“เห็ดถั่วฝรั่ง” ทางเลือกสำหรับคนรักสุขภาพ ผลวิจัยยืนยัน ต้านมะเร็ง-ลดความดัน

คนไทยไม่คุ้นชื่อ “เห็ดถั่วฝรั่ง” เหมือนกับ เห็ดฟาง เห็ดนางฟ้า เห็ดแชมปิญอง หรือเห็ดหลินจือ ที่หาซื้อได้ทั่วไปในท้องตลาด แต่ “เห็ดถั่วฝรั่ง” ก็มีรสชาติอร่อยเด็ด และมีสรรพคุณทางยาสูงไม่แพ้เห็ดชนิดอื่น

ปัจจุบัน “เห็ดถั่วฝรั่ง” เป็นที่นิยมบริโภคในทวีปยุโรป อเมริกาเหนือ และประเทศจีน เห็ดชนิดนี้อยู่ในสกุล Coprinus ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด รสชาติอร่อยและมีคุณค่าทางโภชนาการสูง ใน 100 กรัม มีโปรตีน 25.4 กรัม คาร์โบไฮเดรต 4.57 กรัม ไขมัน 0.34 กรัม เส้นใย 2.02 กรัม เถ้า 1.63 กรัม เกลือแร่และวิตามิน เช่น ฟอสฟอรัส แคลเซียม แมกนีเซียม โพแทสเซียม เหล็ก สังกะสี ไนอะชีน และวิตามินบีต่างๆ อีกมากมาย อีกทั้งยังมี อะมิโนแอซิด มากกว่า 14 ชนิด ได้แก่ Glutamic, Serine, Alamine acid เป็นต้น

เห็ดถั่วฝรั่ง มีรสชาติดี เมื่อนำมาปรุงอาหารจะมีรสชาติคล้ายเนื้อไก่และมีความกรุบกรอบ และมีผลงานวิจัยระบุว่า เห็ดชนิดนี้ยังมีสรรพคุณทางยาสูง สามารถยับยั้งเซลล์มะเร็ง ป้องกันภาวะหลอดเลือดหัวใจ ลดระดับน้ำตาลในเลือด และความดันโลหิต มีสรรพคุณช่วยด้านบำรุงผิวพรรณ เพราะมีเบต้ากลูแคน ซึ่งเป็นสารแอนติออกซิแดนท์ เสริมภูมิคุ้มกัน สยบอนุมูลอิสระ แถมมีโปรตีนมากกว่าเห็ดหอมถึง 2 เท่า และสูงกว่านม 8 เท่า

“เห็ดถั่วฝรั่ง” ถูกใจ คนกินทั่วโลก

ผลงานวิจัยดีเด่น กรมวิชาการเกษตร ประจำปี 2555 เรื่อง การพัฒนา “เห็ดถั่วฝรั่ง” เป็นเห็ดเศรษฐกิจสายพันธุ์ใหม่ ของ คุณวราพร ไชยมา นักวิชาการเกษตรปฏิบัติการ สำนักวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพกรมวิชาการเกษตร และคณะ ระบุว่า เห็ดถั่วฝรั่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Coprinus comatus จัดอยู่ในกลุ่มเห็ดเมืองหนาวเช่นเดียวกับเห็ดอลินจิ เห็ดเข็มเงิน เข็มทอง ความจริงแล้ว เห็ดโคนน้อย ก็จัดอยู่ในสกุลเห็ดถั่วเช่นกัน แต่ เห็ดถั่วฝรั่ง มีขนาดดอกใหญ่ที่สุดในเห็ดสกุลนี้

เห็ดถั่วฝรั่ง มีถิ่นกำเนิดเดิมอยู่ทางแถบยุโรปและอเมริกาเหนือ เป็นที่นิยมบริโภคในทุกมุมโลก เพราะเห็ดชนิดนี้มีรสชาติอร่อยมาก มีคุณค่าทางโภชนาการและมีสรรพคุณทางยาสูง ที่ผ่านมามีการเพาะปลูกเห็ดถั่วฝรั่งเชิงการค้าในสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างกว้างขวาง เพราะเส้นใยเห็ดชนิดนี้สามารถเจริญได้ในที่อุณหภูมิค่อนข้างสูง และได้รับความนิยมจากผู้บริโภคอย่างรวดเร็ว สมาคมนักวิจัยและเพาะเห็ดแห่งประเทศไทย ได้แนะนำให้ผู้สนใจทดลองปลูก “เห็ดถั่วฝรั่ง” เป็นเห็ดเศรษฐกิจสายพันธุ์ใหม่ Coprinus comatus (o.F.Mull) Gray) ของประเทศไทย ในนิตยสารเห็ด ตั้งแต่ปี 2556

จากกระแสความนิยมบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพในเมืองไทย ทำให้มีผู้สนใจทดลองปลูก เห็ดถั่วฝรั่ง เป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทยในช่วงฤดูหนาว ซึ่งมีอุณหภูมิพอเหมาะสำหรับเพาะเลี้ยงเห็ดชนิดนี้ได้

คุณวราพร นักวิชาการของกรมวิชาการเกษตรได้นำ เห็ดถั่วฝรั่ง จำนวน 5 สายพันธุ์ จากสหรัฐอเมริกา และสาธารณรัฐประชาชนจีนมาศึกษาวิจัย ในเรื่องการผลิต การเจริญเติบโตของเส้นใยในอุณหภูมิต่างๆ และเทคโนโลยีการผลิตเห็ดฝรั่ง การผลิตเชื้อขยายในอาหาร และศึกษาในเรื่องของการให้ผลผลิต โดยทำการศึกษาทดลองปลูกเห็ดถั่วฝรั่งร่วมกับเกษตรกรผู้ปลูกเห็ดแชมปิญองในพื้นที่ อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย

การปลูกดูแล

หลังจากหว่านเชื้อเห็ดไปจนถึงเวลาเก็บดอกเห็ดถั่วฝรั่ง จะใช้เวลาดูแล ประมาณ 45 วัน ไม่ต่างกับเห็ดแชมปิญองใช้เวลาใกล้เคียงกัน การเก็บดอกเห็ดต้องระวังเหมือนกับเก็บดอกเห็ดทั่วๆ ไป คือระวังมิให้ดอกเห็ดช้ำ เก็บแล้วตัดแต่งให้ดูสวยงาม เห็ดถั่วฝรั่งเป็นเห็ดขนาดใหญ่มีการเจริญเติบโตเร็ว และยังสามารถเพาะให้ออกดอกได้ในวัสดุที่หาง่าย ราคาถูก เช่น ฟางข้าว ขี้เลื่อย เป็นต้น

ผลวิจัยในเบื้องต้นพบว่า เกษตรกรสามารถปลูกเห็ดถั่วฝรั่งได้จำนวนมากและขายผลผลิตในราคาสูงกว่าเห็ดแชมปิญอง 2-3 เท่าตัว เห็ดถั่วฝรั่งที่ปลูกในโรงเรือน (ชั้นปลูก 2×6 เมตร 6 ชั้น) ได้ผลผลิตเฉลี่ยรวม 166.17 กก. ได้กำไรสุทธิ 22,409 บาท และอาจเก็บผลผลิตได้นาน 2-3 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาวะอากาศในช่วงปีนั้นๆ เห็ดชนิดนี้สามารถนำมาปรุงอาหารไทยได้เกือบทุกชนิด

จุดเด่นในเรื่องคุณค่าทางโภชนาการและมีสรรพคุณยาสูง ทำให้เห็ดถั่วฝรั่ง เป็นหนึ่งในพืชทางเลือกตัวใหม่ สำหรับปลูกเชิงการค้า เพราะตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่รักสุขภาพได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญให้ผลตอบแทนคุ้มค่ากับการลงทุน ทั้งนี้ ผู้สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเรื่อง เห็ดถั่วฝรั่ง ได้ที่กลุ่มวิจัยและพัฒนาเห็ด สำนักวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพ กรมวิชาการเกษตร โทร. 0-2561-4673