กลุ่มวิสาหกิจชุมชนชมรมสื่อแห่งปัญญาพัฒนาเกษตรยั่งยืน พัทลุง ปลูก-แปรรูปข้าวสังข์หยดอินทรีย์

ข้าวสังข์หยดเป็นที่นิยมทานของกลุ่มสายรักสุขภาพกันมาก เพราะเป็นข้าวเจ้าที่มีเยื่อหุ้มเมล็ดสีแดง อุดมไปด้วยธาตุเหล็ก ฟอสฟอรัส และไนอะซิน ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ชาวบ้านจึงนิยมปลูกและแปรรูปเป็นข้าวกล้องและข้าวซ้อมมือ เพื่อจำหน่ายให้กับคนบริโภคข้าวเป็นอาหารเพื่อสุขภาพในชุมชนและจังหวัดใกล้เคียง

“กลุ่มวิสาหกิจชุมชนชมรมสื่อแห่งปัญญาพัฒนาเกษตรยั่งยืน” รวมตัวกันปลูกข้าวสังข์หยดบนพื้นที่ราบกว้างใหญ่นับพันไร่เคยเป็นที่อาศัยของสัตว์ป่าที่มีชื่อว่า “ทุ่งชัยรอง” ตั้งอยู่ในท้องที่ตำบลพนางตุง อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง โดยเป็นข้าวสังข์หยดอินทรีย์ที่มีคุณภาพตามมาตรฐานได้รับความสนใจจากผู้บริโภค กระทั่งนำไปสู่การแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์หลายชนิดตอบโจทย์กลุ่มคนรักสุขภาพอย่างแท้จริง

คัดสรรข้าวพื้นบ้านที่มีคุณภาพผ่านกระบวนการผลิตแบบมีส่วนร่วม

คุณอำมร สุขวิน ประธานกลุ่ม เล่าถึงอาชีพเกษตรกรรมของตัวเองว่า ตอนนี้ปลูกข้าว 2 ชนิด ได้แก่ สังข์หยดอินทรีย์และข้าว กข 43 โดยข้าวสังข์หยดปลูกนาปีใช้พื้นที่ 4 ไร่ ส่วนข้าว กข 43 ปลูกนาปรังใช้พื้นที่ปลูก 11 ไร่ สำหรับเมล็ดพันธุ์ข้าวสังข์หยดและข้าว กข 43 จะแบ่งเก็บไว้ทุกปี แต่บางคราวหากมีความจำเป็นต้องนำมาจากทางศูนย์วิจัยข้าวพัทลุง

สมาชิกกลุ่มและการปลูกข้าวสังข์หยด

ข้าวสังข์หยดจะเริ่มปลูกเดือนกันยายน แล้วเก็บเกี่ยวประมาณปลายเดือนกุมภาพันธ์ ใช้เมล็ดพันธุ์ปลูก 10 กิโลกรัมต่อไร่ โดยปลูกแบบอินทรีย์คือการใช้ปุ๋ยหมักที่ผลิตเองตามมาตรฐาน ทำแนวป้องกันแปลงนา การกำจัดวัชพืชด้วยการถอน ตลอดจนการใช้น้ำจากธรรมชาติ ขณะเดียวกัน ยังเข้มงวดการตรวจแปลงข้าวของคณะกรรมการที่มาจากหลายหน่วยงานอย่างต่อเนื่องเป็นประจำ

ผลิตภัณฑ์ข้าวสังข์หยด

คุณอำมรอธิบายถึงแนวทางการปลูกข้าวสังข์หยดอินทรีย์ว่า ก่อนปลูกต้องเตรียมแปลงในช่วงเดือนสิงหาคมจะเตรียมดิน ไถแล้วทำเทือกร่องน้ำ ให้สำรวจน้ำในแปลงก่อนว่ามีปริมาณเพียงพอกับการปลูกแบบนาหว่านตมหรือไม่ เมื่อปล่อยน้ำเข้านาในปริมาณที่เหมาะสมแล้วไถกลบตอซังทิ้งไว้ 1 เดือน แล้วให้เริ่มหว่านต้นกล้าในช่วงต้นหรือกลางเดือนกันยายน

ทั้งนี้ ให้จัดเตรียมเมล็ดพันธุ์ไปพร้อมกันโดยแช่น้ำไว้ 1 คืน ให้คัดแยกสิ่งเจือปนที่อยู่กับเมล็ดพันธุ์ข้าวก่อน หลังจากนั้นให้นำเมล็ดข้าวที่แช่ออกมาวางไว้ในที่ร่ม ทิ้งไว้ 2 คืนจะแตกหน่อเป็นต้นกล้าทำพร้อมไปกับการเตรียมแปลง

ข้าวอินทรีย์ กข 43

ขณะเดียวกัน ต้องเตรียมปุ๋ยอินทรีย์หรือปุ๋ยหมักชีวภาพไว้ก่อน โดยใช้มูลวัว แกลบดำ รำข้าว กากน้ำตาล จะทำไว้ประมาณ 200-300 กิโลกรัม สำหรับใช้ปลูกข้าวสังข์หยด โดยใส่ 1-2 ครั้ง

“การให้ปุ๋ยอินทรีย์ใส่หลังจากปลูก 20 วัน ใช้ปุ๋ยประมาณ 60 กิโลกรัมต่อไร่ แล้วให้ใส่อีกครั้งปลายเดือนธันวาคม ซึ่งเป็นช่วงที่ข้าวเริ่มตั้งท้องหรือเป็นช่วงที่ชาวบ้านเรียกว่าช่วงข้าวแต่งตัว อย่างไรก็ตาม ระหว่างนี้ต้องคอยบริหารจัดการน้ำในแปลงนาด้วยเพราะอาจมีฝนตกมาก”

สบู่น้ำมันรำข้าวสังข์หยดราคาก้อนละ 35 บาท

การดูแลแปลงข้าวระหว่างปลูกนั้นควรถอนวัชพืชออก รวมถึงต้นข้าวชนิดอื่นที่ปะปนมาด้วย คุณอำมร บอกว่า บางปีฝนมาไม่ตรง แต่ถ้าไม่นานก็ปล่อยไว้ได้ ยกเว้นถ้าฝนทิ้งช่วงนานเกินไปอาจต้องสูบน้ำจากสระในพื้นที่ใกล้เคียงเข้ามาเติมในแปลงนาเพื่อแก้ปัญหาชั่วคราว

พอถึงเดือนมกราคมข้าวเริ่มออกรวง หากสังเกตเห็นมีพันธุ์ข้าวอื่นให้ใช้เคียวถอนออก เพราะต้องการให้เหลือแต่สังข์หยดเท่านั้น หลังจากข้าวออกรวงในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ จึงเก็บเกี่ยว ใช้รถเกี่ยวข้าว แล้วนำมาตากแดด 2 แดด แล้วนำมาใส่กระสอบ จากนั้นแบ่งไว้จำนวน 100 กิโลกรัมเพื่อเป็นเมล็ดพันธุ์ในรอบต่อไป ส่วนที่เหลือจึงเก็บไว้สีในโรงสีของกลุ่ม มีกำลังการสีข้าวได้วันละ 500 กิโลกรัม สีข้าวออกมาเป็นข้าวสาร ข้าวกล้อง ข้าวขัด แกลบดำ รำ และปลายข้าว เพื่อขายและนำไปบริโภคและแปรรูปแยกรำไว้สำหรับแปรรูปเป็นสบู่น้ำมันรำข้าว และปลายข้าวเพื่อเพิ่มมูลค่า

ทุ่งชัยรอง แบรนด์ข้าวสังข์หยดคุณภาพ ORGANIC

ส่วนการปลูกข้าว กข 43 ต้องเตรียมแปลงก่อนในปลายเดือนตุลาคมหรือก่อนน้ำท่วมนา พอน้ำลดจึงปรับปรุงดินแล้วเริ่มปลูกปลายเดือนมกราคม โดยวิธีปลูกเช่นเดียวกับข้าวสังข์หยด ข้าว กข 43 มีอายุเก็บเกี่ยว 90 วันหรือในเดือนเมษายนจึงเก็บเกี่ยว จำนวนเมล็ดพันธุ์ข้าว กข 43 ใช้ประมาณ 18 กิโลกรัมต่อไร่

คุณอำมรเลือกใช้ข้าว กข 43 ปลูกในการทำนาปรังเพราะพันธุ์ข้าวชนิดนี้มีคุณภาพ มีปริมาณน้ำตาลน้อยกว่าพันธุ์อื่น มีความหอม นุ่ม ได้ผลผลิตประมาณ 500-600 กิโลกรัมต่อไร่ ใช้แนวทางปลูกแบบอินทรีย์เช่นกัน ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ 200-250 กิโลกรัมต่อไร่ หว่านปุ๋ยครั้งเดียวหลังปลูกข้าว 1 เดือน ส่วนการปลูกรอบสองจะเริ่มในเดือนมิถุนายน โดยต้องเตรียมแปลงในเดือนพฤษภาคมด้วยการหมักฟางในน้ำเป็นเวลา 7 วันเพื่อสร้างคุณภาพดินให้ข้าวมีความสมบูรณ์แข็งแรง

สบู่น้ำมันรำข้าวที่ด้านหลังเป็นกระเป๋าจากกระจูดสวยงามมีขายด้วย

“กลุ่มวิสาหกิจชุมชนชมรมสื่อแห่งปัญญาพัฒนาเกษตรยั่งยืน” มีกิจกรรมหลายด้านอยู่ในกลุ่ม มีคุณอำมรเป็นประธานกลุ่ม ผลผลิตที่นำมาขายทั้งในรูปข้าวสารและแปรรูป จะนำมาจากการรวบรวมผลผลิตข้าวของสมาชิกจำนวนกว่า 30 ไร่ กลุ่มจะรับซื้อจากสมาชิกในราคาที่สูงกว่าโรงสีเอกชน เป็นการผลิตข้าวแบบอินทรีย์ที่รับรองจากทางศูนย์วิจัยข้าว โดยรับรองให้เป็นแปลงปลูกข้าวออร์แกนิก เป็นการช่วยให้สมาชิกขายได้ราคาสูงกว่าข้าวทั่วไป โดยมีตลาดในพื้นที่ชุมชน และภายในจังหวัดพัทลุงเป็นส่วนมาก สินค้ามีวางขายในพื้นที่ชุมชนในท้องถิ่นและขายในจังหวัด กับการขายผ่านทางออนไลน์

สินค้าที่ขาย ได้แก่ ข้าวสังข์หยด ข้าวไรซ์เบอร์รี่ จมูกข้าวสังข์หยด แป้งข้าวสังข์หยด น้ำมันรำข้าวสังข์หยด สบู่น้ำมันรำข้าว ขณะเดียวกัน แม่บ้านที่อยู่ในกลุ่มยังทำกระเป๋าและภาชนะจากกระจูดนำไปขายร่วมด้วย

แป้งข้าวสังข์หยด

ราคาขายข้าวสังข์หยดทั้งกล่องสีดำและสีน้ำเงินเป็นถุงบรรจุสุญญากาศขนาด 1 กิโลกรัมราคา 70 บาท แต่ถ้าขายให้ชาวบ้านในชุมชนจะใส่ถุงพลาสติกขายเพียงกิโลกรัมละ 50 บาท และราคาขายข้าว กข 43 กิโลกรัมละ 30 บาท ไม่ได้แพ็กเป็นถุงสุญญากาศแต่จะใส่ถุงพลาสติกเพราะขายให้กับชาวบ้านในพื้นที่ ลูกค้าทานเป็นข้าวกล้องหรือข้าวขัดขาวแล้วแต่ความชอบ

จมูกข้าวสังข์หยด

“แป้งข้าวสังข์หยดเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับไว้ทำขนมและอาหาร เนื้อแป้งได้มาจากการนำข้าวสารหรือปลายข้าวที่คัดคุณภาพไปแช่น้ำก่อน แล้วตากให้แห้ง จึงนำมาบดเป็นผงก่อนนำไปร่อนเพื่อให้ได้เป็นเนื้อแป้งที่ละเอียด กำหนดราคาขายครึ่งกิโลกรัมราคา 60 บาท”

น้ำมันรำข้าวสังข์หยดบีบเย็น

สบู่น้ำมันรำข้าวสังข์หยดอินทรีย์บีบเย็นผลิตจากน้ำมันรำข้าวที่มีคุณสมบัติของวิตามินอีเมื่อนำมาผสมในเนื้อสบู่ช่วยให้ผิวสะอาด บำรุงผิวพรรณให้มีความสดใสชุ่มชื้น เปล่งปลั่ง ขณะเดียวกัน รำข้าวที่เป็นเยื่อหุ้มเมล็ดข้าวมีส่วนสำคัญในการช่วยขจัดสิ่งสกปรกช่วยให้ผิวหน้าและผิวกายมีความสะอาดอย่างแท้จริง

เครื่องสีข้าวของกลุ่ม มีกำลังสีข้าวได้วันละ 500 กิโลกรัม

สนใจสอบถามรายละเอียดสั่งซื้อข้าวสังข์หยดและผลิตภัณฑ์แปรรูปได้ที่ อินบ็อกซ์ fb : ข้าวสังข์หยดพัทลุง ทุ่งชัยรอง หรือโทรศัพท์ 089-464-1187, 086-958-5650