สภาเกษตรกรแห่งชาติส่งมาตรการ แก้ปัญหาการระบาดโรคในสุกรแก่รัฐบาล

นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ กล่าวว่า สภาเกษตรกรแห่งชาติได้ร่วมกับคณะทำงานแก้ไขปัญหาโรคระบาดในสุกร พร้อมและยินดีสนับสนุนให้ความร่วมมือและให้กำลังใจกับส่วนราชการและภาคีเครือข่าย โดยเฉพาะเกษตรกรและผู้ประกอบการในการขับเคลื่อนเพื่อช่วยแก้ปัญหาโรคระบาดในสุกร ซึ่งสภาเกษตรกรแห่งชาติได้จัดทำหนังสือข้อเสนอเชิงนโยบายโครงการฟื้นฟูเยียวยาและปรับโครงสร้าง การเลี้ยงสุกรของเกษตรกรรายกลางถึงรายย่อยทั้งประเทศเพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันแบบยั่งยืน​ โดยเสนอให้แก่รัฐบาล​เมื่อวันที่​ 31​ สิงหาคม 2564 ด้วย

ข้อเสนอเชิงนโยบาย

มาตรการเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการทันที ได้แก่ 1. เร่งจ่ายเงินเยียวยาเพื่อชดเชยความเสียหายจากโรคระบาดกับเกษตรกรรายกลาง รายเล็ก รายย่อย ที่ทำลายซากสุกรไปแล้ว โดยขอให้กรมปศุสัตว์เร่งดำเนินการจ่ายเงินชดเชยให้กับเกษตรกรที่ได้ทำลายซากไปแล้ว ซึ่งปัจจุบันพบว่ายังมีเกษตรกรส่วนหนึ่งยังไม่ได้รับค่าชดเชยทั้งที่เวลาได้ล่วงเลยมานานพอสมควรแล้ว กับขอสนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติมในการชดใช้ราคาสุกรเพื่อเฝ้าระวังป้องกันโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร(ASF) เพื่อรอการดำเนินการตามแผนลดความเสี่ยงต่อโรคระบาดสำคัญในสุกร

2.รัฐบาลควรจัดหาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำหรือปลอดดอกเบี้ย โดยรัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยเพื่อให้เกษตรกรรายย่อยและรายกลาง ดำเนินการปรับปรุงโรงเรือน สถานที่ และระบบความปลอดภัยทางชีวภาพ เพื่อเป็นระบบ GFM ของกรมปศุสัตว์ ด้านผู้ประกอบการโรงฆ่าสุกร โรงงานแปรรูป เพื่อดำเนินการปรับปรุงโรงเรือนและกระบวนการผลิต เข้าสู่ระบบมาตรฐาน GMP, HACCP หรือระบบของกรมปศุสัตว์

  1. ให้นำระบบ Zoning และ Compartment มาใช้ในการควบคุมและป้องกันโรคระบาดสัตว์ 4. ขึ้นทะเบียนคนกลางรับซื้อสุกร (broker) ทุกรายทุกขนาด และออกระเบียบให้มีบทบาทและมีความรับผิดชอบต่อห่วงโซ่การผลิตสุกร ในฐานะเครือข่ายหนึ่งในการป้องกันโรคระบาดและการสร้างมูลค่าเพิ่มในห่วงโซ่การผลิต 5. เร่งทำงานวิจัยเรื่องผลกระทบของกฎหมาย ประกาศกระทรวงต่างๆ และระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อพัฒนาวงการสุกร โดยเฉพาะรายกลาง – รายย่อย เพื่อแก้ไขและปรับปรุงโดยด่วน 6. สนับสนุนให้จัดตั้งกองทุนสุกรให้เป็นรูปธรรม ด้วยความร่วมมือสนับสนุนงบประมาณจากกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำหรับผู้เลี้ยงสุกร และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง 7. นำระบบเศรษฐกิจใหม่ BCG Model มาใช้ในวงการปศุสัตว์ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมแบบยั่งยืน ให้เร่งจัดทำแผนโดยละเอียดเพื่อเร่งดำเนินการต่อไป

มาตรการระยะปานกลาง ภายใน 3 ปี ได้แก่ 1. เร่งรัดให้กรมปศุสัตว์ เพิ่มศักยภาพในการตรวจวินิจฉัย ชันสูตรโรค ที่ได้มาตรฐาน ทั้งกำลังคนและเครื่องมือ หรือสร้างเครือข่ายการชันสูตรโรคกับมหาวิทยาลัยต่างๆ ในภูมิภาค เพื่อให้บริการแก่เกษตรกรอย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วในการเคลื่อนย้ายและควบคุมโรค 2. สนับสนุนให้มีการวิจัย และพัฒนาการเลี้ยงสุกรเข้าสู่ ระบบ Precision agriculture ที่เหมาะสมกับเกษตรกรแต่ละระดับรวมถึงการวิจัยวัคซีน และชีวภัณฑ์ต่างๆ เพื่อลดการใช้ยาปฏิชีวนะ โดยสถาบันการศึกษาทั้งในและต่างประเทศร่วมกับกรมปศุสัตว์

มาตรการระยะยาว ภายใน 5 ปี ได้แก่ 1. กำหนดเป็นวาระแห่งชาติ ให้ประเทศไทยปลอดจากโรคปากและเท้าเปื่อย หรือควบคุมโรคได้ด้วยวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ 2. สนับสนุนให้ภาคเอกชน หรือกลุ่มเกษตรกร ตั้งโรงงานผลิตวัคซีนสำหรับสัตว์ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อใช้ในประเทศและจำหน่ายในกลุ่มอาเซียน โดยอาจอยู่ในรูปแบบของ 4 P คือ Public, Private, Professional, People Partnership  เป็นต้น