กองทุนฮอนด้าและมูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ สานต่อโครงการพัฒนาแหล่งน้ำตามพระราชดำริฯ ลุ่มน้ำปราจีนบุรี ปีที่ 3

จากเหตุการณ์มหาอุทกภัยในประเทศไทย เมื่อ พ.ศ. 2554 โดยมีน้ำท่วมพื้นที่ 150 ล้านไร่ ทั้งในพื้นที่เกษตรกรรมและอุตสาหกรรมใน 65 จังหวัดทั่วประเทศ สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนกว่า 13.59 ล้านคน โดยธนาคารโลกได้ประเมินมูลค่าความเสียหายจากอุกภัยครั้งนั้นถึง 1.4 ล้านล้านบาท

ซึ่ง บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด มีโรงงานผลิตรถยนต์อยู่ในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้รับผลกระทบน้ำท่วมอย่างรุนแรงจนต้องหยุดการผลิตเป็นเวลาเกือบ 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคม 2554 หลังจากนั้น ฮอนด้าได้เร่งการฟื้นฟูและสามารถกลับมาเดินเครื่องผลิตรถยนต์อย่างเป็นทางการในวันที่ 31 มีนาคม 2555 ทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งในการรับผิดชอบต่อสังคมโดยได้บริจาคเงินช่วยเหลือจำนวน 100 ล้านบาท ในนามกลุ่มบริษัท ฮอนด้าในประเทศไทย เพื่อมอบความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยผ่านสภากาชาดไทย

ฮอนด้าในฐานะหนึ่งในผู้ประสบภัยและตระหนักถึงความสำคัญของการเตรียมความพร้อม และการรับมือกับภัยพิบัติทางธรรมชาติ จึงได้ผนึกกำลังกลุ่มบริษัท ฮอนด้าในประเทศไทย อันประกอบด้วย บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด บริษัท ไทยฮอนด้า แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด และ บริษัท เอเชี่ยนฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด ประกาศตั้งกองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย ขึ้นในวันที่ 31 มีนาคม 2555 ภายใต้มูลนิธิฮอนด้าประเทศไทย เพื่อเป็นกองทุนฉุกเฉินไว้ใช้ช่วยประชาชนไทยในยามประสบภัยพิบัติที่ไม่อาจคาดการณ์ได้ ดังเจตนารมณ์ของฮอนด้าในการสร้างสรรค์คุณค่าเพื่อเป็นองค์กรที่สังคมไทยต้องการให้ดำรงอยู่ตลอดไป

โดย กลุ่มบริษัท ฮอนด้าฯ จะร่วมสมทบเงินมูลค่า 1,000 บาท ต่อการขายรถยนต์ 1 คัน 100 บาท ต่อการขายรถจักรยานยนต์ 1 คัน และ 10 บาท ต่อการขายเครื่องยนต์อเนกประสงค์ 1 หน่วย เพื่อสมทบรายได้จากยอดขายผลิตภัณฑ์เข้าไว้ในกองทุนอย่างเป็นระบบ ปัจจุบัน กองทุนฮอนด้าฯ มียอดเงินสะสมตั้งแต่ วันที่ 1 เมษายน 2555 ถึง 31 พฤษภาคม 2560 เป็นจำนวนทั้งสิ้น 1,000 ล้านบาท ทั้งนี้ กลุ่มบริษัท ฮอนด้าฯ จะทยอยสะสมเงินเข้ากองทุนและหมุนเวียนใช้อย่างต่อเนื่อง สำหรับใช้ในกิจกรรมบรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชนชาวไทยในยามต้องเผชิญภัยพิบัติทางธรรมชาติ อาทิ น้ำท่วม ดินถล่ม ภัยหนาว ภัยแล้ง ตลอดจนกิจกรรมต่างๆ ที่ดำเนินงานภายใต้กองทุนฮอนด้าฯ ได้อย่างทันท่วงที

ซึ่ง เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2560 กองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย ภายใต้มูลนิธิฮอนด้าประเทศไทย ร่วมกับ มูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้ผนึกกำลังชุมชน สานต่อโครงการพัฒนาแหล่งน้ำตามแนวพระราชดำริในพื้นที่ลุ่มน้ำปราจีนอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ด้วยการจัดกิจกรรมอาสา ปรับปรุงพื้นฟูและพัฒนาแหล่งน้ำบริเวณคลองยาง ตำบลดงขี้เหล็ก ซึ่งเป็นแหล่งน้ำสาขาที่เชื่อมต่อคลองสายสำคัญในการอุปโภคบริโภคในจังหวัดปราจีนบุรี และพื้นที่ใกล้เคียงด้วยการสร้างฝายกักเก็บน้ำ เพื่อสร้างความชุ่มชื้นให้ป่าต้นน้ำและรับมือปัญหาน้ำหลากในช่วงฤดูฝน และรับมือปัญหาภัยแล้งให้ประชาชนในชุมชนมีน้ำเก็บไว้ใช้ได้ตลอดทั้งปี

คุณพิทักษ์ พฤทธิสาริกร

คุณพิทักษ์ พฤทธิสาริกร กรรมการผู้จัดการกองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย กล่าวว่า จากเจตนารมณ์ในการเป็นองค์กรที่สร้างสรรค์คุณค่าอยู่คู่สังคมไทย กลุ่มบริษัท ฮอนด้า ในประเทศไทย จึงร่วมกันจัดตั้ง “กองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย” ขึ้น เพื่อเป็นกองทุนฉุกเฉินสำหรับช่วยเหลือพี่น้องชาวไทยเมื่อประสบภัยพิบัติตามธรรมชาติมาโดยตลอด ซึ่งโครงการพัฒนาแหล่งลุ่มน้ำปราจีนบุรีนี้ ถูกจัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ด้วยการสร้างฝายหินก่อ ฝายภูมิปัญญา บวชป่าและปลูกต้นไม้ เพื่อเป็นการสร้างความชุ่มชื้นให้กับป่าต้นน้ำ และชะลอการไหลของแหล่งน้ำสาขาที่เชื่อมต่อคลองสายสำคัญด้านล่าง เพื่อให้ชุมชนดงขี้เหล็กมีน้ำเก็บไว้ใช้ สำหรับใช้ทางการเกษตรและการอุปโภคบริโภค ภายใต้โครงการพัฒนาแหล่งน้ำตามแนวทางพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยคาดว่าจะมีพื้นที่เกษตรได้รับประโยชน์กว่า 1,565 ไร่ ครอบคลุม 3 หมู่บ้าน กว่า 450 ครัวเรือน

การสร้างฝายหินก่อ

“โครงการที่ทำอยู่เป็นโครงการที่ทำอยู่ภายใต้ โครงการฮอนด้าเคียงข้างไทย ซึ่งเป็นเหมือนโครงการที่จะให้ความช่วยเหลือ โดยมีแนวคิดที่จะเก็บรวบรวมเงินสำหรับเป็นกองทุนไว้ เพื่อช่วยเหลือในยามที่เกิดภัยพิบัติ โดยจะนำเงินใส่เข้ากองทุน ร่วมสมทบเงินมูลค่า 1,000 บาท ต่อการขายรถยนต์ 1 คัน สมทบเงิน 100 บาท ต่อการขายรถจักรยานยนต์ 1 คัน และขายเครื่องยนต์อเนกประสงค์ 1 หน่วย 10 บาท เราก็ทำการสะสมเงินมาโดยตลอด ซึ่งกิจกรรมในวันนี้ เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมระยะยาวทำมา 3 ปีแล้ว ที่เราทำการพัฒนาลุ่มน้ำปราจีนบุรี โดยเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2558 ซึ่งลักษณะของกิจกรรมก็จะเป็นเกี่ยวกับการสร้างฝาย การพัฒนาแหล่งน้ำ การปลูกป่า เพื่อเป็นการสร้างความชุ่มชื้นให้กับป่าต้นน้ำ ซึ่งแนวความคิดต่างๆ เราได้คิดให้เกิดประโยชน์กับชุมชนเป็นหลัก ดังนั้น ชุมชนจะต้องมีความเป็นเจ้าของเมื่อเราไปพัฒนาแล้ว ชุมชนก็จะต้องนำไปใช้ประโยชน์ให้ได้สูงสุด พร้อมทั้งการดูแลรักษาให้เกิดความยั่งยืน” คุณพิทักษ์ กล่าว

ด้าน คุณวีระ วงศ์แสงนาค กรรมการและเลขาธิการ มูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า มูลนิธิอุทกพัฒน์ฯ ได้คัดเลือกตัวอย่างชุมชนที่ประสบความสำเร็จ 60 ชุมชนแกนนำ ขยายผลได้ 932 หมู่บ้าน ร่วมดำเนินงานเป็นเครือข่ายการจัดการทรัพยากรน้ำชุมชน ตามแนวพระราชดำริ โดยใช้กรอบคิด กรอบงาน และหลักทรงงาน เกี่ยวกับการจัดการทรัพยากร ดิน น้ำ ป่า มาประยุกต์ใช้ อาทิ การพึ่งตนเอง การคิดให้เชื่อมโยงกัน การใช้ธรรมชาติแก้ธรรมชาติ การจัดงานให้เหมาะสมกับภูมิสังคม การลงมือทำและสร้างตัวอย่างความสำเร็จ จนขยายผลไปสู่ชุมชนอื่นได้ เกิดเป็น “พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติจัดการน้ำชุมชนตามแนวพระราชดำริ” ซึ่งปัจจุบันมี 13 แห่ง กระจายอยู่ทุกภาคของประเทศไทย

ซึ่งกิจกรรมจิตอาสาที่ห้วยเกษียรนี้ จึงเป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำปราจีนบุรี ซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่องนับแต่ปี 2558 โดยกองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทยได้ให้การสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทยจำนวนกว่า 23 ล้านบาท แบ่งเป็น 3 พื้นที่ครอบคลุมตำบลนาแขมและเมืองเก่า อำเภอกบินทร์บุรี และตำบลดงขี้เหล็ก อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี โดยการสร้างฝายชะลอน้ำ ปลูกหญ้าแฝกและไม้ยืนต้น ตลอดจนบวชป่า คาดว่าหลังจากดำเนินการเสร็จในปี 2560 จะช่วยสำรองน้ำในพื้นที่ให้เกษตรกรมีน้ำใช้ในช่วงฤดูแล้งและบรรเทาปัญหาน้ำหลาก รวมพื้นที่ทั้งหมดที่ได้รับประโยชน์ 17,658 ไร่ เพิ่มปริมาณการกักเก็บน้ำรวม 3,529,750 ลูกบาศก์เมตร ต่อปี มีชาวปราจีนบุรีได้รับประโยชน์กว่า 4,935 ครัวเรือน

ทั้งนี้ กองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย ได้กำหนดภารกิจในการดำเนินกิจกรรมที่เป็นประโยชน์และให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง ครอบคลุม 4 ด้าน ได้แก่ 1. ด้านเงินทุน 2. ด้านวัสดุอุปกรณ์ 3. ด้านการเสริมสร้างเครือข่ายความร่วมมือ 4. ด้านส่งเสริมความรู้ในการรับมือภัยพิบัติ โดยตลอดระยะเวลา 5 ปี ของการดำเนินงาน “กองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย” ได้มีส่วนร่วมให้ความช่วยเหลือพี่น้องไทยทั่วประเทศ 37 จังหวัด รวมจำนวนเงินกว่า 220 ล้านบาท