กรมส่งเสริมการเกษตร แนะวิธีดูแลรักษาไม้ผลในช่วงฤดูแล้ง

คุณกุลฤดี พัฒนะอิ่ม รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เผยว่า ลักษณะอากาศประเทศไทยตั้งแต่เดือนมกราคม ถึงเดือนมิถุนายน 2564 จะเผชิญกับช่วงฤดูแล้ง ประกอบกับน้ำในอ่างเก็บน้ำมีปริมาณน้อย ดังนั้น จึงขอความร่วมมือให้เกษตรกรและประชาชนเตรียมการรับมือและใช้น้ำอย่างประหยัดเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยขอให้พี่น้องเกษตรกรลดการปลูกข้าวรอบที่ 2 และหันมาปลูกพืชใช้น้ำน้อยทดแทนในพื้นที่ที่มีแหล่งน้ำเพียงพอต่อการเพาะปลูกพืช พร้อมดูแลรักษาความชื้นในแปลงปลูกพืช สร้างแหล่งน้ำในไร่นา หรือปรับเปลี่ยนกิจกรรมการเกษตร เช่น การใช้แนวทางเกษตรทฤษฎีใหม่ หรือเกษตรผสมผสาน เป็นต้น

คุณกุลฤดี พัฒนะอิ่ม รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร

ทั้งนี้ กรมส่งเสริมการเกษตรได้สำรวจและประเมินพื้นที่เฝ้าระวังไม้ผลไม้ยืนต้นเสี่ยงภาวะน้ำแล้งด้านการเกษตร นอกเขตชลประทาน ในเบื้องต้นพบว่า มีทั้งสิ้น 17 จังหวัด 62 อำเภอ 193 ตำบล พื้นที่รวม 107,729 ไร่ ประกอบด้วย ภาคเหนือ 12 จังหวัด 48 อำเภอ 146 ตำบล พื้นที่ 104,834 ไร่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 4 จังหวัด 13 อำเภอ 43 ตำบล พื้นที่ 2,162 ไร่ และภาคกลาง 1 จังหวัด 1 อำเภอ 4 ตำบล พื้นที่ 733 ไร่ ซึ่งหากไม้ผลได้รับน้ำไม่เพียงพอจะทำให้ผลผลิตมีขนาดเล็กคุณภาพต่ำ ส่งผลกระทบต่อไม้ผลทั้งในแง่ของปริมาณและคุณภาพผลผลิต

สวนทุเรียน

ดังนั้น เกษตรกรจึงต้องมีการดูแลสวนไม้ผลเป็นพิเศษ เพราะไม้ผลใช้เวลานานหลายปีกว่าจะออกดอก ติดผล กรมส่งเสริมการเกษตรจึงได้รณรงค์ประชาสัมพันธ์ “เกษตรร่วมใจรับมือภัยแล้ง ปี 2564” สร้างการรับรู้ข้อมูลข่าวสารให้แก่เกษตรกร เพื่อเตรียมรับมือและดูแลผลผลิตในช่วงฤดูแล้ง โดยมีข้อแนะนำการดูแลไม้ผล ดังนี้

พื้นที่เฝ้าระวัง! เสี่ยงภาวะน้ำแล้งด้านการเกษตรนอกเขตชลประทาน (ไม้ผลไม้ยืนต้น)
  1. ปรับปรุงบ่อน้ำให้อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ และสูบน้ำจากแหล่งน้ำใกล้เคียงมาเก็บกักไว้
  2. คำนึงถึงการใช้น้ำแบบประหยัดที่สุด คือให้น้ำไม้ผลภายในบริเวณรัศมีทรงพุ่มเท่านั้น ควรให้น้ำแบบระบบน้ำหยดหรือหัวเหวี่ยงขนาดเล็กจะช่วยประหยัดน้ำได้มากกว่าการใช้สายยางรดน้ำ ให้น้ำครั้งละน้อยๆ แต่บ่อยครั้ง เพื่อลดการสูญเสียน้ำ เปลี่ยนช่วงเวลาการให้น้ำเป็นช่วงกลางคืน เพื่อช่วยให้พืชลดการระเหยน้ำจากการถูกแดดเผา
คำแนะนำ 5 การปฏิบัติดูแลสวนไม้ผลในช่วงฤดูแล้ง
  1. ตัดแต่งกิ่งที่ไม่จำเป็นเพื่อลดการคายน้ำ สำหรับไม้ผลที่เก็บเกี่ยวในช่วงต้นฤดูแล้ง หลังการเก็บผลแล้ว ควรตัดแต่งกิ่งให้ทรงพุ่มโปร่ง เพื่อลดการระเหยน้ำทางใบ และช่วยให้การออกดอกติดผลในฤดูต่อไปเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
  2. ใส่ปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยคอก คลุมโคนไม้ผลในบริเวณทรงพุ่ม
  3. กำจัดวัชพืชตั้งแต่ต้นฤดูแล้งใช้วัสดุคลุมโคนไม้ผล โดยคลุมจากโคนไม้ผลจนถึงแนวรัศมีทรงพุ่ม วัสดุที่ใช้ ได้แก่ ใบไม้แห้งที่ร่วงหล่นจากไม้ผล ใบตองแห้ง ทางมะพร้าว กาบมะพร้าว หญ้าแห้ง เป็นต้น ซึ่งวัสดุคลุมดินจะช่วยชะลออัตราการระเหยของน้ำจากผิวดินให้ช้าลง และวัสดุเหล่านี้จะค่อยๆ ผุพังเป็นอินทรียวัตถุ ทำให้ดินร่วนและมีการอุ้มน้ำดีขึ้น กรณีต้นไม้เล็กควรใช้วัสดุช่วยในการพรางแสง เพื่อลดความเข้มแสง หากต้นยังเล็กจะต้องพรางแสงช่วยด้วย สำหรับไม้ผลบางชนิด เช่น ทุเรียน หากประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำในช่วงการติดผล อาจทำให้ต้นโทรมและถึงตายได้ หรือมังคุดที่ติดผลแล้ว หากขาดแคลนน้ำผลจะมีขนาดเล็ก ก้นผลจีบ คุณภาพไม่ดี จะต้องรีบทำการตัดทิ้งให้หมด และหาน้ำจากแหล่งอื่นมารดอย่างประหยัดที่สุด
  4. สวนไม้ผลที่อยู่ใกล้ทะเล จำเป็นต้องกักน้ำจืดไว้ เพื่อป้องกันน้ำเค็มที่จะเข้ามาในสวน หมั่นตรวจสอบระบบส่งน้ำ ควบคุมอย่าให้น้ำรั่วไหล หากมีวัชพืช เช่น ผักตบชวา จอก แหน หรือสาหร่าย อยู่ในท้องร่องสวนเป็นจำนวนมาก ควรนำขึ้นมาคลุมบริเวณโคนไม้ผลเพื่อช่วยรักษาความชื้น
  5. กรณีที่ไม่มีระบบน้ำหรือน้ำสำรองไว้ ควรประสานงานกับหน่วยงานในพื้นที่ นำน้ำมารดไม้ผลทันที อย่างน้อย 7-10 วัน ต่อครั้ง เพื่อช่วยให้ไม้ผลมีชีวิตรอดผ่านแล้งไปได้
  6. 8. การทำแนวกันไฟรอบสวน ควรกำจัดวัชพืชภายในบริเวณสวนไม้ผลให้โล่งเตียนทันทีหลังหมดสิ้นฤดูฝน เก็บเศษหญ้าแห้ง กิ่งไม้แห้ง และใบไม้แห้งออกจากแปลงปลูก เอาไปคลุมดินรอบโคน ตัดใต้บริเวณทรงพุ่มไม้ผล เพื่อป้องกันไฟไหม้สวน เตรียมน้ำ ทราย และอุปกรณ์ดับไฟไว้ให้พร้อม และเก็บไว้ในที่ที่สามารถนำมาใช้งานได้ทันที ฝึกซ้อมคนงานเพื่อการดับไฟได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากฤดูแล้งอากาศร้อนจัดและมีใบไม้แห้งมาก มีโอกาสเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี
สปริงเกลอร์ในสวนลำไย

หากมีข้อสงสัยสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานเกษตรอำเภอ สำนักงานเกษตรจังหวัดในพื้นที่

สวนมังคุด
ทำทรงพุ่มให้โปร่ง