ถึงเวลาชิมมะยงชิด-มะปรางหวาน ที่นครนายกกันแล้ว

ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน ของทุกปี เป็นช่วงเวลารอคอยของผู้ชื่นชอบมะยงชิด-มะปรางหวาน ที่ต่างพร้อมใจกันปักหมุดมุ่งสู่จุดหมายเดียวกันคือ จังหวัดนครนายก

ในทุกฤดูกาลผลผลิตมะยงชิด-มะปรางหวาน ที่ปลูกกันมายาวนานถูกพัฒนาคุณภาพ ทั้งการปลูก ดูแล เก็บผลผลิตเพื่อให้มีรสชาติและความปลอดภัยต่อผู้บริโภค ควบคู่ไปกับการแข่งขัน เนื่องจากมีราคาขายเป็นแรงจูงใจ จึงทำให้แต่ละสวนมีลูกค้าขาประจำจับจองผลผลิตทุกปี

ขายผลผลิตด้วยตัวเองที่สวน

“สวนสุริยะ” เป็นอีกแห่งที่ปลูกมะยงชิด-มะปรางหวาน การันตีคุณภาพด้วยแนวทางการปลูกแบบปลอดภัย ผลมะยงชิด-มะปรางหวาน มีลูกใหญ่ รสหวานหอม สร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้า

คุณสุริยะ คณะธรรม เจ้าของสวนสุริยะ ตั้งอยู่เลขที่ 184 หมู่ที่ 4 ตำบลสาริกา อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก โทรศัพท์ 083-121-9922 อดีตเคยรับราชการตำรวจ กระทั่งเกษียณอายุมาเมื่อปี 2558 แล้วมาทำสวนผลไม้ต่อ ปัจจุบันอายุ 67 ปี

มะปรางหวานทองนพรัตน์

ที่สวนสุริยะปลูกไม้ผลผสม ได้แก่ มะยงชิด มะปราง ส้มโอ และมะม่วง แต่ที่โดดเด่นแบบสร้างรายได้คงเป็นมะยงชิดกับมะปราง โดยปลูกมะยงชิดและมะปรางหวานไล่เรี่ยกันจำนวนละกว่า 200 ต้น มีมะม่วงแซมมะยงชิด จำนวน 30 ต้น ที่เหลือเป็นส้มโอเล็กน้อย ใช้พื้นที่ปลูกทั้งหมด 6 ไร่ ทั้งนี้ เริ่มปลูกมะยงชิด ปี 2541 จำนวน 30 ต้น ก่อนเป็นกิ่งพันธุ์ทูลเกล้า ที่ซื้อจากสวนเก่าแก่ที่นครนายก มะปรางหวานเป็นพันธุ์นพรัตน์

มะยงชิดทูลเกล้า

ให้นำต้นพันธุ์ปลูกในหลุมขนาดกว้าง 50 เซนติเมตร ความลึกหลุมให้เท่ากับรอยกิ่งชำที่ซื้อมา เพื่อให้เสมอหน้าดิน รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอก ระยะปลูก 6×7 เมตร คุณสุริยะ บอกว่า จากประสบการณ์เห็นว่าระยะดังกล่าวเหมาะสมที่สุด เพราะเมื่อมะยงชิดมีอายุแก่ประมาณ 15 ปีขึ้นไป จะมีทรงพุ่มใหญ่ จะได้ไม่ทำให้กิ่งเบียดเกยกัน

มะยงชิดลอยแก้ว

“หลังจากปลูกต้นพันธุ์เสร็จเรียบร้อยให้ใช้ไม้ปักดามต้นพันธุ์ป้องกันไม่ให้ล้มหรือเอน แล้วยังต้องสร้างหลังคาบังแดด รดน้ำอย่างเดียวทุกวันตามความเหมาะสมไปจนถึงเวลา 3 เดือน จึงเริ่มใส่ปุ๋ยสูตรเสมอ 16-16-16 จำนวน 2 ช้อน โรยรอบโคนต้น”

นอกจากนั้น ให้ใส่ปุ๋ยคอกกับปุ๋ยอินทรีย์ 1 ครั้ง แล้วเว้นอีก 6 เดือน จึงใส่สูตรเสมอ 16-16-16 อีกครั้งก่อนหมดฝน หลังจากนั้นปุ๋ยคอกให้ใส่เพียงปีละครั้ง มะยงชิดเริ่มให้ผลผลิตปีที่ 3 แต่ยังมีน้อย แล้วไม่สมบูรณ์นัก จะเก็บผลผลิตจริงจังในปีถัดไป

คุณสุริยะ คณะธรรม เจ้าของสวนสุริยะ

บริเวณพื้นที่สวนสุริยะรายล้อมไปด้วยภูเขาจึงเกิดความชื้นมาก นำมาซึ่งโรคและแมลงศัตรูพืชหลายชนิด เจ้าของสวนเผยว่า ต้องใช้ปุ๋ยยาป้องกัน โดยเน้นแนวชีวภัณฑ์เป็นส่วนใหญ่ อาจมีเคมีบ้างเล็กน้อยเพราะกลัวอันตราย

ช่วงเป็นดอก ใช้เวลาประมาณ 15-20 วัน จึงเริ่มเป็นผลอ่อน รวมระยะจากดอกบานจนเก็บผลผลิตสุกพอดีใช้เวลาประมาณ 75-80 วัน หรือสามารถเก็บผลผลิตออกสู่ตลาดได้ประมาณเดือนมีนาคมของแต่ละปี

จัดเตรียมแพ็กใส่กล่องส่งให้ลูกค้า

อีกปัญหาในช่วงมีดอก คุณสุริยะ บอกว่า หลังจากดอกโรยจะเจอปัญหาเพลี้ยไฟทันที ต้องแก้ไขโดยใช้สารอินทรีย์ผสมกับเคมีเล็กน้อยฉีดพ่น กระทั่งผลมีขนาดเท่าหัวไม้ขีดจึงเริ่มให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ พอโตเท่าหัวแม่มือจึงให้ปุ๋ยเร่งโต เป็นสูตร 16-16-16 ให้สลับหรือผสมกับปุ๋ยอินทรีย์และน้ำหมัก

สำหรับการเติมความหวานมะยงชิดกับมะปรางหวาน คุณสุริยะ บอกว่า มีทางเลือก 2 แบบ คือ ก่อนถึงช่วงเก็บผลผลิตประมาณ 20 วัน จะสุ่มนำผลจากต้นมาผ่าดู หากพบว่ามีเมล็ดในแล้วจึงเติมความหวาน กับอีกแนวทางคือ ให้ดูจากสีผล เมื่อเปลี่ยนจากสีเขียวเข้มไปเป็นสีเขียวอ่อนก็สามารถใส่ปุ๋ยเติมความหวานได้ ทั้งนี้ การนำทั้ง 2 แนวทางมาใช้ขึ้นอยู่กับความสะดวกเป็นหลัก ส่วนปุ๋ยสำหรับเติมความหวาน ปกติคุณสุริยะใช้สูตร 13-13-21 แต่หากปุ๋ยเร่งดอก สูตร 8-24-24 เหลือจากการใช้ก็สามารถนำมาใส่แทนกันได้ เพราะจะได้ช่วยประหยัด

เพิ่งเก็บจากต้น ผลใหญ่ สมบูรณ์

คุณสุริยะ บอกว่า ลักษณะรูปร่างผลมะยงชิดกับมะปรางหวานคล้ายกันมากจนแทบแยกไม่ออก ส่วนมากเกษตรกรผู้ปลูกจะดูจากใบหรือยอดอ่อน ในกรณีที่เป็นผลมะยงชิดยอดอ่อนจะออกเป็นสีขาว ส่วนมะปรางหวานยอดอ่อนจะมีสีแดงเข้มมาก

“ความนิยมรับประทานมะยงชิดกับมะปรางหวานว่า ตอนนี้มะยงชิดได้รับความนิยมมากกว่า เพราะรสชาติและความหอมหวานดีกว่า สำหรับมะปรางหวานได้ปรับปรุงพัฒนาต้นพันธุ์มาอย่างต่อเนื่องทำให้ตอนนี้คุณภาพมะปรางหวานมีรสอร่อย หวาน หอม ขนาดใหญ่เท่ากับมะยงชิด โดยค่าความหวานของมะยงชิด 22 บริกซ์ ส่วนมะปรางหวานได้น้อยกว่า ประมาณ 18-19 บริกซ์ ทำให้ขายดีทั้งมะยงชิดและมะปรางหวานคู่สูสีกัน”

ราคาต้นพันธุ์ ขายตามความสูง

มะยงชิดกำหนดราคาขายไว้ที่ 300 บาทต่อกิโลกรัม (16 ผลต่อกิโลกรัม) เป็นราคานี้มาหลายปี ส่วนมะปรางหวานขายเท่ากัน ในแต่ละปีผลผลิตมีขายทั้งในสวนตัวเอง มีคนมารับซื้อที่สวนเป็นรายย่อยที่นำไปขายตามสถานที่หลายแห่ง ทั้งในตลาดและเพิงขายริมทาง อีกทั้งตอนนี้เริ่มเปิดขายทางออนไลน์ด้วย คุณสุริยะ บอกว่า เคยมีพ่อค้ารายใหญ่มาติดต่อซื้อจำนวนล็อตใหญ่แต่ไม่สามารถขายให้ได้เพราะปริมาณไม่เพียงพอ

นอกจากผลสดแล้วทางสวนสุริยะยังแปรรูปมะยงชิดเป็นแบบลอยแก้วด้วย เพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่ากับสร้างทางเลือกให้กับลูกค้า ขณะเดียวกัน ยังเตรียมผลิตเค้กมะยงชิดออกจำหน่ายในรอบปีต่อไปด้วย

สวนสุริยะปลูกมะยงชิด-มะปรางหวานอย่างมีระเบียบ สะอาด

“มัวขายแต่ผลสดอย่างเดียวไม่ได้เพราะยุคนี้เปลี่ยนไปแล้ว เทคโนโลยีเจริญก้าวหน้า ดังนั้น ไม้ผลก็ควรเป็นเช่นนั้น เมื่อยุคเปลี่ยนไป มะยงชิดก็ต้องเพิ่มความหลากหลายในรูปแบบอื่นบ้าง อย่างที่ทำไปแล้วตอนนี้คือมะยงชิดลอยแก้ว กับที่เตรียมไว้ทำช่วงฤดูกาลหน้าคือเค้กมะยงชิด เพื่อเป็นทางเลือกให้ตลาดผู้บริโภค ช่วยให้สินค้าของเราเข้าได้ทุกกลุ่มช่องทางที่ลูกค้าต้องการ”

ลูกค้าบุกมาชิมที่สวน ทั้งผลสดและมะยงชิดลอยแก้ว

นอกจากการขายแบบผลสดและแปรรูป ทางสวนสุริยะยังผลิตต้นพันธุ์มะยงชิดขายอีก กำหนดราคาขายตามความสูง ถ้าสูง 60-80 เซนติเมตร ขายต้นละ 300 บาท ถ้าสูงเกินกว่านี้ขายต้นละระหว่าง 400-500 บาท คุณสุริยะ บอกว่า รอบปีที่แล้วขายต้นพันธุ์ได้กว่า 1,000 กิ่ง เพราะทำได้ปีละครั้ง ลูกค้าสั่งกันมากเหลือเกิน ถ้าต้องการต้องแจ้งก่อนล่วงหน้า

เป็นสวนปลอดภัย เพราะผลิตสารชีวภัณฑ์สำหรับใช้เอง

สวนสุริยะเดินทางมาไม่ยาก ใช้เส้นทางถนนนครนายก-น้ำตกสาริกา เดินทางสะดวกเพราะอยู่ใกล้ถนนใหญ่ สอบถามเส้นทางเข้าสวนสุริยะได้ที่ คุณสุริยะ คณะธรรม โทรศัพท์ 083-121-9922 เจ้าของสวนฝากบอกว่า อยากให้เดินทางมาในเดือนมีนาคม เพราะช่วงนั้นผลผลิตกำลังออกสู่ตลาด สามารถมาชิมมะยงชิดกับมะปรางหวานแบบสด ใหม่ อย่างแน่นอน