กรมส่งเสริมการเกษตร โชว์การขึ้นทะเบียนเกษตรกร สู่การจัดทำผังแปลงเกษตรกรรมดิจิทัล

กรมส่งเสริมการเกษตร เปิดโชว์ระบบการขึ้นทะเบียนข้อมูลเกษตรกร มั่นใจฐานข้อมูลการเกษตร มีระบบรับรองและตรวจสอบได้ นอกจากนี้ ปัจจุบันยังสามารถวาดผังแปลงเกษตรกรรมดิจิทัล ได้ประมาณ 100 ล้านไร่

นายสำราญ  สาราบรรณ์  อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยถึง การขึ้นทะเบียนเกษตรกรถือเป็นหน้าที่ที่เกษตรกรทุกคนควรถือปฏิบัติ โดยหลังจากการขึ้นทะเบียนเกษตรกร เกษตรกรจะได้รับสมุดทะเบียนเกษตรกร เพื่อเป็นเอกสารใช้แสดงสถานภาพการเป็นเกษตรกร ยืนยันความเป็นเกษตรกร โดยเกษตรกรแจ้งความประสงค์ขอปรับปรุงข้อมูลการทำการเกษตร หรือขึ้นทะเบียนใหม่ ได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอทุกแห่ง ตามที่ตั้งแปลงปลูกพืชของตัวเอง

หากเกษตรกร และที่สำคัญเกษตรกรจะต้องปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร ตามกรอบระยะเวลาการปลูกพืช โดยปกติปรับปรุงหลังจากการปลูก ไม่น้อยกว่า 15-60 วัน ตามแต่ละชนืดพืช และหากเกษตรกรไม่มาปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรติดต่อกันเป็นเวลา 3 ปี (นับถัดจาก วันที่ 23 มิ.ย 60 ถึง วันที่ 22 มิถุนายน 2563) ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนถึง 896,871 ครัวเรือน ที่ยังไม่ได้มาปรับปรุงข้อมูลเกษตรกรกับกรมส่งเสริมการเกษตร หากครบระยะเวลาดังกล่าวแล้ว เกษตรกรจำนวนนี้จะสิ้นสถานภาพการเป็นเกษตรกรทันที และทำให้ไม่ได้รับสิทธิ์ช่วยเหลือจากโครงการของรัฐบาล

ปัจจุบัน กรมส่งเสริมการเกษตร มีการตรวจสอบด้วยระบบโปรแกรมทั้งการตรวจสอบข้อมูลบุคคลกับสำนักทะเบียนราษฎร กระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ได้ข้อมูลชื่อ สกุล สมาชิกในครัวเรือนที่เป็นปัจจุบัน รวมทั้งการตรวจสอบเนื้อที่เพาะปลูกของเกษตรกรจากการวาดผังแปลงเพาะปลูก (ผังแปลงเกษตรกรรมดิจิทัล) โดยซ้อนกับผังแปลงกับกรมที่ดิน ส.ป.ก. และภาพถ่ายดาวเทียม โดยมีการวาดผังแปลงแล้ว จำนวน 13,824,739 แปลง คิดเป็นพื้นที่กว่า 100 ล้านไร่ (คิดเป็น 72% ของพื้นที่การเกษตร ประมาณ 139 ล้าน)

ซึ่งข้อมูลผังแปลงเกษตรกรรมดิจิทัลที่ได้สามารถนำมาใช้ในการวางแผนภาครัฐทั้งในเชิงรุกและเชิงรับ เพื่อให้ตอบสนองกับการให้ความช่วยเหลือแก่กลุ่มเกษตรกรเป้าหมายมากขึ้น เช่น การตรวจสอบข้อมูลเกษตรกร ที่มีพื้นที่ที่ถูกต้อง สามารถเข้ารับสมัครฝึกอบรม เพื่อรับสิทธิ์ซื้อสารเคมี ตามมาตรการจำกัดการใช้สารเคมีทางการเกษตร 3 ชนิด ได้ โดยการตรวจสอบที่เป็นพื้นที่ต้นน้ำ การตรวจสอบแปลงเพาะปลูกเพื่อยืนยัน การเพาะปลูกหลังการเก็บเกี่ยว เป็นต้น

อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากการตรวจสอบด้วยระบบดิจิทัลแล้ว กรมส่งเสริมการเกษตร ยังมีการตรวจสอบทางสังคม โดยให้คนในชุมชนร่วมกันตรวจสอบกันเอง การนำข้อมูลการเพาะปลูกของเกษตรกรรายเดิม แปลงเดิม ไปปิดประกาศในหมู่บ้าน/ชุมชน เป็นเวลา 3 วัน เพื่อยืนยันหรือคัดค้านว่ามีการเพาะปลูกจริงในชุมชนนั้นหรือไม่

นอกจากนี้ ยังได้พัฒนาและนำเครื่องมือ เทคโนโลยี มาปรับปรุงวิธีการรับขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร รวมทั้งการตรวจสอบข้อมูลที่ได้รับแจ้งจากเกษตรกรอย่างต่อเนื่องเพิ่มมากขึ้น เช่น การจัดทำ Application FARMBOOK หรือ สมุดทะเบียนเกษตรกรดิจิทัล เพื่อลดภาระในการเดินทาง ซึ่ง แอปฯ จะช่วยอำนวยความสะดวกให้เกษตรกรสามารถแจ้งปรับปรุงข้อมูลในทะเบียนได้ด้วยตนเอง ผ่าน Smart Phone และสามารถติดตามสิทธิ์โครงการช่วยเหลือจากภาครัฐ และให้เจ้าหน้าที่สามารถวางแผนพัฒนาการผลิตและการตลาดของสินค้าเกษตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ปัจจุบัน สามารถดาวน์โหลด Androidและ iOS และเริ่มใช้งานผ่านระบบด้วยการใช้เลขที่ในทะเบียนเกษตรกร หรือหมายเลขโทรศัพท์ ที่ใช้ขึ้นทะเบียนเกษตรกรไว้ และนำเครื่อง GPS มาใช้จับพิกัด วัดขนาดพื้นที่ และวาดผังแปลงเกษตรกรรมดิจิทัล นอกจากนั้น ยังมี Application FAARMis สำหรับเจ้าหน้าที่เกษตรตำบลออกให้บริการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรนอกสถานที่โดยสามารถขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรได้ทั้งเกษตรกรรายใหม่ และเกษตรกรรายเดิม

สำหรับ ข้อมูลทะเบียนเกษตรกร  ประกอบด้วย ข้อมูล 9 ด้าน ได้แก่

1. ข้อมูลพื้นฐานครัวเรือน

2.สมาชิกในครัวเรือนและการเป็นสมาชิกองค์กร

3. การถือครองที่ดินเพื่อการเกษตรทั้งที่เป็นของตนเอง ที่ดินเช่า ประเภทเอกสารสิทธิ เลขที่เอกสาร และเนื้อที่ตามเอกสาร

4. การประกอบกิจกรรมการเกษตร (ประเภทกิจกรรมการเกษตร/

วันที่ และเนื้อที่ปลูก /วันที่และเนื้อที่ที่จะเก็บเกี่ยว

5. การเข้าร่วมโครงการภาครัฐ

6. รายได้

7. หนี้สิน

8. เครื่องจักรกลการเกษตร

9. แหล่งน้ำ

นอกจากนี้ การขึ้นทะเบียนเกษตรกรและการใช้ประโยชน์จากทะเบียนเกษตรกร ถือเป็นข้อมูลหลักสำหรับการทำงานของกรมฯ ช่วยตอบโจทย์โครงการต่างๆ ได้ ซึ่งปัจจุบันมีการเชื่อมโยงไปสู่ระบบของหน่วยงานอื่น รวมทั้งที่มีหน่วยงานต่างๆ ขอใช้ประโยชน์จากข้อมูลขึ้นทะเบียนเกษตรกร แต่อย่างไรก็ตาม กรมส่งเสริมการเกษตร จะยึดหลักการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 และพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 อย่างเคร่งครัดต่อไป