“มะขามเทศเพชรโนนไทย” ฝักโต รสหวานมัน ทนแล้ง-ดินเค็ม ปลูก 1 ไร่ สร้างรายได้กว่าครึ่งแสน

มะขามเทศ พืชปลูกง่าย พบเห็นได้ทั่วทุกภาคของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นริมถนนหนทาง สวนหลังบ้าน ตามท้องทุ่งนา หรือเกิดขึ้นเองในที่รกร้าง เพราะเป็นไม้ผลที่เจริญเติบโตเร็ว ทนทานต่อสภาพแห้งแล้งได้ดี ไม่ค่อยมีปัญหาโรค-แมลงศัตรูพืช

คุณไพลี พึ่งแก้ว หรือ พี่ลี ยังสมาร์ทฟาร์มเมอร์อำเภอโนนไทย อยู่บ้านเลขที่ 110 หมู่ที่ 2 ตำบลกำปัง อำเภอโนนไทย จังหวัดนครราชสีมา ประกอบอาชีพค้าขายเป็นหลัก ปลูกมะขามเทศเพชรโนนไทยเป็นอาชีพเสริม ขายทั้งฝัก และต้นพันธุ์จนสามารถสร้างรายได้กว่าครึ่งแสน บนพื้นที่การปลูกมะขามเทศเพียง 1 ไร่ เท่านั้น

คุณไพลี พึ่งแก้ว หรือ พี่ลี ยังสมาร์ทฟาร์มเมอร์อำเภอโนนไทย

พี่ลี เล่าถึงจุดเริ่มต้นการปลูกมะขามเทศเป็นอาชีพเสริมว่า อาชีพหลักคือ การค้าขาย แต่ด้วยความที่เศรษฐกิจไม่ค่อยดี จะให้ทำอาชีพค้าขายอย่างเดียวคงไม่รอด ลำพังจะให้ประกอบอาชีพเดิมคือทำนา ก็เห็นทีจะไม่ไหว ทั้งในด้านของราคาผลผลิตที่ตกต่ำ และการจัดการที่เกินกำลัง จึงจำเป็นต้องคิดหาทางรอดจากพืชชนิดอื่น ซึ่งก็มาพอดีกับที่ช่วงนั้นมีโครงการยังสมาร์ทฟาร์มเมอร์กำลังเปิดรับสมัครเข้ามา ตนจึงตัดสินใจสมัครเข้าร่วมโครงการ เพื่อที่จะไปหาองค์ความรู้ใหม่ๆ มาต่อยอดสร้างอาชีพเสริม แต่เนื่องจากลักษณะพื้นดินของที่นี่เป็นดินเค็ม น้ำกร่อย ปลูกพืชผักผลไม้ให้รอดยาก ดังนั้น เกษตรกรอำเภอโนนไทยจึงต้องมองหาพืชเศรษฐกิจที่มีคุณสมบัติเหมาะสมกับสภาพพื้นที่ คือ ทนแล้งและดินเค็ม เพื่อเป็นพืชทางเลือก และก็ได้พบว่า มะขามเทศ เป็นผลไม้ที่เหมาะสมที่จะปลูกบนพื้นที่นี้ที่สุด

ส่วนที่มาของมะขามเทศโนนไทยนั้น ขออนุญาตอ้างอิงจาก หนังสือ อาหารว่าง และขนมไทย จากมะขามเทศ โดย รองศาสตราจารย์วัฒนาภรณ์ โชครัตนชัย ได้เขียนให้ข้อมูลไว้ว่า มะขามเทศเพชรโนนไทย หมายถึง มะขามเทศพันธุ์ฝักใหญ่ ฝักของมะขามเทศมีลักษณะโค้งเป็นวงกลมหรือเป็นวงแบบสปริง ฝักอ่อนมีลักษณะแบน มีสีเขียวแก่ มีลักษณะอวบใหญ่ มีรอยหยักเล็กน้อยตามตำแหน่งที่มีเมล็ด ฝักแก่จะเปลี่ยนสีจากสีเขียวเป็นสีเขียวแกมสีแดง มีเนื้อด้านในสีขาวขุ่น เมล็ดสีดำ รสชาติหวานมัน เนื้อกรอบ ตรงกับที่ทางอำเภอได้มีการตั้งสโลแกนให้กับมะขามเทศเพชรโนนไทยว่า “ดินเค็ม น้ำกร่อย มะขามเทศอร่อย มะขามเทศเพชรโนนไทย”

ฝักโต หวานมัน เปลือกเขียวแกมแดง
เนื้อด้านในสีขาวขุ่น

“มะขามเทศเพชรโนนไทย” ปลูกง่ายตามหัวไร่ปลายนา
มีพื้นที่ 1 ไร่ สามารถปลูกสร้างรายได้เสริมดีไม่น้อย

เจ้าของบอกว่า ตนมีพื้นที่ปลูกมะขามเทศเพชรโนนไทยเพียง 1 ไร่ ตามหัวไร่ปลายนา เพราะตามจุดประสงค์ที่ตั้งไว้คือปลูกไว้เพื่อศึกษาวิธีการปลูกดูแลรักษาให้เกิดความชำนาญเพื่อกระจายความรู้สู่ชุมชน เพราะนอกจากอาชีพหลักคือการค้าขายแล้ว ตนยังเป็นผู้นำอาสาพัฒนาชุมชนอีกด้วย โดยหลักๆ จะเน้นให้องค์ความรู้กับเกษตรกรในหมู่บ้าน ใครมีปัญหาก็จะเข้าไปให้คำปรึกษา ให้ความรู้ รวมถึงเป็นศูนย์กลางหาตลาดให้กับคนในหมู่บ้านด้วย เพราะฉะนั้นจึงเลือกปลูกบนพื้นที่ไม่มาก อาศัยทำร่วมกันในชุมชน ถือเป็นรายได้เสริมเล็กๆ น้อยๆ ดีกว่าการปลูกข้าวที่ราคาไม่แน่นอน ผิดกับการปลูกมะขามเทศที่มีพื้นที่เพียงน้อยนิดก็สามารถทำเงินได้ดี ปลูกดูแลง่าย มะขามเทศจึงกลายเป็นพืชเศรษฐกิจที่สร้างความมั่นคงด้านอาชีพ ด้านรายได้ ให้กับชุมชนต่อไป

แปลงปลูกมะขามเทศเพชรโนนไทย

ขั้นตอนการปลูก

การปลูกมะขามเทศเหมือนกับไม้ผลอื่นๆ มีการขุดหลุม เตรียมหลุมปลูก และใช้ระยะปลูกเช่นเดียวกับไม้ผลอื่นๆ ซึ่งในระยะต้นเล็กสามารถปลูกพืชอื่นแซมได้ เช่น มะม่วง ฝรั่ง กล้วย

การเตรียมดิน

เริ่มต้นจากการไถดะ พลิกหน้าดินเพื่อกำจัดวัชพืช และตากดินให้แห้ง แล้วไถแปร เพื่อย่อยดินและคลุกเคล้าเศษวัชพืช ลงไปในดินแล้วเตรียมปลูก จากนั้นมาสู่ขั้นตอนการเตรียมพันธุ์ โดยพันธุ์ที่นำมาปลูกต้องเลือกจากแหล่งที่เชื่อถือได้ เนื่องจากมะขามเทศเป็นพืชที่กลายพันธุ์ได้ง่าย

Advertisement
ใช้ฟางคลุมดินเพื่อเก็บกักความชื้นในดิน

เตรียมหลุมปลูก…ที่มีขนาดกว้างxยาว 30×30 เซนติเมตร หรือจะขุดลึก 50×50 เซนติเมตร ก็ได้ ขึ้นอยู่กับต้นพันธุ์ที่นำมาปลูกว่าเป็นตุ้มตอน หรือกิ่งตอนลงถุงดำ

หลังจากขุดหลุมเสร็จให้ใส่ปุ๋ยคอกรองก้นหลุมเล็กน้อยก่อนปลูก จากนั้นเมื่อลงต้นพันธุ์เสร็จแล้วกลบดิน และถ้ามีฟางหรือเศษหญ้าแห้ง ให้นำมาคลุมผิวดินเพื่อช่วยเก็บความชื้น

Advertisement

ระยะห่างระหว่างต้น… 5×5 เมตร สำหรับคนที่มีพื้นที่น้อย แต่ถ้าสำหรับคนที่มีพื้นที่มาก แนะนำให้ปลูกระยะห่างประมาณ 8×8 เมตร จะเป็นแปลงสวยงาม การจัดการง่าย เฉลี่ยแล้ว 1 ไร่ จะปลูกได้ประมาณ 20-25 ต้น

ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการปลูก… คือช่วงปลายฝน เพราะถ้าหากปลูกช่วงหน้าฝน ปริมาณน้ำฝนจะมีมากเกินไป ส่งผลให้เกิดรากเน่าเสียหายได้

ขนาดความสูงของต้น… ถ้าเกษตรกรหมั่นตัดแต่งกิ่งเป็นประจำ ความสูงของต้นจะสูงประมาณ 2.50 เมตร หรือพูดง่ายๆ ว่าพอหลังจากเก็บเกี่ยวผลผลิตเสร็จ ก็ให้เริ่มตัดแต่งกิ่ง เหมือนเป็นการทำสาวให้ต้นไม้ ซึ่งเทคนิคที่อยากแนะนำในการตัดแต่งกิ่งให้ต้นมีความสูงในระดับที่เก็บเกี่ยวได้ง่าย แนะนำว่าให้นำขวดพลาสติกใส่น้ำแล้วนำมาแขวนถ่วงกิ่งให้โค้งลงมา ทำวิธีนี้กิ่งและต้นของมะขามเทศจะไม่สูงเหมือนต้นมะขามเทศทั่วไป

ตัดแต่งกิ่งพร้อมทำตุ้มตอนขาย

วิธีดูแลรักษา

น้ำ… เมื่อปลูกแล้วรดน้ำทุกวัน จนต้นแข็งแรง จากนั้นทิ้งระยะเวลาการให้น้ำ ประมาณ 4-5 วันครั้ง ทั้งนี้เพราะรากหาอาหารได้ไกล และทนแล้ง เมื่อโตเต็มที่แล้วแทบไม่ต้องให้น้ำ นอกจากได้รับน้ำฝนตามธรรมชาติก็เจริญเติบโตอยู่รอดได้ แต่ถ้ามีการให้น้ำและให้ปุ๋ยเพิ่มเติมก็จะทำให้ผลผลิตมากยิ่งขึ้น

ปุ๋ย… หากเริ่มปลูกช่วงปลายฝน หรือช่วงปลายเดือนพฤษภาคม จะเริ่มพรวนดินเตรียมใส่ปุ๋ยรอบแรกเดือนกันยายน โดยจะใส่ขี้ไก่หรือขี้วัวผสมกับปุ๋ยยูเรีย ปริมาณเพียง 1 กำมือ เพราะมะขามเทศจะไม่กินปุ๋ยเยอะ จะเน้นใส่ปุ๋ยคอก ขี้วัว ขี้ไก่มากกว่า โดยวิธีการใส่สังเกตจากภูมิปัญญาชาวบ้าน ถ้าใบแผ่ออกไปกว้างถึงตรงไหน ก็แปลว่ารากไปถึงตรงนั้น ก็ให้ใส่ปุ๋ยตรงนั้น เพราะถ้าหากใส่ปุ๋ยที่โคนต้นจะทำให้น็อกปุ๋ย เนื่องจากดินมีความเค็มอยู่แล้วเป็นทุนเดิม และนอกจากปุ๋ยทางดินแล้วก็มีการฉีดพ่นปุ๋ยทางใบ เป็นปุ๋ยหมักผลไม้ที่ทำเอง ฉีดพ่นสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ฉีดสลับกับน้ำส้มควันไม้เพื่อป้องกันแมลง

โรคแมลง… ศัตรูตัวสำคัญของมะขามเทศ คือ แมลงวันทอง และแมลงปีกแข็ง หรือที่ชาวบ้านแถวนี้เรียกกันว่า แมงอีนูน โดยจะระบาดมากในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนธันวาคม เป็นช่วงที่ผลผลิตกำลังเก็บเกี่ยวพอดี จึงไม่สามารถฉีดพ่นฆ่าด้วยสารเคมีได้ เพราะฉะนั้นวิธีแก้คือ ต้องใช้ภูมิปัญญาชาวบ้าน คือพอตกกลางคืนมาชาวบ้านจะเตรียมขวดเพื่อไปจับแมงอีนูนทิ้ง ส่วนวิธีการกำจัดแมลงวันทอง จะใช้วิธีก่อกองไฟ โดยให้ควันไฟที่ก่อเป็นตัวไล่แมลงวันทอง ถือเป็นวิธีแบบภูมิปัญญาชาวบ้านที่ปลอดภัยและใช้กันมาจนถึงทุกวันนี้

ผลผลิต… ผลผลิตต่อเนื้อที่เก็บเกี่ยว 700 กิโลกรัม ต่อไร่ ผลผลิตจะออกสู่ตลาดในช่วงเดือนธันวาคม-มีนาคม มะขามเทศเป็นพืชที่ปลูกง่าย โดยจะเริ่มให้ผลผลิตเมื่อมีอายุตั้งแต่ 8 เดือนขึ้นไป และถ้าพันธุ์ดีฝักโต รสหวานมัน จะมีราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 60-80 บาท และมีวางขายในห้างสรรพสินค้าชนิดฝักใหญ่รสชาติดี ราคากิโลกรัมละ 120 บาท สามารถสร้างรายได้จากมะขามเทศ 1 ไร่ ได้ประมาณ 50,000-60,000 บาท ต่อไร่ รวมกับการขายกิ่งพันธุ์ด้วย ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามากๆ

ถ่วงกิ่งให้โน้มด้วยขวดพลาสติกบรรจุน้ำ

อนาคตการตลาดสดใส

“การทำตลาดมะขามเทศเพชรโนนไทยของพี่เริ่มจากการเก็บขายให้คนในชุมชน จากนั้นทางหน่วยงานรัฐก็ได้เข้ามาสนับสนุน มีการจัดงานเทศกาลมะขามเทศประจำปีขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 4 ในปีนี้ โดยรายละเอียดของการจัดการจะมีการประกวดมะขามเทศฝักใหญ่ คุณภาพดี รวมถึงการจัดประกวดสุดยอดเมนูแปลกใหม่จากมะขามเทศด้วย โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้คนทั่วไปได้รู้ว่า มะขามเทศ ไม่ได้เป็นแค่ผลไม้ แต่ยังสามารถนำมาแปรรูปได้อีกหลากหลายเมนู หลากหลายผลิตภัณฑ์ ยกตัวอย่าง ในส่วนของพี่เอง ก็มีการนำมะขามเทศมาแปรรูปเป็นไอศกรีมมะขามเทศ และที่แปลกแหวกแนวไปกว่านั้น คือเมนูน้ำยากะทิมะขามเทศ ที่ใช้เนื้อมะขามเทศมาทำแทนเนื้อปลา รสชาติที่ได้ออกมาก็อร่อย หวานมัน แปลกไปอีกแบบ และนอกจากนี้แล้วจากการที่เป็นฝ่ายประชาสัมพันธ์หาตลาด จึงทำให้พี่ได้มีโอกาสรู้จักกับฝ่ายจัดซื้อของห้างเซ็นทรัล ซึ่งทางฝ่ายจัดซื้อก็ได้มีการติดต่อให้ส่งมะขามเทศไปจำหน่าย โดยปีนี้เริ่มทำตลาดเป็นปีแรก ที่ถือเป็นการเริ่มต้นตลาดห้างสรรพสินค้าได้ดี สามารถขยายตลาดได้ 4 แห่ง คือ เซ็นทรัลโคราช เซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ เซ็นทรัลเวสต์เกต และเซ็นทรัลขอนแก่น ซึ่งรูปแบบในการจัดส่งสินค้าเป็นรูปแบบกลุ่ม คือมีการรวบรวมผลผลิตของคนในชุมชนส่งไปด้วย ถือเป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของชุมชนไปด้วยกัน” พี่ลี กล่าวทิ้งท้าย

ใกล้เก็บเกี่ยวผลผลิต

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือสนใจกิ่งพันธุ์มะขามเทศเพชรโนนไทย ติดต่อ คุณไพลี พึ่งแก้ว หรือ พี่ลี ได้ที่ เบอร์โทร. 098-260-9757

คัดคุณภาพเตรียมขาย
ราคาดี กิโลกรัมละ 80 บาท
น้ำยากะทิมะขามเทศเพชรโนนไทย เมนูแปลกแต่อร่อย
สร้างสรรค์ได้อีกหลากหลายเมนู

ขอบคุณ แหล่งข้อมูลอ้างอิงจากหนังสือ อาหารว่าง และขนมไทย จากมะขามเทศ โดย รองศาสตราจารย์วัฒนาภรณ์ โชครัตนชัย

เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกวันอาทิตย์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ.2564