ฟ้าฝนแปรปรวนกระทบพืชผักในกาฬสินธุ์ ชาวสวนเร่งเก็บแตงไทยก่อนเสียหายหนัก

วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2560 จากการติดตามสภาพอากาศในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ ช่วงเปลี่ยนผ่านฤดูหนาวสู่ฤดูร้อน สภาพอากาศมีทั้งหนาว ร้อนในวันเดียวกัน  โดยช่วงกลางดึกจนถึงเช้าตรู่ อุณหภูมิต่ำบริเวณพื้นราบเฉลี่ยที่ 22 องศาเซลเซียส ขณะที่บริเวณยอดเขาพื้นที่ติดกับภูเขา ตามเขตเทือกเขาภูพานอุณหภูมิต่ำสุดวัดได้ที่ 20 องศาเซลเซียส  ขณะที่กลางวันอุณหภูมิสูงเฉลี่ย 35-37 องศาเซลเซียส  โดยทางนายสุพจน์  ปั้นทรัพย์  ผอ.สถานีอุตุนิยมวิทยา  จ.กาฬสินธุ์  ยังได้แจ้งเตือนว่าระหว่างวันที่ 23-26 ก.พ.นี้อุณหภูมิในพื้นที่จะลดลงอีก 2-4 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นสภาวะอากาศแปรปรวน บางพื้นที่มีลมกรรโชกแรงและมีฝน  นอกจากนี้ยังมีหมอกหนาในตอนเช้า ประชาชนต้องเพิ่มความระมัดระวังในการเดินทางให้มาก อีกทั้งสภาพอากาศที่มีทั้งร้อนและหนาวเย็น ได้ส่งผลกระทบต่อพืชสวนพืชไร่ ที่กำลังเจริญเติบโต ทำให้ชะงักการเจริญเติบโต และแห้งเฉาเหี่ยวตายก่อนเก็บเกี่ยวผลผลิต และเป็นสัญญาณเตือนภาวะแล้งเริ่มส่อเค้า เนื่องจากแหล่งน้ำตามธรรมชาติแห้งขอดอย่างรวดเร็ว

นายฤทัยวุฒิ  ภูโทถ้ำ อายุ 50 ปี เกษตรกร หมู่ 7 ต.ดอนสมบูรณ์ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่าหลังการเก็บเกี่ยวข้าวนาปี  ตนและญาติพี่น้อง ได้รวมตัวกันปลูกแตงไทยในพื้นที่ 3 ไร่ เพื่อจำหน่าย ทดแทนการปลูกข้าวนาปรัง เนื่องจากเห็นว่าปลูกง่าย ประหยัดน้ำ ทนต่อศัตรูพืชรบกวน ผลดิบนำไปประกอบอาหารประเภทอ่อม แกงส้ม แกงเลียง หรือตำเหมือนตำมะละกอ ขณะที่ผลแตงสุกจะมีกลิ่นหอม นำไปประกอบอาหารประเภทของหวาน ราคาจำหน่ายที่ กิโลกรัมละ 10 บาท ซึ่งดีกว่าปลูกข้าวนาปรัง ที่ต้นทุนสูง ดูแลยาก แถมราคารับซื้อไม่แน่นอน

นายฤทัยวุฒิกล่าวอีกว่า แต่เนื่องจากสภาพอากาศในฤดูหนาวปีนี้แปรปรวนบ่อย บางวันฝนตก บางวันหนาว บางวันร้อน ส่งผลกระทบกับสวนแตงไทยเป็นอย่างมาก ทำให้ติดดอกช้า ติดลูกไม่ค่อยดี ประกอบกับภัยแล้งที่มาเร็วกว่าทุกปี ส่งผลกระทบกับผลแตงที่ลูกไม่โต  จึงได้เร่งเก็บเกี่ยวทั้งผลแตงแก่เริ่มสุก และผลแตงอ่อน ก่อนที่จะประสบภัยแล้งได้รับความเสียหายไปมากกว่านี้  ถึงแม้จะเสี่ยงแต่ก็ยังดีกว่าปล่อยให้แห้งตาย อย่างน้อยก็ไม่ขาดทุนมากนัก