ลิ้นจี่แม่กลอง ในรีสอร์ต สวนผลไม้

ลิ้นจี่แม่กลอง หลายคนแปลกใจว่า จังหวัดสมุทรสงคราม พื้นที่ราบลุ่มริมแม่น้ำแม่กลอง เชื่อมต่อกับอ่าวไทยฝั่งตะวันออก ปลูกลิ้นจี่จนผลิดอกออกผลได้อย่างไร และลิ้นจี่สมุทรสงครามหรือแม่กลองก็มีชื่อเสียงมาช้านาน แต่มาระยะหลัง ด้วยสภาพสิ่งแวดล้อมในระบบนิเวศธรรมชาติเปลี่ยนแปลงไปมาก ทำให้ลิ้นจี่แม่กลองไม่ค่อยออกผล และมีบางปีไม่ติดผลเลยก็มี หรือบางปีติดผลน้อยมาก จนบางปีหลายคนรอคอยว่าเมื่อไหร่จะได้ลิ้มลอง “ลิ้นจี่แม่กลอง”

คุณสมศักดิ์ สันติชัยกมลกุล กำลังเก็บลิ้นจี่

จากข้อมูลของกรมส่งเสริมการเกษตรและกรมวิชาการเกษตรพบว่า แต่เดิมเมืองสมุทรสงครามหรือแม่กลอง เป็นเมืองริมแม่น้ำแม่กลอง และแควอ้อมขึ้นอยู่กับมณฑลราชบุรีในสมัยรัตนโกสินทร์ มลฑลราชบุรีเป็นที่อาศัยของชาวจีนที่มาทำการค้าขายอยู่ลุ่มน้ำแม่กลองบริเวณที่มีชุมชน ด้วยย่านนี้เป็นชุมชนที่มีการค้าขาย มีชาวจีนจากกรุงเทพฯ ติดต่อค้าขายมาตลอด ชาวจีนจากกรุงเทพฯ นำลิ้นจี่จากประเทศจีนมาฝากญาติ พี่ น้อง ที่ราชบุรีและแม่กลองที่ทำสวนและทำมาค้าขาย

คุณเยาวลักษณ์ สันติชัยกมลกุล เก็บลิ้นจี่ส่งลูกค้า

ต่อมาปี พ.ศ. 2340 มีการพบต้นลิ้นจี่ ที่ตำบลบางสะแก อำเภอบางคนที และตำบลเมืองใหม่ อำเภออัมพวา ลิ้นจี่ที่พบนี้มีอายุถึง 200 ปีและยังยืนต้นให้เห็นอยู่ถึงปัจจุบัน แสดงให้เห็นว่า ลิ้นจี่มีการนำเข้ามาจากเมืองจีน และมีการปลูกลิ้นจี่ที่สมุทรสงครามเป็นเวลานานแล้ว จนลิ้นจี่มีการปรับตัวให้เข้ากับสภาพภูมิอากาศร้อนชื้นแต่ไม่ร้อนจัดเนื่องจากมีลมเย็นพัดนำความชี้นจากทะเลอยู่ตลอดเวลา จนลิ้นจี่สายพันธุ์ที่นำเข้าจากเมืองจีนคงสภาพสายพันธุ์ให้ผลผลิตที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะพื้นที่ จังหวัดสมุทรสงคราม เกิดเป็นสายพันธุ์เฉพาะถิ่นที่เรียกว่า “ค่อมลำเจียก” บางครั้งเรียกกันว่า “ค่อม”

ลิ้นจี่ค่อมลำเจียก แก่จัดพร้อมเก็บ

ลิ้นจี่ ไม้ผลยืนต้นจัดอยู่ในตระกูล Sapindaceae เป็นไม้กึ่งเมืองหนาว เป็นพืชตระกูลใหญ่ มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า “litchi chinensis” มีชื่อสามัญว่า “lichi”

จากการนำเข้าลิ้นจี่ของชาวจีน เมื่อ 200 กว่าปีที่แล้ว และมีการเพาะปลูกจนเป็นผลไม้ประจำถิ่นของสมุทรสงครามและมีการปลูกกันเป็นอาชีพเกษตรกรสวนผลไม้เฉกเช่นเกษตรกรสวนผลไม้อื่นๆ จนลิ้นจี่สมุทรสงครามเป็นที่รู้จักโดยทั่วไป ตลาดให้การยอมรับ จัดเป็นของดีเมืองแม่กลอง

ลิ้นจี่ค่อมลำเจียก ผลดก สมบูรณ์ เพราะใส่ใจบำรุงดูแลต้นอย่างดี

ลิ้นจี่ “ค่อมลำเจียก” สายพันธุ์ที่นิยมปลูกกันที่แม่กลอง มีลักษณะเฉพาะ กล่าวคือ มีผลค่อนข้างกลม มีบ่าสูงกว่าขั้ว เมื่อแก่จัด หนามจะไม่แหลมสูง และราบลงกระจายห่างกันไม่เป็นกระจุก เปลือกจะตึงมีสีแดงเข้มเหมือนสีแดงเลือดนก มีกลิ่นหอม รสหวาน ไม่มีน้ำแฉะ เมื่อเก็บไว้นานผิวจะเป็นสีน้ำตาล แต่เนื้อในยังคงดีมีรสหวานอร่อยเหมือนเดิม นอกจากสายพันธุ์ค่อมลำเจียกแล้วยังมีสายพันธุ์ “สำเภาแก้ว” เป็นสายพันธุ์ที่ชอบอากาศเย็น ที่อุณหภูมิราว 19-20 องศาเซลเซียส และต้องหนาวนานราว 1 เดือนถึงจะติดผลดี ผลจะมีสีส้มอมแดง รสชาติอมเปรี้ยวอมหวานแต่จะติดไปทางเปรี้ยวมากกว่าหวานเล็กน้อย แต่ก็มีคนชอบ สำเภาแก้วจะติดผลยากสักหน่อย เพราะปัจจุบันระบบนิเวศของจังหวัดสมุทรสงคราม และระบบนิเวศของประเทศไทยที่เปลี่ยนไปมาก ทำให้ลิ้นจี่ค่อมลำเจียกและสำเภาเแก้วมีปัญหาการติดผล บางปีติดน้อยมาก บางปีไม่ติดเลย เพราะสภาพอากาศ ชาวสวนบางส่วนโค่นต้นทิ้ง หันไปปลูกผลไม้อื่น ที่เหลืออยู่ปัจจุบันส่วนมากเป็นสายพันธุ์ค่อมลำเจียก ปัจจุบันมีพื้นที่ปลูกประมาณ 5,000 ไร่เศษ ปีนี้ 2566 อากาศหนาวเย็นราว 19-20 องศาเซลเซียส และหนาวนานทำให้ลิ้นจี่ออกผลมาก ชาวสวนมีรายได้ดีพอสมควร

คุณสมศักดิ์ และ คุณเยาวลักษณ์ สันติชัยกมลกุล สองพี่น้อง ร่วมกันทำสวนผลไม้แบบผสมผสาน เน้นส้มโอขาวใหญ่ และส้มชนิดต่างๆ อีกมาก รวมทั้งมะม่วง มะยงชิด มะพร้าวน้ำหอม และลิ้นจี่ เฉพาะลิ้นจี่และยังมีรีสอร์ตเล็กๆ จำนวน 5 ห้องเนื่องจากนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวชมสวนและซี้อหาผลไม้ ชอบบรรยากาศเลยยุให้เปิดเป็นรีสอร์ตเล็กๆ ชื่อว่า “ลุงต๋อยรีสอร์ต” แต่งานหลักอยู่ที่สวนผลไม้ที่ใส่ใจดูแลอยู่ตลอดเวลา

ลิ้นจี่ค่อมลำเจียก แก่จัด สุกได้ที่ พร้อมรับประทาน

ส่วนลิ้นจี่นั้น มี 35 ต้น เป็นลิ้นจี่ที่ติดมากับสวนเมื่อครั้งที่มาซื้อสวนที่นี่มีอายุกว่า 40 ปี คุณสมศักดิ์และคุณเยาวลักษณ์เก็บไว้ไม่ได้โค่นทิ้ง เมื่อตอนจัดสวน ลงปลูกส้มต่างๆ และผลไม้อื่น ขณะเดียวกัน ลิ้นจี่ยังอยู่ และคุณเยาวลักษณ์ได้ดูแล ตัดแต่งกิ่ง บำรุงต้นด้วยการถอนหญ้าโคนต้น ใส่ปุ๋ยมูลสัตว์รอบๆ พุ่ม แล้วนำดินโคลนก้นท้องร่องขึ้นมาโปะโคนต้นอีกที ทำให้ลิ้นจี่ค่อมลำเจียกของคุณสมศักดิ์และคุณเยาวลักษณ์ เจริญงอกงามขึ้นกว่าเดิม เมื่อถึงฤดูกาล อากาศเป็นใจก็ผลิดอกออกผลเรื่อยมา ติดบ้างไม่ติดบ้าง ก็ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศของแต่ละปี และด้วยความที่เป็นสวนผลไม้ผสมผสานโดยธรรมชาติพืชพันธุ์ต่างๆ จะแข่งกันเติบโต จนที่สวนของคุณสมศักดิ์และคุณเยาวลักษณ์มีผลไม้ต่างๆ ออกตามฤดูกาลตลอดปี

ลิ้นจี่ค่อมลำเจียก สวนลุงต๋อย สมุทรสงคราม ปีนี้ออกผลดี

การทำสวนผลไม้ที่นี่เป็นการทำสวนเกษตรปลอดภัย บำรุงดินด้วยปุ๋ยคอก ปุ๋ยชีวภาพ ปุ๋ยธรรมชาติจากดินก้นท้องร่อง ทำให้ลำต้นสมบูรณ์แข็งแรง มีเคมีเสริมบ้างเล็กน้อยปีละ 2 ครั้ง ครั้งละ 1 ลิตร โดยโรยรอบโคนพุ่ม ตัดหญ้า และให้น้ำในปริมาณที่เหมาะสม ทำให้สวนผลไม้ที่นี่แข็งแรง ศัตรูพืชมีบ้างแต่ทำอะไรไม่ได้เพราะต้นแข็งแรงสมบูรณ์ ผลผลิตออกมาจึงสมบูรณ์ไปด้วย ให้รสชาติดี รวมทั้งลิ้นจี่ด้วย

ปีนี้ (2566) ลิ้นจี่ติดผลดี คุณเยาวลักษณ์ กล่าวว่า เพราะที่สวนดูแลดี ไม่เคยคิดว่าจะโค่นทิ้ง เนื่องจากสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงให้ผลไม่สม่ำเสมอ แต่ไม่ว่าอากาศจะเป็นเช่นไร คุณเยาวลักษณ์ใส่ใจดูแลตลอดเวลาจนต้นสมบูรณ์ เมื่อถึงฤดูกาลอากาศเป็นใจอย่างปีนี้ ลิ้นจี่ที่ “สวนลุงต๋อย” ติดผลดีมาก การดูแลรักษาก็เพียงแต่ฉีดฮอร์โมนให้ติดผลและแข็งแรง และฉีดยาฆ่าหนอนเจาะขั้ว เมื่อติดผลขนาดผลพริกไทยตามสัดส่วนที่ระบุ 20 ซีซีต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีด 2 ครั้งเท่านั้น จนผลที่ติดแข็งแรงดี คุณเยาวลักษณ์นำผลลิ้นจี่ไปตรวจสอบปรากฏว่าไม่มีสารเคมีตกค้าง ลิ้นจี่ค่อมลำเจียกของที่นี่ปลอดภัย มีความหวานอยู่ที่ 18-19 บริกซ์ เราเยี่ยมชมสวนผลไม้แห่งนี้และชมการบำรุง ดูแลรักษาสวน เพื่อให้ผลไม้ที่ปลูกในสวนแห่งนี้ติดดอกออกผลได้ตามต้องการ ยืนยันว่า สวนผลไม้ผสมผสานของสวน “ลุงต๋อยรีสอร์ต” เป็นสวนผลไม้ที่ใช้ระบบเกษตรปลอดภัย รวมทั้งลิ้นจี่ที่มีผู้สั่งจองจนเก็บแทบไม่ทัน อีกไม่นานสวนแห่งนี้ก็จะมีส้มโอขาวใหญ่ จะออกในราวเดือนมิถุนายนนี้ คงต้องรออีกหน่อย

ลูกค้ามาเยี่ยมชมสวน และซื้อหาลิ้นจี่ที่สวน

นอกจากสวนผลไม้ผสมผสานแล้ว สวนที่นี่ยังมีผลไม้แปรรูป เช่น กะลิงปิงแช่อิ่ม น้ำมะม่วงหาวมะนาวโห่ โดยปลูกต้นแซมกับผลไม้อื่นๆ จากนั้นเก็บผลมาแช่อิ่ม ทำแยม ทำน้ำผลไม้ สร้างรายได้เสริมให้อีก ถ้ามีโอกาสจะมาเที่ยวชมการแปรรูปผลไม้ของสวนแห่งนี้อีก คราวนี้มาชิมลิ้นจี่ค่อมลำเจียก จึงได้รู้ว่า ลิ้นจี่แม่กลองมีที่มาและการบำรุงรักษากันอย่างไร สนใจติดต่อสวนลุงต๋อย โทร. 089-069-3145

ขอขอบคุณ สำนักงานเกษตรจังหวัดสมุทรสงคราม

………..

เผยแพร่ในระบบออนไลน์เป็นครั้งแรก เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 15 มิถุนายน 2566