| ที่มา | สวนนงนุชพัทยา 1 ใน10สวนสวยที่สุดในโลก |
|---|---|
| ผู้เขียน | สาวบางแค22 |
| เผยแพร่ |
ช่วงปิดเทอม ครอบครัวที่มีฐานะดี พ่อแม่มักพาลูกหลานไปเที่ยวพักผ่อนต่างประเทศ เพื่อเปิดประสบการณ์แปลกใหม่ ช่วยให้ลูกน้อยมีพัฒนาการที่ดี มีประสบการณ์ชีวิตที่น่าประทับใจ แต่ปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส กลายเป็นปัญหาอุปสรรคในการท่องเที่ยวต่างประเทศไปเสียแล้ว
ในยุคนี้ ท่องเที่ยวทั่วไทยก็ช่วยเปิดประสบการณ์ที่มีคุณค่า เสริมสร้างความรู้ให้เด็กไทยได้ดีเช่นกัน ผู้ปกครองทั้งหลายสามารถพาลูกหลานไปเที่ยวเรียนรู้ธรรมชาติอย่างปลอดภัยได้ที่ สวนนงนุชพัทยา 1 ใน 10 สวนสวยที่สุดในโลก เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย สามารถมาพักผ่อนหย่อนใจ ใช้ช่วงเวลาดีๆ กับครอบครัวได้ตลอดเวลา
สวนนงนุชพัทยา มุ่งมั่นใส่ใจดูแลพันธุ์ไม้ทั่วโลกด้วยความรักและพัฒนาเพาะพันธุ์ต่อยอดให้เกิดพันธุ์ใหม่ๆ เพื่อความสวยงามที่แตกต่างออกไป ทำให้ที่นี่เป็นแหล่งรวมรวบพันธุ์ไม้มากที่สุดในโลกหลากหลายชนิด ขณะเดียวกันสวนนงนุชพัทยาตั้งใจสนับสนุนการเรียนรู้ของเด็กเยาวชนไทย จึงเปิดโอกาสให้เด็กไทยเข้าชมสวนได้ฟรี โดยจำกัดความสูงเด็กไม่เกิน 140 เซนติเมตร ส่วนผู้สูงวัย อายุ 60 ปีขึ้นไป ก็เข้าชมสวนได้ฟรี ทุกวันศุกร์ ตลอดปี 2564 ด้วยเช่นกัน
สวนนงนุชพัทยา มีชื่อเสียงโดดเด่นเรื่องการตกแต่งสวนสวยที่มีฝีมือระดับโลก เช่น สวนฝรั่งเศส สวนอิตาลี สวนยุโรป ฯลฯ นอกจากนี้ ยังเป็นศูนย์รวบรวมพันธุ์ไม้หลากหลายชนิด เรียกได้ว่า ที่นี่นับเป็นสวรรค์ของคนรักต้นไม้อย่างแท้จริง มีสวนสวยมากมายให้เที่ยวชมกันได้ตลอดทั้งวัน สำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวสวนนงนุชพัทยาเป็นครั้งแรก หากต้องการชมสวนให้ครบทุกที่ ต้องใช้เวลาชมทั้งวัน ขอแนะนำให้เดินทางมาตั้งแต่เช้าแล้วไล่ชมสวนสวยต่างๆ ตามที่สนใจก่อน โดยศึกษาจากแผนที่ที่ได้รับมาตอนจ่ายเงินค่าบัตรผ่านประตู
สวนอิตาเลี่ยน-สวนน้ำพุ (Italian Garden)
สวนอิตาเลี่ยน-สวนน้ำพุ (Italian Garden) เป็นสวนสวยแห่งแรกที่ คุณนงนุช ตันสัจจา ผู้ก่อตั้งสวนนงนุชพัทยา ได้ก่อสร้างขึ้น โดยจำลองแบบสวนมาจากต่างประเทศ ต่อมา คุณกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา ได้นำรูปปั้นหินอ่อนจากประเทศอิตาลีมาประดับตกแต่งผสมผสานกับพันธุ์ไม้ชนิดต่างๆ
สโตนเฮนจ์ (Stonehenge)
คุณกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา ได้นำหินชุดหนึ่งจากสวนนงนุชปราจีนบุรี ซึ่งมีลักษณะเป็นแท่งเหลี่ยมคล้ายกับแท่งหินสโตนเฮนจ์ของประเทศอังกฤษ นำมาจัดเรียงเป็นแนววงกลม และประดับตกแต่งด้วยไม้พุ่มที่มีสีสันสวยงาม เมื่อการก่อสร้างสวนสโตนเฮนจ์เสร็จสมบูรณ์ คุณนงนุช ตันสัจจา ได้สลักคำปณิธานบนแท่งหินใจกลางสวนแห่งนี้ว่า “ณ ที่แห่งนี้ นงนุช ตันสัจจา ขอมอบให้เป็นมรดกทางการศึกษาแก่ชนรุ่นหลังเพื่อเรียนรู้และพัฒนาสืบไป (1 มกราคม 2543)”
สวนเนินลายปีกผีเสื้อ (Butterfly Hill)
สวนนงนุชพัทยา ได้นำพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับหลากสีสัน จัดเรียงให้เป็นลวดลายของปีกผีเสื้อ พร้อมประดับตกแต่งด้วยประติมากรรมสัตว์ปูนปั้น อาทิ สิงโต หมู ลิงอุรังอุตัง เสือเขี้ยวดาบ ลา แพะภูเขา
สวนฝรั่งเศส (French Garden)
ในปี พ.ศ. 2539-2540 สวนนงนุชพัทยา ได้ขยายพื้นที่ในการเก็บกักน้ำไว้ให้เพียงพอต่อการใช้งานที่เพิ่มมากขึ้น จึงขุดลอกทะเลสาบให้มีขนาดใหญ่และลึกมากขึ้น จึงมีดินจำนวนมหาศาลนำไปกองไว้เป็นเขาขนาดย่อมๆ ในช่วงแรกใช้ปลูกเป็นทุ่งทานตะวัน จนกระทั่ง คุณกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา เกิดแนวคิดที่จะจัดแต่งสวนรูปทรงเรขาคณิต ตามสไตล์สวนฝรั่งเศสที่มีชื่อเสียงของพระราชวังแวร์ซาย
คุณกัมพล ลงมือก่อสร้างสวนฝรั่งเศสแห่งนี้ โดยใช้เวลาเกือบ 2 ปี และเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมสวนแห่งนี้ ในปี 2541 ต่อมาได้นำสถาปัตยกรรมประเภทตุงกระด้าง เจดีย์จำลอง เข้ามาประดับในบริเวณนี้เพื่อเพิ่มเติมสีสันให้กับสีเขียวของต้นไม้ จนเกิดความสวยงามแปลกตา และบริเวณโดยรอบสวนแห่งนี้ยังมีศาลาเทวดาประดิษฐาน หลวงพ่อสุขใจ และ ศาลาศรีเมือง ศาลาสีทองเป็นที่ประดิษฐาน หลวงพ่อสมหวัง หลวงพ่อเจริญ และหลวงพ่อสำเร็จ เพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวกราบไหว้ขอพรอีกด้วย
ต่อมา สวนนงนุชพัทยา ได้สร้างสวนฝรั่งเศส 2 (French Garden 2) ซึ่งแต่เดิมเป็นพื้นที่ราบ ใช้สำหรับอนุบาลต้นไม้หลากหลายชนิด ได้ปรับพื้นที่ จัดทำเนินเรียงหินให้เป็นภูเขารูปเกือกม้า เพื่อเป็นส่วนต่อเติม ขยายจากสวนฝรั่งเศสเดิม จุดเด่นพิเศษคือ เนินเขาแห่งนี้ได้สร้างเป็นเส้นทางสำหรับรถวิ่งขึ้นไป เพื่อบริการให้กลุ่มลูกค้าสูงวัยที่ไม่สามารถเดินชมได้จากบนทางสกายวอล์กที่มีอยู่ เมื่อสองสวนฝรั่งเศสได้เชื่อมประสานกัน กลายเป็นสวนฝรั่งเศสที่มีขนาดใหญ่ เมื่อมองจากมุมสูงจะเห็นว่า สวนสวยสไตล์ฝรั่งเศสแห่งนี้ มีเนื้อที่กว้างขวางถึง 10 ไร่
หุบเขาไดโนเสาร์ (Dinosaur Valley)
นักท่องเที่ยวทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะกลุ่มเด็กเยาวชนจะชื่นชมหุบเขาไดโนเสาร์กันมากเป็นพิเศษ เพราะเปรียบเสมือนได้ข้ามมิติย้อนเวลากลับไปเมื่อหลายพันล้านปีก่อน สวนนงนุชพัทยา แบ่งพื้นที่กว่า 25 ไร่ ในการจำลองหุบเขาไดโนเสาร์ภายในสวนนงนุชพัทยาสุดยิ่งใหญ่อลังการ ตื่นตาตื่นใจ โดยสร้างประติมากรรมปูนปั้นไดโนเสาร์เกือบทุกสายพันธุ์ เช่น ทีเร็กซ์ ไทรเซราทอปส์ แร็ปเตอร์ ไทแรนโนซอรัส นอกจากนี้ ยังได้นำ “ต้นปรง” (Cycads) พันธุ์พืชที่มีวิวัฒนาการมาตั้งแต่ยุคสมัยไดโนเสาร์ นำมาจัดวางประดับตกแต่งร่วมกับไดโนเสาร์กลางหุบเขาแห่งนี้ พร้อมนำหินขนาดใหญ่มาวางทับซ้อน ทำให้เหมือนได้เห็นไดโนเสาร์กลับมาโลดแล่นมีชีวิตอีกครั้ง
สวนป่าหิน (Stone Forest)
สวนนงนุชพัทยา ได้นำแท่งหินยักษ์มาจัดวางเรียงตามจินตนาการ ทั้งแนวตั้ง 203 ก้อน แนวนอน 4,000 ก้อน บนเนื้อที่กว่า 15 ไร่ ที่นี่นับเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กสำคัญของสวนนงนุชพัทยา ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมตั้งแต่ วันที่ 24 ธันวาคม 2561 เป็นต้นมา
สวนบอนไซ (Bonsai)
บอนไซ คือ ศิลปะการเพาะปลูกแขนงหนึ่งของจีนและญี่ปุ่นตั้งแต่สมัยโบราณ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร เป็นวิธีการเพาะต้นไม้ลงในกระถาง โดยเน้นย่อส่วนต้นไม้ใหญ่ในป่าธรรมชาติให้เป็นต้นไม้ขนาดเล็ก ปลูกในกระถางหรือภาชนะด้วยความทะนุถนอม พร้อมใช้ลวดยึดดัดกิ่งก้านให้โค้งงออยู่กับที่ หรือให้รากไต่บนโขดหิน
บอนไซ เป็นงานศิลปะที่ใช้เทคนิคหลากหลายในการปรับเปลี่ยนดัดแปลง เฝ้ามองดูการเจริญเติบโตของกิ่งก้านและรูปทรงต่างๆ ทั้งใบและรากให้เกิดขึ้นตามจินตนาการ เพื่อให้ได้รูปแบบที่สวยงาม การปลูกบอนไซนับเป็นงานอดิเรกที่สร้างความเพลิดเพลินใจอย่างหนึ่งให้กับคนที่รักต้นไม้
“สวนบอนไซ” ในอาณาจักรของสวนนงนุชพัทยา สร้างความแปลกใหม่ให้กับนักท่องเที่ยวทั่วโลก ได้เห็นศิลปะความสวยงามของบอนไซจากต้นไม้ชนิดต่างๆ เพลิดเพลินในการชื่นชมกับรูปทรงของลักษณะทั้งต้นและใบ ที่นี่ปั้นรูปเต่าหลายขนาดเป็นฐานรองรับกระถางบอนไซ ทำให้ดูสวยงามแปลกตาและทรงคุณค่า เป็นหนึ่งสวนสวยที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยทุกท่านที่มาเยือนสวนนงนุชพัทยาแห่งนี้
หลายคนเกิดความประทับใจกับการจัดแสดง “บอนไซลอยฟ้า” ที่ผสมผสานระหว่างศิลปะการตัดเเต่งต้นบอนไซในรูปทรงที่เเตกต่าง และจัดวางในกระถางลอยฟ้าที่ต้องขึ้นไปชมบนสกายวอล์ก (Sky Walk) ที่จะทำให้ดูสวยงามแปลกตามากขึ้น!!
ขอขอบคุณ ข้อมูลและภาพประกอบข่าว จาก สวนนงนุชพัทยา
