มะเขือเทศโซลาริโน่ ปลูกเล่นๆ 100 ต้น ทำเงิน 300 บาท/กก.

มะเขือเทศ โซลาริโน่ (Solarino) สายพันธุ์เนเธอร์แลนด์ เด่นที่รสชาติหวานอมเปรี้ยวเป็นเอกลักษณ์ เหมาะกับการกินผลสด ทรงผลยาว สีแดงสวย เนื้อแน่นกรอบ ไม่มีกลิ่นฉุน กำลังเป็นที่นิยมในประเทศไทย โดยเฉพาะในกลุ่มคนรักสุขภาพและกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อสูง เหมาะสำหรับปลูกเป็นพืชสร้างรายได้เสริม ปลูกไม่ต้องเยอะสามารถทำรายได้ต่อสัปดาห์ไม่น้อย

คุณศิริลักษณ์ เอกประทุมชัย หรือ คุณเก็ต

คุณศิริลักษณ์ เอกประทุมชัย หรือ คุณเก็ต เจ้าของฟาร์ม Miss Melon Farm ตั้งอยู่ที่ 14/3 หมู่ที่ 8 ตำบลบึงบา อำเภอหนองเสือ จังหวัดปทุมธานี อดีตมนุษย์เงินเดือนอิ่มตัวจากงานประจำ ผันตัวเป็นเกษตรกรเจ้าของสวนเมล่อน พร้อมกับการต่อยอดสร้างรายได้ นำมะเขือเทศโซลาริโน่ ที่เป็นสายพันธุ์กินผลสดมาปลูกเก็บขายได้เงินค่ากับข้าวสัปดาห์ละ 3,000 บาท

มะเขือเทศโซลาริโน่ (Solarino) ติดผลดก ลูกสวยสมบูรณ์

คุณเก็ต เล่าให้ฟังว่า ก่อนที่จะมาเป็นเกษตรกร ตนเองเคยทำงานเป็นพนักงานออฟฟิศมาก่อน จนถึงจุดอิ่มตัวกับรูปแบบการทำงานประจำ และต้องการอยากที่จะกลับมาดูแลพ่อกับแม่ที่มีอายุมากขึ้น โดยการกลับมาอยู่บ้านในครั้งนี้ไม่เพียงแค่กลับมาดูแลพ่อแม่ แต่เป็นการกลับมาเริ่มต้นทำสิ่งใหม่ๆ ด้วยแนวคิดอยากปลูกผักปลอดภัยในโรงเรือน จึงได้เริ่มต้นหาความรู้จากงานสัมมนาอบรมการทำเกษตรบ้าง เรียนรู้จากศูนย์การเรียนรู้เชิงเกษตรบ้าง ทำให้เริ่มมีทั้งความรู้การทำเกษตรมากขึ้น รวมถึงได้รู้จักเพื่อนๆ ที่ทำเกษตรที่หลากหลายจากตรงนี้ และมีความสนใจในด้านการปลูกเมล่อน จึงได้ลงมือทำอย่างจริงจังจนเกิดความชำนาญ นำไปสู่การต่อยอดขยายพื้นที่เพื่อทดลองปลูกพืชชนิดอื่นๆ ตามมา

ปลูกมะเขือเทศในโรงเรือนเดียวกับเมล่อน

ซึ่งในตอนนั้นมะเขือเทศเป็นพืชชนิดแรกที่นึกถึง เพราะเห็นว่ามะเขือเทศเป็นพืชที่สามารถปลูกในโรงเรือนพร้อมกับการปลูกเมล่อนได้ ไม่ต้องลงทุนใหม่ ทั้งโรงเรือน วัสดุปลูก และการดูแลที่ไม่แตกต่างกัน รวมถึงได้มีการศึกษาการตลาดของมะเขือเทศเพิ่มเติมแล้วว่า ถ้าปลูกแล้วจะไปขายให้ใคร หรือกำหนดกลุ่มเป้าหมายไว้แล้วว่ากลุ่มลูกค้าที่ซื้อมะเขือเทศของเราจะเป็นใคร จึงเป็นที่มาของการตัดสินใจเลือกปลูกมะเขือเทศมาตั้งแต่ตอนนั้น

ส่วนสาเหตุที่ทำไมต้องเลือกปลูกมะเขือเทศโซลาริโน่ ก็เพราะว่าจุดเด่นของมะเขือเทศสายพันธุ์นี้คือ เป็นมะเขือเทศสายพันธุ์ที่มีเมล็ดน้อย กินง่ายคล้ายกับองุ่นไร้เมล็ด เนื้อกรอบ มีกลิ่นหอมเฉพาะ ไม่ฉุน คนที่รักสุขภาพแต่ไม่ชอบกินมะเขือเทศก็สามารถกินได้ แถมขายได้ราคาดีกิโลกรัมไม่ต่ำกว่า 200-300 บาท

มะเขือเทศโซลาริโน่ สีแดงสวย เนื้อกรอบ กลิ่นไม่ฉุน

มะเขือเทศโซลาริโน่ ปลูกง่าย ราคาดี

หากถามถึงวิธีการปลูกยากง่ายอย่างไร คุณเก็ต อธิบายให้ฟังว่า หากวัดระดับความยากให้จาก 1-10 การปลูกมะเขือเทศโซลาริโน่ จัดอยู่ในระดับที่ 4 คือมีขั้นตอนการปลูกการดูแลที่ง่ายกว่าการปลูกเมล่อนเยอะ รวมถึงการจัดการโรคแมลงศัตรูพืชที่ง่ายกว่าเมล่อน เพราะเมล่อนจะมีความไวต่อโรค ทั้งเพลี้ยไฟ ไรแดง รากเน่า ซึ่งมะเขือเทศตอนนี้ที่ฟาร์มเจอจะมีแค่หนอน ถ้าเจอสามารถจับทิ้งได้เลย แต่จะต้องมาให้ความพิถีพิถันในการขั้นตอนของการเก็บเกี่ยวที่ยากกว่าการเก็บเมล่อน ตรงที่มะเขือเทศมีผลขนาดเล็กและสุกไม่พร้อมกันทั้งหมดต้องค่อยๆ ทยอยเก็บ แตกต่างจากเมล่อนที่มีผลขนาดใหญ่ ผลผลิตมี 1 ลูกต่อ 1 ต้น เก็บเกี่ยวได้พร้อมกันทั้งหมด หรือสามารถเปรียบเทียบได้ว่าเมล่อนเหมาะสำหรับเป็นพืชเงิน เก็บได้เงินเป็นก้อน ส่วนมะเขือเทศเปรียบเสมือนรายได้เสริม ไว้ใช้จ่ายเป็นค่ากับข้าวประจำวันที่ดีไม่น้อย

มะเขือเทศพร้อมเก็บเกี่ยว

วิธีการปลูก

หากมีการจัดการดูแลที่ดีสามารถปลูกได้ปีละ 3 ครั้ง แต่ของที่ฟาร์มวางแผนการปลูกเพียงปีละ 2 ครั้ง เป็นการปลูกในโรงเรือนเดียวกับเมล่อน จำนวน 100 กว่าต้น การเตรียมวัสดุในการปลูกก็เหมือนกับการปลูกเมล่อนอีกเช่นกัน คือการใช้วัสดุปลูกแทนดิน เช่น ขุยมะพร้าว แกลบดำ หรือปลูกแบบไฮโดรโปนิกส์ก็ได้ โดยที่ฟาร์มจะเลือกใช้ขุยมะพร้าวหรือแกลบดำ ขึ้นอยู่กับความสะดวกในช่วงนั้น

ถัดมาคือถุงที่ใช้เพาะปลูก จะใช้แบบเดียวกับการปลูกเมล่อนทั่วไป จากนั้นนำวัสดุปลูกที่เตรียมไว้มากรอกใส่ถุงเพาะ โดยจะเน้นเลือกวัสดุปลูกที่ปรับสภาพ pH ได้ดี เพราะเพียงต้องการเพื่อให้รากเกาะติด แล้วให้สารอาหารทางน้ำ คือปุ๋ย AB ดังนั้น จึงไม่ต้องยุ่งยากในเรื่องของการเตรียมดิน

ไซซ์กำลังดี สีแดงสด เป็นที่ต้องการของตลาด

การเพาะเมล็ด ก่อนย้ายลงถาดเพาะจะต้องนำเมล็ดไปแช่น้ำทิ้งไว้ 1 คืน จากนั้นนำไปบ่มไว้ในผ้า หรือบ่มในกระดาษทิชชู จนรากงอกได้ความยาวประมาณ 1 เซนติเมตร จึงค่อยย้ายเมล็ดลงไปเพาะในถาดหลุม

โดยใช้เวลาในการเพาะเมล็ดประมาณ 12-14 วัน หรือให้ดูที่ใบจริงเป็นหลัก เพราะหากเป็นช่วงที่สภาพอากาศเย็นมากๆ การเจริญเติบโตจะช้า การเพาะเมล็ดก็ต้องใช้เวลาเพิ่มขึ้นอีก 2-3 วัน เพื่อให้มีใบจริง 2 ใบ ขึ้นมาอย่างสมบูรณ์ จึงค่อยย้ายปลูกลงถุงเพาะ เพื่อให้การเจริญเติบโตของพืชเป็นไปอย่างสมบูรณ์ ลำต้นแข็งแรง โตเร็ว

ราคากล่องละ 100 บาท

การดูแลรดน้ำ-ใส่ปุ๋ย จนถึงวันเก็บเกี่ยวผลผลิต

ในวันแรกของการย้ายต้นกล้าลงถุงเพาะจะให้น้ำเปล่าก่อน เพื่อให้พืชได้ปรับตัว แล้วหลังจากนั้นจะเริ่มให้ปุ๋ย AB วันละ 2 รอบ คือช่วงเช้ากับบ่าย ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนถึงวันเก็บเกี่ยวผลผลิต แต่จะแตกต่างกันที่ปริมาณน้ำกับปุ๋ยที่ปล่อยลงไป คือเมื่อพืชมีอายุมากขึ้น ปริมาณการให้น้ำและปุ๋ยก็ต้องเพิ่มขึ้นตามความเจริญเติบโต อาจแบ่งได้เป็น 3 ระยะ คือในระยะแรกรดน้ำใส่ปุ๋ยครั้งละ 1 นาที ระยะที่สอง เพิ่มเวลาการรดน้ำใส่ปุ๋ยขึ้นเป็นครั้งละ 2 นาที และในระยะที่สาม พืชเริ่มมีการเจริญเติบโตอย่างเต็มที่จะมีความต้องการสารอาหารที่มากหน่อย ก็ให้เพิ่มระยะเวลาในการรดน้ำใส่ปุ๋ยเพิ่มขึ้นเป็นครั้งละ 3 นาที ไม่ควรให้มากไปกว่านี้ รวมถึงการดูปัจจัยอย่างอื่นประกอบด้วย เช่น สภาพอากาศ และปริมาณการให้น้ำ เป็นต้น

“คือช่วงไหนที่มีแดดจัดเราสามารถให้น้ำได้ตามปริมาณปกติ แต่ถ้าวันไหนแดดร่มไม่ควรให้น้ำ หรือถ้าปลูกในช่วงปลายฝนต้นหนาว ฝนตกติดต่อกัน 2-3 วัน ถ้าเรายังคงให้ปริมาณน้ำเท่าเดิม จะส่งผลให้มะเขือเทศก้นช้ำ ก้นเน่า วิธีแก้ก็คือการลดปริมาณการให้น้ำลง เพื่อไม่ให้ผลผลิตเสียหายไปมากกว่านี้ และยิ่งถ้ามีการแก้ปัญหาช้าก็จะส่งผลทำให้ข้อถัดๆ ไปก้นช้ำตามไปด้วย เพราะฉะนั้นเราต้องคอยสังเกตสภาพอากาศอยู่ตลอด ขยันเดินตรวจแปลงทุกวัน ตรงนี้เรียกว่าประสบการณ์จะช่วยสอนเราเอง”

มะเขือเทศ fortesa ทดลองปลูกเพิ่มในโรงเรือน

ปริมาณผลผลิต ขึ้นอยู่กับฤดูกาลที่เพาะปลูก เพราะด้วยความที่เป็นพืชต่างแดน ส่งผลให้การปลูกมะเขือเทศโซลาริโน่ในประเทศไทยจะค่อนข้างอ่อนไหวกับอากาศนิดหน่อย ถ้าหากปลูกหน้าร้อน มะเขือเทศจะไม่ค่อยติดลูก แต่ถ้าปลูกในช่วงหน้าหนาว อากาศเย็นจะเหมาะมาก มะเขือเทศจะติดลูกง่าย ทำให้ปริมาณของผลผลิตที่ได้จะแตกต่างกัน

“ตอนนี้ที่สวนปลูกมะเขือเทศทั้งหมดประมาณ 100 กว่าต้น เก็บผลผลิตได้อาทิตย์ละประมาณ 10 กิโลกรัม เน้นทำลูกให้ได้ไซซ์กลางๆ ถือเป็นไซซ์กำลังกิน รสชาติเข้มข้นกำลังดี เป็นที่ต้องการของตลาดมากกว่าลูกใหญ่ ปลูกครั้งเดียวเก็บผลผลิตได้นาน 2 เดือน ขายราคากล่องละ 100 บาท บรรจุมะเขือเทศประมาณ 3 ขีด มีการจัดเรียงอย่างสวยงาม น่ากิน สร้างรายได้เสริมไม่น้อย”

เมล่อน พืชสร้างรายได้หลักของ มิสเมล่อน Miss Melon Farm

แนะนำมือใหม่หัดปลูก ควรหาตลาดรองรับก่อน

“ด้วยราคาของมะเขือเทศสายพันธุ์มีราคาค่อนข้างสูง ก็จะเป็นผลดีกับผู้ที่มีตลาดรองรับแล้ว ลูกค้าสามารถซื้อได้โดยไม่เกี่ยงราคา เพราะของที่ฟาร์มก็มีจุดเริ่มต้นมาจากลูกค้าที่ซื้อเมล่อนเป็นประจำ พอเห็นเราปลูกแล้วเขาก็ทดลองสั่งไปกิน พอกินแล้วถูกปากเขาก็กลับมาเป็นลูกค้าประจำ ถึงได้เริ่มขยายพื้นที่ปลูก จึงอยากแนะนำสำหรับมือใหม่ให้เริ่มทำจากเล็กๆ หรือปลูกเป็นพืชเสริม ให้มีรายได้มาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน หากใครที่คิดจะปลูกเป็นอาชีพหลักคงต้องศึกษาด้านการตลาดให้มากๆ รวมถึงการกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่แน่ชัดก่อนลงทุน” คุณเก็ต กล่าวทิ้งท้าย

สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เบอร์โทร. 086-359-6144 หรือติดต่อได้ที่เพจเฟซบุ๊ก : มิสเมล่อน Miss Melon Farm