เปิดสวนครูตรัง ปลูกกระท้อนคุณภาพรับวัยเกษียณแค่ 23 ต้น ยิ้มร่าโกยรายได้หลักแสน

ของดีมีคุณภาพ! สองสามีภรรยา ข้าราชการครูบำนาญ ปลูกกระท้อนอินทรีย์ ไร้สารเคมี เพียงแค่ 23 ต้น โดยใช้เนื้อที่หลังบ้าน 3 ไร่ เพื่อเป็นอาชีพรองรับหลังเกษียณ ผลผลิตกลับงดงามด้วยความตั้งใจ ลูกโต หวาน ปุยฝ้ายเยอะ โกยรายได้หลักแสนบาทต่อปี เผยจะทำการห่อผลทุกลูก และคัดคุณภาพ ก่อนส่งจำหน่าย โดยส่งขายทั่วประเทศกิโลกรัมละ 40-70 บาท

เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สวนกระท้อนสุวรรณศิลป์ ตั้งอยู่เลขที่ 29 หมู่ 2 ต.ลิพัง อ.ปะเหลียน จ.ตรัง ซึ่งเป็นสวนของ นายไพรัตน์ สุวรรณศิลป์ อายุ 64 ปี นางมยุรา สุวรรณศิลป์ อายุ 61 ปี สองสามีภรรยา ซึ่งเป็นข้าราชการครูบำนาญ โดยได้ริเริ่มทำสวนผสมผสาน ในที่ดินเนื้อที่แค่เพียง 3 ไร่ เมื่อช่วงระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา เพื่อรองรับไว้เป็นอาชีพในชีวิตหลังเกษียณอายุราชการ

โดยปลูกกระท้อนพันธุ์ดี จำนวน 23 ต้น แบ่งเป็น 4 ชนิด คือ 1.พันธุ์เขียวหวาน ผิวเป็นสีเขียว ผลไม่โตมาก แต่เนื้อข้างในมีความอร่อย ปุยน้อย รสชาติหวานมาก ไม่มีรสเปรี้ยว 2.พันธุ์อีล่า มีผลขนาดปานกลาง ผิวสีเหลือง มีเส้นติดผิว ปุยนุ่มมาก รสชาติหวาน ส่วนเมล็ดหวานอมเปรี้ยวนิดๆ แต่เนื้อนุ่มมาก 3.พันธุ์ทองอุไร ผิวสีเหลืองอร่าม ปุยน้อย รสชาติหวานเย็น ละมุนลิ้น และ 4.พันธุ์ปุยฝ้าย ผิวเหลืองอร่าม ปุยฝ้ายเยอะมาก นุ่ม รสชาติหวาน

ภายในสวนยังปลูกผลไม้หลายชนิดอีกด้วย เช่น ทับทิมจันทร์ ลองกอง ขนุน สละ และ จำปาดะ แต่กระท้อนเป็นพืชหลักที่สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ ซึ่งต้นกระท้อนภายในสวน มีอายุกว่า 10 ปี ลำต้นมีความสูงประมาณ 10-13 เมตร

โดยเจ้าของสวนทำการห่อกระท้อนทุกลูก เพื่อกันแมลง ไม่ให้กัดกินผลผลิต ด้วยวิธีภูมิปัญญาชาวบ้าน เป็นเครื่องมือที่ออกแบบเอง โดยการใช้ถุงพลาสติกห่อ เพื่อจะได้มองเห็นสีของผลกระท้อน เมื่อผลออกมาเป็นสีเหลืองแล้วนั้นแสดงว่า ผลกระท้อนสุกแล้ว สามารถสอยลงมาได้

ซึ่งการสอย ใช้วิธีการสอยทีละช่อ หากสอยแล้ว ผลร่วงหล่นลงพื้น จะทิ้งทันที ในปีนี้ใช้ถุงพลาสติกห่อผลจำนวน 1 หมื่นลูก เมื่อห่อไปแล้วระยะหนึ่ง ผลจะโตขึ้นน้ำหนักจะเพิ่มมาก ตกอยู่ที่ลูกประมาณลูกละ 400- 700 กรัม จึงต้องมีความจำเป็นนำไม้ไผ่มาค้ำยันไว้ เพื่อไม่ให้กิ่งหักโค่นลงมาได้

เมื่อกระท้อนเริ่มสุก ผิวต้องมีสีเหลือง หากผลอยู่ที่สูง ต้องใช้บันไดขึ้นไปดู ให้แน่ใจว่าผลสุกแล้ว จึงสอยลงมา หากผลเกิดร่วงลงพื้น ก็จะทิ้งไปเลย จะไม่นำมากินหรือจำหน่ายให้กับลูกค้าเด็ดขาด ฉะนั้นกระท้อนที่จำหน่ายออกไป จึงผ่านการคัดกรองอย่างดี ไม่มีตำหนิ คุณภาพต้องดีที่สุด จึงบรรจุลงกล่องส่งไปจำหน่ายตามคำสั่งซื้อ เมื่อสินค้าส่งถึงมือผู้รับแล้ว หากเกิดความเสียหาย ไม่ตรงตามที่สั่ง หรือไม่สามารถทานได้ สามารถแจ้งกลับมาได้ ทางสวนพร้อมจัดส่งให้ใหม่ทันที สร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ซื้อว่า กระท้อนที่ส่งขายมีคุณภาพจริงๆทุกลูก 

นายไพรัตน์ สุวรรณศิลป์  กล่าวว่า ผมวางแผนทำสวนกระท้อน ตั้งแต่ก่อนจะเกษียณอายุราชการ โดยใช้พื้นที่หลังบ้าน ใช้เวลาว่างหลังทำงานเข้ามาดูแลสวน ใช้ปุ๋ยคอก มูลวัว มูลไก่ และปุ๋ยหมักรดเพื่อเพิ่มจุลินทรีย์ย่อยสลาย ส่วนน้ำหมักก็ทำง่ายๆ ใช้อีเอ็มกับกากน้ำตาล โดยไม่ใช้สารเคมี สำหรับการให้น้ำ จะเริ่มให้เมื่อกระท้อนเริ่มผลิดอก เมื่อกระท้อนออกผล ขนาดเท่ากับลูกมะนาว ก็เริ่มห่อผลกระท้อนด้วยถุงพลาสติก หลังห่อผล 3 เดือน กระท้อนเริ่มสุก ก็เก็บขายได้ เนื่องจากผมและภรรยาเกษียณอายุราชการแล้ว จึงสามารถดูแลสวนได้อย่างเต็มที่ โดยขายผลผลิตตั้งแต่ 4 ปีที่ผ่านมา

โดยปีแรกที่ลงมือทำอย่างจริงจัง สามารถห่อผลได้ 3,000 ลูก รอบ สร้างรายได้ประมาณ 70,000 บาท ถือว่าทำรายได้มากกว่าตอนรับราชการเสียอีก ปีที่ 2 ผลผลิตเพิ่มเป็น 4,000 ลูก รายได้ทะลุหลักแสน ช่วงปีที่ 3 ห่อผลเพิ่มขึ้นเป็น 6,000 ลูก น้ำหนักเกือบ 2 ตัน รายได้เพิ่มเป็น 2 แสนบาท ในปีนี้ห่อผลได้ประมาณ 10,000 ลูก หักจากลูกร่วงไปแล้ว น่าจะมีรายได้ประมาณ 1.5 แสนบาท น้ำหนักรวมแล้วอยู่ที่ 2 ตันกว่า

ด้านภรรยาคือ นางมยุรา สุวรรณศิลป์ กล่าวว่า ครอบครัวเราวางแผนการผลิตด้วยกันเพื่อขายผลผลิตให้ได้ราคาสูงกว่าท้องตลาด เพราะกระท้อนของเรา คัดคุณภาพจริงๆ ทำให้เป็นที่ยอมรับของลูกค้าทั่วประเทศ สินค้าที่ขายมีตั้งแต่ไซส์ M – XXL ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ กิโลกรัมละ 40 บาท ไซส์ XXL ราคากิโลละ 70 บาท กระท้อนของเรามีคุณภาพจริงๆ จึงไม่ห่วงเรื่องตลาดผู้สนใจสามารถเยี่ยมชม สวนกระท้อนสุวรรณศิลป์ ได้ที่บ้านเลขที่ 29 หมู่ 2 ต.ลิพัง อ.ปะเหลียน จ.ตรัง หรือจะติดต่อสอบถามทาง Facebook : Mayura Pirat Suwanasin หรือเพจ สวนกระท้อนสุวรรณศิลป์ หรือหมายเลขโทรศัพท์ 089-592-5416 .