“ไร่ชมเดือน” ปลูกข้าวโพดหวานกินดิบ รสชาติดี มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

“ข้าวโพดหวานกินดิบที่ “ไร่ชมเดือน” นั้น จะมีทั้งหมด 2 สายพันธุ์ คือ สายพันธุ์ราชินีทับทิมสยาม ฝีมือการวิจัยของคนไทย และสายพันธุ์นมสดฮอกไกโด นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น มีวิธีการปลูกที่เหมือนกับข้าวโพดหวานทั่วไป นับเวลาปลูกตั้งแต่หยอดเมล็ดพันธุ์ถึงหักกินดิบ 58-63 วัน หรือนับหลังออกไหม 18-21 วัน”

คุณตาเจริญพร ตราชัย และ คุณยายวัชรากรณ์ ธเนศวรมีชัย แห่งไร่ชมเดือน

คุณเจริญพร ตราชัย และ คุณวัชรากรณ์ ธเนศวรมีชัย สองตายาย เจ้าของสวน “ไร่ชมเดือน” ในพื้นที่หมู่ที่ 4 บ้านหนองเนิน ตำบลหัวถนน อำเภอท่าตะโก จังหวัดนครสวรรค์ ที่ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ด้วยการผันตัวเป็นเกษตรกร ใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างมีความสุขในพื้นที่ต่างจังหวัด ด้วยการปลูกพืชหลากหลายชนิด ทำเกษตรแบบผสมผสาน จนกลายเป็นแลนด์มาร์กที่สำคัญอีกหนึ่งที่ของจังหวัดนครสวรรค์

ผลผลิตภายในสวน

คุณวัชรากรณ์ เล่าว่า จุดเริ่มต้นของ “ไร่ชมเดือน” เกิดขึ้นจากความตั้งใจของคุณตาและคุณยาย ที่อยากจะทำไร่เกษตรแบบผสมผสานในพื้นที่ต่างจังหวัด รวมถึงครั้งที่คุณตาอยู่ต่างประเทศ คุณยายอยู่ประเทศไทย มีหนึ่งสิ่งที่ทั้งคุณตา คุณยาย สามารถมองเห็นด้วยกันได้ คือ “พระจันทร์” อีกทั้งปีที่คุณตาและคุณยายเริ่มรู้จักกันยังเป็นปีที่พระจันทร์ยิ้มและดวงใหญ่ จึงเป็นที่มาของชื่อ “ไร่ชมเดือน”

สายพันธุ์ราชินีทับทิมสยาม

“ไร่ชมเดือน ส่วนมากคนที่ได้ยินชื่อ มักจะเข้าใจว่าคุณตา คุณยาย จะทำรีสอร์ต เพื่อให้มานอนชมเดือน โดยปกติไร่ชมเดือน คุณตา คุณยาย ทำไว้เพื่อชมกันสองคน เพราะว่าที่นี่เป็นบ้านนอก อากาศสดชื่น สดใส ไม่มีต้นไม้บัง แล้วทีนี้คุณตาอยู่ต่างประเทศ คุณยายอยู่ประเทศไทย สิ่งเดียวที่เรามองเห็นด้วยกันได้ ก่อนที่จะมาทำไร่นั้นคือ พระจันทร์ เราก็เลยตั้งชื่อว่า “ไร่ชมเดือน” ซึ่งปีที่คุณตา คุณยาย รู้จักกันจะเป็นปีที่พระจันทร์ยิ้ม เป็นปีที่พระจันทร์ดวงใหญ่”

สายพันธุ์นมสดฮอกไกโด

เมื่อสอบถามถึงการปลูกข้าวโพดหวานกินดิบที่ “ไร่ชมเดือน” นั้น จะมีทั้งหมด 2 สายพันธุ์ คือ สายพันธุ์ราชินีทับทิมสยาม ฝีมือการวิจัยของคนไทย และสายพันธุ์นมสดฮอกไกโด นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น มีวิธีการปลูกที่เหมือนกับข้าวโพดหวานทั่วไป นับเวลาปลูกตั้งแต่หยอดเมล็ดพันธุ์ถึงหักกินดิบ 58-63 วัน หรือนับหลังออกไหม 18-21 วัน จะเป็นช่วงที่สามารถกินข้าวโพดหวานดิบได้ ซึ่งจะมีรสชาติอร่อยและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งหลังจากนั้น 7 วัน ไม่ควรที่จะกินดิบ เพราะมีความเข้มข้นของแป้งสูงนั่นเอง ควรจะทำให้สุกก่อนกิน ด้วยวิธีการต้มหรือนึ่ง

ข้าวโพดที่ปลูกในพื้นที่ไร่ชมเดือน

“ตอนแรกก็มองเป็นเมล่อน มะเขือเทศหวาน ปลูกผักหลากหลายชนิด ปลูกมาเรื่อยๆ จนมาเจอข้าวโพดหวานกินดิบค่ะ ในปี 2562 ก็เริ่มรู้จักตัวราชินีทับทิมสยาม เป็นผลงานการวิจัยของคนไทยของ ดร.ทวีศักดิ์ ภู่หลำ ซึ่งในตอนนั้นเป็นของใหม่ เพราะเป็นสีแดง เป็นหนึ่งเดียวในโลกค่ะ ข้าวโพดหวานแดงราชินีทับทิมสยาม หนึ่งเดียวในโลกที่สามารถกินดิบได้ จากนั้นก็ได้เข้าไปร่วมอบรมกับ ดร.ทวีศักดิ์ ก็ได้ลองชิม ลองกิน ก็รู้สึกว่าประทับใจ เพราะเราเคยกินข้าวโพดที่ต้องต้ม ต้องย่าง แต่ตัวนี้สามารถกินดิบได้เลย ก็จะปลูกเหมือนกับข้าวโพดหวานทั่วไป”

การนำเข้าข้าวโพดหวานกินดิบสายพันธุ์นมสดฮอกไกโดนั้น เริ่มขึ้นจากตัวคุณวัชรากรณ์ที่มีความสนใจที่จะปลูกข้าวโพดหวานกินดิบสายพันธุ์นมสดฮอกไกโด จึงติดต่อไปยังบริษัทตัวแทนที่มีการนำเข้าเมล็ดพันธุ์ของประเทศญี่ปุ่น ทางบริษัทตัวแทนของญี่ปุ่นเห็นว่าเกษตรกรในประเทศไทยสนใจ จึงประกาศหาตัวแทนเกษตรกร 11 แห่ง เพื่อมารับเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดหวานกินดิบสายพันธุ์นมสดฮอกไกโดไปทดลองปลูกไร่ละ 200 เมล็ด ปรากฏว่าไร่ชมเดือนเป็นที่เดียวที่สามารถปลูกข้าวโพดหวานกินดิบสายพันธุ์นมสดฮอกไกโดได้ประสบความสำเร็จ เพียงใช้ระยะเวลาการปลูก 58-60 วัน จากเดิมที่ปลูกในประเทศญี่ปุ่นใช้เวลาปลูกถึง 94 วัน จึงทำให้ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากสหกรณ์ประเทศญี่ปุ่น เพราะด้วยสภาพอากาศที่แตกต่างกันเป็นอย่างมากระหว่างประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่น

“เริ่มจากคุณยายติดต่อทางตัวแทนที่เขานำเมล็ดพันธุ์ของประเทศญี่ปุ่น ขอซื้อเมล็ดข้าวโพดตัวที่กินดิบ ตัวนมสดฮอกไกโดมาปลูกที่ประเทศไทย ทางญี่ปุ่นก็หวั่นใจว่าเราจะปลูกได้หรือไม่ในประเทศไทย ปลูกบ้านเขาใช้เวลา 94 วัน ไทยกับญี่ปุ่นอากาศคนละเรื่องกันเลย ซึ่งตัวนมสดฮอกไกโดเป็นตัวของสหกรณ์ญี่ปุ่น คุณยายจึงบอกว่าไม่เป็นอะไร ถึงจะปลูกได้หรือไม่ได้ เราก็ขอนำมาทดลองก่อน ทางบริษัทจึงสนใจว่ามีคนในประเทศไทยสนใจข้าวโพดตัวนี้ จึงประกาศหาตัวแทน 11 ไร่ในประเทศไทย โดยให้เมล็ดพันธุ์ฟรี ไร่ละ 200 เมล็ด และบอกว่าหากไร่ไหนปลูกแล้วประสบความสำเร็จ เขาจะส่งบริษัทของสหกรณ์เพี่อมาดูงาน ทั้ง 11 ไร่ ก็มีไร่ชมเดือนเพียงไร่เดียวที่ปลูกประสบความสำเร็จ ซึ่งคุณยายไม่ได้นำไปปลูกลงแปลงเหมือนคนอื่นเขา แต่ใช้วิธีการเพาะต้นอ่อนก่อน จากนั้นก็นำไปปลูกในแปลงของเมล่อนเดิม ซึ่งใช้เวลาปลูกเพียง 58-60 วันค่ะ”

สำหรับโรคที่เกิดขึ้น คุณวัชรากรณ์ เล่าว่า ข้าวโพดหวานกินดิบทั้งสองสายพันธุ์นั้น จะมีโรคเหมือนกับข้าวโพดหวานทั่วไป สามารถเกิดโรคได้ทั้งปี เพราะเกษตรกรสามารถปลูกสลับแปลงได้ เนื่องจากข้าวโพดเป็นพืชที่ปลูกได้ตลอดปี ผู้ปลูกจึงควรหมั่นสังเกตและกำจัดโรคที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาต่างๆ ให้ถูกวิธี

“โรคของข้าวโพดก็จะเป็นโรคเหมือนข้าวโพดหวานทั่วไป ถึงแม้ว่าจะเป็นสายพันธุ์กินดิบค่ะ พวกราน้ำค้าง ใบลาย ส่วนมากจะเกิดจากเมล็ดพันธุ์และช่วงฤดู สภาวะของอากาศ ข้าวโพดสามารถปลูกได้ทั้งปี สลับแปลงปลูกได้ เพราะในแต่ละช่วง เช่น อากาศชื้น ฝนตกฉ่ำมากจนเกินไป ก็จะพบเจอโรค หรือว่าช่วงที่ปลูกอากาศแล้ง ช่วงที่เขาออกดอกผสมเกสรของเขา มันก็จะไปแห้ง”

ด้านผลผลิตของข้าวโพดหวานกินดิบนั้น สามารถหาซื้อเพื่อนำมากินได้ ทั้งร้านข้างทางและห้างสรรพสินค้า เมื่อสอบถามผลตอบรับจากลูกค้า คุณวัชรากรณ์ เล่าว่า ได้รับความนิยมและความสนใจจากลูกค้าทั่วประเทศไทย ที่ต่างเดินทางมาสัมผัสบรรยากาศภายใน “ไร่ชมเดือน” กันอย่างไม่ขาดสาย ทำให้เกิดรายได้ที่น่าพึงพอใจ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด คุณตาและคุณยายทั้งสองท่าน ไม่ได้มองถึงเรื่องเงินทองเป็นหลัก แต่เป็นเรื่องของความสุขในบั้นปลายของชีวิตที่ตั้งเป้าหมายไว้นั่นเอง

สำหรับท่านใดที่สนใจเกี่ยวกับข้าวโพดหวานกินดิบทั้ง 2 สายพันธุ์ สามารถติดต่อ คุณเจริญพร ตราชัย และ คุณวัชรากรณ์ ธเนศวรมีชัย ได้ทางเพจเฟซบุ๊ก “ไร่ ชมเดือน” หรือทางเบอร์โทรศัพท์ 092-553-6600 คุณตาคุณยายยินดีให้คำปรึกษาทุกท่านที่สนใจค่ะ