว่าถ้าเพาะเห็ดฟางควรใช้ทะลายปาล์มจะเหมาะกว่า ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่สูตรสำเร็จสำหรับตัวเขาเพราะต้องประสบปัญหาหลายประการทั้งต้นทุนและกระบวนการผลิต

ระหว่างนั้นคุณวีระชาติพบข้อมูลว่า เห็ดนางฟ้าจะเหมาะสมกับศักยภาพของตัวเขามากกว่าทั้งต้นทุนและแรงงาน รวมถึงการตลาด ทั้งนี้ เห็ดนางฟ้าสามารถเลือกผลิตได้โดยไม่ต้องรีบ และสามารถผลิตตามกำลังแรงงานที่มี แล้วดอกที่มีขนาดไม่ต่างกันตลาดยังรับซื้อหมด ฉะนั้น ด้วยเหตุผลที่จูงใจจึงทำให้คุณวีระชาติตัดสินลงมือเพาะเห็ดนางฟ้าทันที พร้อมกับพบความสำเร็จในเวลาต่อมา

แม้จะเป็นอาชีพเพาะเห็ดฟางในระหว่างทำงาน แล้วผลิตเห็ดในจำนวนไม่มากแต่ช่วงเวลาเพียง 2 ปี ถือเป็นความคุ้มค่ากับหนุ่มสงขลาคนนี้ที่ได้บรรลุตามความตั้งใจ แล้วยิ่งทวีมากขึ้นอีกเมื่อมีลูกค้าสนใจสั่งซื้อเห็ดนางฟ้าของเขาเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ จนตัวเองพบว่าเห็ดน่าจะเป็นอาชีพที่เหมาะกับตัวเองได้ดีที่สุด

จนเมื่อถึงเวลาที่คุณวีระชาติสะสมเงินก้อนได้จำนวนหนึ่งจึงตัดสินใจลาออกจากงานประจำแล้วมุ่งหน้าเพาะเห็ดเป็นอาชีพอย่างจริงจัง พร้อมกับทยอยเพาะ-เลี้ยงเห็ดทีละชนิดตามกำลังและความเหมาะสมจนถึงตอนนี้เห็ดที่ประสบความสำเร็จสามารถผลิตขาย ได้แก่ เห็ดนางฟ้า เห็ดนางรม เห็ดเป๋าฮื้อ เห็ดแครง เห็ดหูหนู เห็ดหลินจือ ฯลฯ เป็นต้น พร้อมกับตั้งชื่อว่า “บ้านยืนบุรี ฟาร์มเห็ด”

เห็ดแครง
เห็ดนางฟ้า

ในบรรดาเห็ดที่ผลิตได้นั้น เห็ดนางฟ้าและเห็ดนางรมเป็นที่ต้องการของตลาดมากที่สุด จึงผลิตเห็ดทั้งสองชนิดเป็นหลักก่อน โดยกำหนดราคาเห็ดนางฟ้ากับเห็ดนางรม ขายส่งกิโลกรัมละ 70 บาท ซึ่งเป็นราคานี้ตลอดทั้งปี และขายปลีกกิโลกรัมละ 100 บาท

คุณวีระชาติยึดอาชีพเกษตรกรรมตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงด้วยการมองถึงความเหมาะสมและพอกำลัง ดังนั้น จึงสร้างโรงเพาะเห็ดขนาดเล็กจำนวน 5 โรง ขนาด 2 คูณ 9 เมตร จุก้อนเห็ดได้จำนวน 2,000 ก้อน เพราะสะดวกและง่ายต่อการบริหารจัดการที่มีแรงงานในครอบครัว นอกจากนั้น ยังมีโรงบ่มก้อนขนาด 4 คูณ 12 เมตร จำนวน 1 โรง

นอกจากนั้น เขายังมองว่าการผลิตเห็ดปริมาณมากอาจไม่ส่งผลดีนักเพราะคนรับซื้อจะกดราคาเนื่องจากมีจำนวนเห็ดมากเกินไป ด้วยเหตุนี้จึงเปลี่ยนมาใช้วิธีถามจำนวนความต้องการจากผู้รับซื้อก่อนแล้วค่อยผลิตเพื่อให้ได้จำนวนเห็ดสำหรับขายที่แท้จริงและเหมาะสม โดยเลือกขายเห็ดตามตลาดสดในชุมชนด้วยการส่งขายให้แก่แม่ค้าขาประจำ แล้วยังนำไปขายกับหน่วยงานราชการที่รู้จัก

การผลิตเห็ดของคุณวีระชาติมาถึงจุดเปลี่ยนเมื่อเขาพบว่าเห็ดนางฟ้า นางรม และเห็ดหูหนูที่นำไปขายยังเหลือแล้วไม่สามารถเก็บเป็นเห็ดแห้งได้ จึงเกิดแนวคิดเพิ่มมูลค่าด้วยการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เห็ดหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นข้าวเกรียบที่ขายดีมาก เพราะสามารถเก็บเป็นข้าวเกรียบดิบไว้ได้นานเป็นปี โดยจะนำไปขายตามงานนอกหรือได้รับออเดอร์

นอกจากนั้น ยังมีน้ำพริกเผาเห็ดนางฟ้า น้ำเห็ดสามอย่าง เฉาก๊วยเห็ดหูหนู วุ้นกรอบเห็ดหูหนู เห็ดสวรรค์ เห็ดสมุนไพร หรือแม้แต่อาหารสดอย่างเกี๊ยวไส้เห็ด เห็ดสดทอด (ในกรณีที่ออกขายตามงาน) ทั้งนี้ รสชาติของผลิตภัณฑ์ทั้งหมดถูกคิดค้นสูตรการปรุงจากฝีมือคุณแม่ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการทำอาหารจึงเป็นสูตรเฉพาะที่ไม่ได้ลอกเลียนแบบใคร

“สินค้าที่ขายดีมากคือข้าวเกรียบกับเห็ดสมุนไพร และเห็ดสวรรค์จะได้รับความสนใจรองลงมา โดยเฉพาะข้าวเกรียบที่ผลิตเป็นสูตรเจ สามารถรับประทานได้ตลอดทั้งปี อีกทั้งยังมีความพิเศษตรงที่มีแผ่นบาง ขนาดไม่ใหญ่ เมื่อใส่ปากแล้วจะละลายทันที นอกจากนั้น ยังผลิตออกมาจำนวน 3 รส คือรสธรรมดา รสปาปริก้า และรสโนริสาหร่าย ทั้งนี้ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้ได้หลายกลุ่ม”

ด้านราคาจำหน่ายถ้าเป็นข้าวเกรียบดิบบรรจุใส่ถุงขนาดครึ่งกิโลกรัมขายราคาถุงละ 80 บาท ถ้าทอดแบบใส่กระปุกขายส่งกระปุกละ 20 บาท หรือกิโลกรัมละ 180 บาท ส่วนน้ำพริกเผา เห็ดสวรรค์ และเห็ดสมุนไพรขายส่งกระปุกละ 20 บาท (ขนาด 3 ออนซ์) แต่ถ้าเป็นเห็ดน้ำ เห็ดสามอย่าง เฉาก๊วยเห็ดหูหนู ขายส่งโหลละ 100 บาท (200 ซีซี)

ขณะเดียวกัน คุณวีระชาติเห็นว่ายังมีเห็ดอีกกลุ่มที่สามารถเก็บแห้งได้คือเห็ดหลินจือและเห็ดแครง โดยเฉพาะเห็ดหลินจือที่เขามองว่าทั่วไปมีราคาแพงจนชาวบ้านไม่สามารถซื้อได้ จึงลองหาวิธีเพาะจนสำเร็จแล้ว นำมาสร้างมูลค่าด้วยการอบแห้งตามขั้นตอนที่ได้มาตรฐานแล้วจำหน่ายในราคาไม่แพง ซึ่งขนาด 100 กรัม ราคาขาย 250 บาท และห่อขนาด 50 กรัม ราคา 120 บาท มีวางขายประจำอยู่ที่ห้างท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต

เห็ดหลินจืออบแห้ง ใหญ่ 250 บาท

สำหรับช่องทางการตลาด ได้แก่ 1. ออกบู๊ธคู่ขนานไปกับกลุ่ม Young Smart Farmer ซึ่งมีงานประจำเกือบทุกเดือน 2. ตลาดสดหลายแห่งบริเวณชุมชน และ 3. ขายส่งทางออนไลน์ ทั้งนี้ ช่องทางดังกล่าวตอบโจทย์ลูกค้าได้ทุกกลุ่ม เพราะไม่ได้ใช้เห็ดสดบริโภคเป็นอาหารอย่างเดียว แต่ยังสามารถรับประทานเป็นของว่างที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพได้ด้วย

“ตั้งใจจะผลิตเห็ดหลายชนิดเพื่อเป็นช่องทางให้ผู้บริโภคได้เลือก พร้อมกับมีความตั้งใจที่จะผลิตเห็ดเพื่อเป็นแหล่งโปรตีนชั้นดีให้แก่ผู้บริโภคเพื่อใช้ทดแทนเนื้อสัตว์ ถึงแม้ว่าฟาร์มเห็ดตัวเองจะไม่ได้รับมาตรฐาน แต่ตัวเองเลือกที่จะปฏิบัติเพื่อให้เกิดมาตรฐานในฟาร์มด้วยการยึดหลักความซื่อตรงและซื่อสัตย์ โดยไม่มีการใช้สารเคมีใดๆ เลยในทุกขั้นตอน จะใช้เป็นชีวภาพทั้งหมด ขณะเดียวกัน ที่ฟาร์มยังได้รับการรับรองใบตรวจคุณภาพเห็ดว่าเป็นเห็ดที่มีความปลอดภัย พร้อมกับส่งตรวจคุณภาพเป็นประจำ” คุณวีระชาติ กล่าว

สนใจสั่งซื้อผลิตภัณฑ์เห็ดจาก “บ้านยืนบุรี ฟาร์มเห็ด” ได้ที่ คุณวีระชาติ ซึ่งตั้งอยู่เลขที่ 190/3 หมู่ที่ 5 ตำบลสทิงหม้อ อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา โทรศัพท์ (088) 398-1871

 

น้ำเห็ดสามอย่าง &เฉาก๊วยเห็ดหูหนู
ข้าวเกรียบเห็ดดิบ
น้ำพริกเผาเห็ด
ข้างเกรียบเห็ดรสดั้งเดิม,ปาปิก้า,โนริสาหร่าย
เห็ดสวรรค์
เห็ดสมุนไพร