ชาวพะเยา เก็บส้มป่อยผลไม้มงคล เดือนห้าเป็ง 1 ปี มี 1 ครั้ง

เมื่อไม่นานมานี้ ชาวบ้านในพื้นที่ หมู่ที่ 6 ตำบลบ้านตุ่น อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา กำลังช่วยกันเก็บส้มป่อยผลไม้มงคล เดือนห้าเป็ง (วันเพ็ญเดือน 5 เหนือ) 1 ปี มี 1 ครั้ง ปีนี้ตรงกับวันที่ 28 มกราคม ที่ผ่านมาชาวล้านนานิยมเก็บมาไว้เพื่อประกอบพิธีงานมงคลต่างๆ ตลอดจนนำเข้าปลุกเสกพิธีกรรมทั้งทางศาสนาและพิธีกรรมของชาวบ้าน เชื่อเป็นผลไม้มีความเป็นสิริมงคล ที่สืบทอดกันมาตั้งแต่โบราณกาลจนถึงปัจจุบัน

คุณวุฒิไกร กลมไร เกษตรกรผู้เก็บส้มป่อย

เมื่อถึงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งถือเป็นเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ของชาวล้านนา ทุกคนมีความสุข สนุกสนานเบิกบานใจ แต่ก็ไม่ลืมที่จะทำอะไรหลายๆ อย่างเพื่อให้เกิดสิริมงคลแก่ชีวิต โดยที่การกระทำบางอย่างพบว่า มีเรื่องของต้นไม้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง ในด้านของความเชื่ออยู่ค่อนข้างมาก

นิทานจากพรหมจักร ชาดก ชาดกล้านนาเรื่อง “อุสสาบารส” กล่าวถึง เรื่องของส้มป่อยว่า ครั้งหนึ่ง มีควายชื่อทรพี คิดอยากเอาชนะพ่อ จึงท้าชนทรพาผู้พ่อ ทั้งสองต่อสู้กันจนเวลาล่วงเลย ฝ่ายทรพีเพลี่ยงพล้ำถูกทรพาไล่ขวิดจนถอยร่นไปไกล ขณะนั้นเองทรพีได้ถอยไปชนต้นส้มป่อยที่กำลังออกฝักอยู่ ด้วยกำลังที่ชนอย่างแรงทำให้ฝักส้มป่อยหล่นลงมาถูกหัวทรพี ทันใดนั้น กำลังที่เคยอ่อนล้าหมดแรง เกิดฮึกเหิมเพิ่มขึ้น ได้ทีทรพีจึงถาโถมเข้าชนทรพาอย่างเมามัน ผู้เป็นพ่อเสียที หมดแรงถอยไปชนต้นมะขามป้อม ลูกมะขามป้อมหล่นถูกหัว เรี่ยวแรงที่อ่อนล้ายิ่งหมดไป จึงถูกทรพีผู้เป็นลูกฆ่าตาย ในที่สุด เรื่องนี้อาจเป็นต้นเหตุหนึ่งของความเชื่อในอนุภาพของน้ำส้มป่อย

ฝักส้มป่อย

ในวรรณกรรมชาดกเรื่อง “ปุณณนาคกุมาร” ตอนที่ ปุณณนาคกุมารเข้ากราบทูลพระบิดาเพื่อขออนุญาตทิ้งสภาวะอันเป็นนาคให้กลายเป็นมนุษย์ พระบิดาทรงอนุญาตและได้ประทานขันทองคำให้ 1 ใบ แล้วให้หาส้มป่อยให้ได้ฝักที่มี 7 ข้อ จำนวน 7 ฝัก เอาแช่ในขันที่มีน้ำจาก   7 แม่น้ำ และ 7 บ่อ นำไปที่ฝั่งแม่น้ำใหญ่ เสกคาถา 7 บท จำนวน 7 คาบ ถอดคราบออก และอาบน้ำมนต์พร้อมสระเกล้าดำหัว จากนั้นเอาคราบนาคนั้นใส่ในขันทองคำไหลลงน้ำเสียจึงจะเป็นคนโดยสมบูรณ์ การใช้ส้มป่อยที่ปรากฏในเรื่องนี้ ก็แสดงให้เห็นถึงความเชื่อในคุณสมบัติของส้มป่อยอีกเรื่องหนึ่ง

ฝักส้มป่อย

ส้มป่อย เป็นพืชประเภทไม้เถาเนื้อแข็งชนิด Acacia rugata Merr. ในวงศ์ Leguminosae ต้นและใบคล้ายชะอม มีรสเปรี้ยว ชาวบ้านจะใช้ยอดอ่อนใส่แกงให้ได้รสเปรี้ยว แทนมะนาว ชาวบ้านนิยมใส่ในต้มส้มไก่เมือง ปลา หรือต้มส้มขาหมู จะได้รสชาติเปรี้ยวอร่อยและหอมกลิ่นส้มป่อย มีผลเป็นฝักแบนๆ เป็นข้อ คล้ายฝักฉำฉาหรือฝักกระถินเทศ แต่จะสั้นและบางกว่า จะมีหนามตลอดที่ต้นและกิ่งก้าน นิยมใช้ฝักแห้งของส้มป่อยแช่น้ำสำหรับเป็นส่วนประกอบสำคัญในพิธีกรรมรดน้ำเพื่อความเป็นสิริมงคล

สรรพคุณทางยา ต้น แก้น้ำตาพิการ ใบ แก้โรคตา เป็นยาถ่าย ขับเสมหะ ชำระเมือกมันในลำไส้ แก้บิดฟอกล้างประจำเดือน ดอก รักษาโรคเส้นพิการ ผล ใช้แก้น้ำลายเหนียว ราก ใช้แก้ไข้ ฝักแห้ง นำไปปิ้งให้เหลืองชงน้ำจิบแก้ไอและขับเสมหะ เป็นยาทำให้อาเจียน ใช้ฟอกผมแก้รังแค ช่วยให้ผมดกดำเป็นเงางาม ไม่แตกปลาย แก้ไข้จับสั่น แก้โรคผิวหนัง เมล็ด นำไปคั่วแล้วบดให้ละเอียดใช้นัตถุ์ให้คันจมูก ทำให้จามดี ส่วนใบ ตำให้ละเอียดใช้ประคบช่วยคลายเส้นได้

ส้มป่อยเป็นพืชสมุนไพรที่ผู้คนยกย่องให้มีคุณค่าควรแก่การเก็บรักษา เชื่อว่าสามารถขจัดสิ่งชั่วร้ายเภทภัยต่างๆ ให้หมดไปจากตัวและบ้านเรือนได้ วิถีชีวิตชาวชนบทล้านนา กลมกลืน สอดคล้องกับธรรมชาติ ความเชื่อและแนวปฏิบัติ จึงได้รับอิทธิพลจากสิ่งรอบตัว ถูกนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด คุณค่าสำคัญของธรรมชาติเกิดจากใจที่มีแรงศรัทธาและความเชื่อมั่น หลายอย่างจึงบังเกิดผลดีและถ่ายทอดให้ถือปฏิบัติสืบมา

คัดตัดแต่งชั่งน้ำหนักเตรียมขายให้กับลูกค้า

นอกจากนี้ ส้มป่อยยังผูกพันเกี่ยวข้องกับชาวชนบท ล้านนา ในเรื่องพิธีกรรมสำคัญต่างๆ ชาวบ้านเชื่อว่า ส้มป่อยเป็นพืชศักดิ์สิทธิ์ ขจัดสิ่งเลวร้าย อัปมงคล เป็นการปลดปล่อยสิ่งไม่ดีให้หลุดพ้นจากชีวิต โดยเฉพาะคนล้านนามีความเชื่อตามชาดกว่าเป็นพืชที่มีพลังแห่งความศักดิ์สิทธิ์ เรียกตามภาษาถิ่นว่า ส้มป่อย เป็นตัวแพ้ สิ่งจัญไร อัปมงคล ชั่วร้าย (แพ้ เป็นภาษาถิ่น เหนือ หมายถึง ชนะ) และคำว่า ป่อยหมายถึงปลดปล่อย สิ่งจัญไรทั้งหลายให้หลุดพ้นจากชีวิตคนเรา ชาวบ้านจะเก็บฝักส้มป่อยในช่วงเดือน 5 เป็ง หรือ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 5 เหนือ เรียกส้มป่อยที่เก็บในเดือนนี้ว่า ส้มป่อยเดือน 5 จะทำให้ได้ส้มป่อยศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้น

เมื่อได้เวลาเก็บ ชาวบ้านจะเลือกเก็บฝักส้มป่อยที่แก่จัด นำไปตากในกระด้งให้แห้งสนิท เก็บใส่ตะกร้า ไว้ใช้ในพิธีกรรมต่างๆ ทั้งพิธีมงคลและอัปมงคล ก่อนนำไปใช้จะนำฝักส้มป่อยไปผิงไฟพอให้สุก ส้มป่อยจะมีกลิ่นหอมเปรี้ยว จากนั้นหักฝักส้มป่อยเป็นชิ้นเล็กๆ แช่ในน้ำ จะได้น้ำส้มป่อยที่มีสีเหลืองอ่อนๆ สำหรับใช้ในพิธีกรรมสำคัญ อย่างไรก็ตาม ในด้านการปฏิบัติ ชาวล้านนานิยมใช้ส้มป่อยมาตั้งแต่โบราณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเทศกาลสงกรานต์ สำหรับวิธีการใช้จะใช้ฝักแห้งของส้มป่อยปิ้งไฟให้หอมแช่ลงในน้ำสะอาดที่มีผงขมิ้นละลายเจืออยู่ เรียกน้ำนี้ว่า “น้ำขมิ้นส้มป่อย” แต่ระยะหลังนี้ ไม่ค่อยปรากฏการใช้ขมิ้นอีก แต่นิยมเติมน้ำอบน้ำหอมและเกสรแห้งของดอกไม้หอม เช่น ดอกสารภี ดอกคำฝอย เป็นต้น

คุณวุฒิไกร กลมไร เกษตรกรผู้เก็บส้มป่อย

น้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ชำระสิ่งชั่วร้าย จากพระสงฆ์หรือปู่ อาจารย์ที่นับถือ นอกจากคาถาที่ร่ายเป่าลงไปแล้ว ในน้ำยังมีสิ่งสำคัญที่ก่อเกิดความเชื่อมั่นแก่ผู้ศรัทธา คือส้มป่อย เป็นส่วนผสมหนึ่งด้วย

พิธีการสำนึกบุญคุณและขอขมาผู้ใหญ่ที่นับถือ หรือการดำหัวในเทศกาลปี๋ใหม่เมือง ผู้น้อยถือขันข้าวตอก ดอกไม้ ธูป เทียน สิ่งที่ขาดไม่ได้คือ น้ำส้มป่อย ที่ผู้ใหญ่ใช้ลูบหัวหลังเสร็จการให้พร แล้วสะบัดพรมให้ลูกหลาน เพื่อเป็นสิริมงคลทั้งตนเองและผู้ที่รัก สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นับถือ เช่น พระพุทธรูป พระเครื่อง ชาวบ้านจะนำน้ำส้มป่อยใส่น้ำอบน้ำหอม เพื่อสรงน้ำพระ ในวันปี๋ใหม่เมือง เช่นกัน

ประเพณีงานบุญที่พ่อแม่ทุกคนต่างรอคอยโอกาส สร้างกุศลใหญ่ เพื่อปรารถนาให้ลูกชายพาไปพบชีวิตที่ดีในโลกหน้าคือการบวชลูกแก้ว (บวชพระหรือเณร) น้ำส้มป่อยก็เป็นสัญลักษณ์หนึ่งของการชำระล้างเนื้อตัวให้บริสุทธิ์ก่อนเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ ปฏิบัติธรรม

เหตุการณ์ที่ทุกคนไม่อาจหลีกพ้นได้ คือ ความตาย

น้ำส้มป่อยก็เข้ามามีบทบาทสำคัญในงาน ใช้อาบน้ำศพ เพื่อให้ผู้จากไปได้พบสิ่งดีสู่สุคติ นำร่างไปเผาที่ป่าช้า กลับมา ผู้ที่ยังอยู่จะใช้น้ำส้มป่อยล้างมือ ลูบผมเพื่อป้องกันสิ่งชั่วร้าย และไล่เสนียดจัญไรออกจากตัว ถ้าเป็นการเผาผีตายโหง ฝักส้มป่อยที่นำติดตัวสามารถล้างอาถรรพ์จากผีไม่ให้ติดตามมาได้ การสืบชะตา สะเดาะเคราะห์ ประกอบพิธีไหว้ครู เช่น ครูซอ ครูหมอเมือง (หมอสมุนไพรพื้นบ้าน) หรืออื่นๆ ล้วนมีน้ำส้มป่อยเข้ามาช่วยให้ขลัง

ฝักส้มป่อย

ชาวบ้านยังมีความเชื่อว่า ถ้าใครไปทำสิ่งไม่ดีที่เรียกว่า ขึด ทำให้ตนเองเจอะเจอความชั่วร้าย ไม่เป็นมงคล สิ่งที่ช่วยให้บรรเทาเบาบางลงคือ น้ำส้มป่อย ครูอาจารย์ ผู้มีเวทมนตร์คาถา ที่นั่งผีปู่ย่า (คนทรง) เมื่อทำผิดข้อห้ามของครูอาจารย์ บรรพบุรุษ ที่เรียกกันว่า ผิดครู หรือบุคคลที่มีคาถาอาคมที่บังเอิญไปลอดราวตากผ้า หรือร้านบวบ (เชื่อว่าจะทำให้คาถาอาคมเสื่อม) น้ำส้มป่อยก็ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น และมีของดีในตัวได้ดังเดิม ส้มป่อยกับวิถีชีวิตชาวชนบทล้านนาเกี่ยวข้อง สัมพันธ์กันมาช้านาน เกือบจะทุกขั้นตอนในการดำเนินชีวิต ตั้งแต่เกิด มาจนกระทั่งหมดลมหายใจ การเคารพความยิ่งใหญ่ในธรรมชาติและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มองไม่เห็น ก่อให้เกิดพลังศรัทธากลายเป็นความเชื่อมั่น นำไปสู่การปฏิบัติที่ได้ผล ดังนั้น ผู้คนจึงยกให้ส้มป่อยเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ควรคู่ชีวิตชาวล้านนาตลอดไป

สำหรับส้มป่อยชาวล้านนานิยมเก็บมาไว้เพื่อประกอบพิธีงานมงคลต่างๆ ตลอดจนนำเข้าปลุกเสกพิธีกรรมทั้งทางศาสนาและพิธีกรรมของชาวบ้าน เชื่อเป็นผลไม้มีความเป็นสิริมงคล ที่สืบทอดกันมาตั้งแต่โบราณกาลจนถึงปัจจุบัน การเก็บส้มป่อยมาแล้วจะนำมาตากแดด 5-6  แดดจนแห้งสนิท แล้วเอามาบรรจุถุงเก็บไว้ หรือบางคนจะเอาไปให้พระสงฆ์หรือเกจิดังทำการปลุกเสกให้ เพื่อเพิ่มพลังพุทธคุณความศักดิ์สิทธิ์มากขึ้น

คุณวุฒิไกร กลมไร อายุ 44 ปี ชาวบ้านในพื้นที่หมู่ที่ 6 ตำบลบ้านตุ่น  อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา เปิดเผยว่า ส้มป่อยเป็นไม้ผลมงคล ต้นจะออกเป็นเถาเลื้อยพันขึ้นกับต้นไม้ใหญ่ในป่า จะออกผลเป็นฝักเพียง 1 ครั้ง ต่อปี ตามความเชื่อของชาวเหนือล้านนามีมาแต่โบราณจะเก็บผลฝักส้มป่อยเดือนห้าเป็ง คือวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 5 ตรงตามตำรา เพราะเชื่อว่าเป็นเดือนที่มีความสำคัญของทางพระพุทธศาสนา เพราะส้มป่อยจะมีความศักดิ์สิทธิ์ในตัว หากเก็บไว้ช่วงเดือนห้าเป็งแล้วจะดี หากได้มีการปลุกเสกก็จะดียิ่งขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว และเป็นพืชมงคลชนิดหนึ่งที่คนเหนือนิยมนำมาทำน้ำพุทธมนต์ น้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์เพื่อใช้ในวันสำคัญทางศาสนา งานมงคลต่างๆ เพราะเชื่อกันว่าพืชชนิดนี้สามารถขจัดปัดเป่าไล่สิ่งไม่ดีออกจากตัวและบริเวณสถานที่ อาคาร บ้านเรือน ตลอดจนอื่นๆ ด้วย นอกจากนี้ ยังสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรที่เก็บขายในช่วงโควิด-19 ระบาดตอนนี้