ผู้เขียน | สุรเดช สดคมขำ |
---|---|
เผยแพร่ |
ประเทศไทยขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งที่มีประเพณีที่งดงาม ในหลายภูมิภาคมีเรื่องของความเชื่อและวัฒนธรรมที่แตกต่างกันไป พร้อมทั้งการกราบไหว้บูชาสิ่งศักดิ์และปูชนียสถานเป็นสิ่งที่อยู่คู่สังคมมาอย่างช้านาน ซึ่งดอกไม้ถือเป็นสิ่งที่ขาดเสียมิได้สำหรับการบูชา จึงทำให้ในทุกพื้นที่ในหลายจังหวัดมีการปลูกไม้ตัดดอกกันอย่างกว้างขว้าง เพื่อให้มีเพียงพอต่อความต้องการของตลาดที่มีอย่างต่อเนื่อง
ดอกบัว เป็นอีกหนึ่งดอกไม้ที่ได้รับความนิยมในการนำมาประกอบพิธีต่างๆ โดยเฉพาะบัวฉัตร เพราะด้วยรูปทรงและดอกที่ตูมสวยกำลังดีไม่ใหญ่เกินไป ทำให้สามารถนำมาพับหรือจัดเป็นช่อกำได้สวย จึงทำให้บัวฉัตรเป็นอีกหนึ่งผลผลิตทางการเกษตรที่น่าสนใจ ส่งผลให้เกษตรกรในหลายพื้นที่มีการปลูกเป็นอาชีพ เพื่อส่งขายให้ทันกับความต้องการของตลาด อย่างเช่น คุณโยธิน ลาภมูล หรือที่ทุกคนรู้จักกัน เขาในชื่อ คุณโย เจ้าของสวนกรรณนิกานาบัว
จากวิศวกรหนุ่ม
มุ่งสู่ชีวิตเกษตรกร
คุณโย เล่าว่า ช่วงที่โควิด-19 ระบาดใหม่ๆ ทำให้เกิดความคิดที่อยากจะกลับมาอยู่บ้านเกิดเมืองนอน เพื่อดูแลคุณพ่อคุณแม่อย่างใกล้ชิด ด้วยอาชีพของครอบครัวแต่เดิมทำสวนดอกไม้สำหรับกำไว้บูชาไหว้พระ ทำให้เขาเกิดความสนใจที่อยากจะมีไม้ตัดดอกให้ครบวงจรมากขึ้น จึงได้มาปรับเปลี่ยนพื้นที่นาที่มีอยู่จำนวน 5 ไร่ ปลูกบัวฉัตรเพิ่มเพื่อตัดดอกขายให้กับตลาดในเวลาต่อมา
“พื้นที่นาที่มาปรับทำเป็นนาบัว โดยปกติแล้วจะทำได้เพียงปีละ 2 ครั้ง ผลผลิตก็ไม่ได้มากอะไร จึงทำให้รู้สึกว่าน่าจะปรับเปลี่ยนมาทำนาบัวดีกว่า ได้ไปศึกษาการปลูกจากเพื่อนที่เขาปลูกอยู่ก่อนแล้ว เพราะเห็นเขาตัดขายได้ถึงดอกละ 1 บาท พอเรามาคิดดูแล้ว มันน่าจะสร้างเป็นอาชีพเสริมได้ ทำให้เรารู้สึกว่าน่าจะเกิดรายได้ที่ดีกว่าการทำนา จึงได้มาปรับเปลี่ยนพื้นที่นาทั้งหมดมาทำนาบัวทั้งหมดเลย” คุณโย บอก
การปรับเปลี่ยนจากพื้นที่นามาปลูกบัว ไม่จำเป็นต้องขุดบ่อเพื่อปลูก เพียงแต่บริเวณที่อยู่รอบคันนาจะขุดให้มีความลึกลงไปประมาณ 2 เมตร แล้วนำดินที่ได้มาถมให้ทั่วบริเวณคันนาให้สูงขึ้น เพื่อให้ในพื้นที่ปลูกมีปริมาณน้ำที่เพียงพอต่อการปลูกบัว
ลงพันธุ์ปลูก 1 ครั้ง
เก็บดอกขายได้ถึง 3 ปี
เมื่อเตรียมพื้นที่ปลูกเหมาะสมดีแล้ว คุณโย บอกว่า ระดับน้ำใช้ปลูกต้องมีความสูงอยู่ที่ 80 เซนติเมตร จากนั้นนำต้นพันธุ์ดีของบัวฉัตรที่แตกออกจากกอใหม่ได้อายุประมาณ 7 วัน ซึ่งพันธุ์บัวในอายุนี้ ต้นจะมีลักษณะใบและไหลใหญ่กำลังดี ซึ่งต้นพันธุ์ที่ดีไม่ควรมีลักษณะใบที่เล็กเกินไป เพราะเวลาที่นำมาปลูกจะทำให้การเจริญเติบโตไม่ดีและต้นตาย โดยระยะห่างระหว่างแถวที่ปลูกอยู่ที่ 4×4 เมตร ในพื้นที่ 5 ไร่ ใช้พันธุ์บัวปลูกอยู่ประมาณ 300 ไหล
หลังจากปลูกบัวต้นใหม่ลงไปในช่วงแรกให้ระมัดระวังหอยเชอรี่ที่เข้ามากัดทำลาย รองลงมาเป็นเพลี้ยกับหนอนที่ชอบมากัดกินใบอ่อน ทำการป้องกันด้วยการฉีดพ่นยาอยู่เป็นระยะ เพื่อเป็นการกำจัดในเบื้องต้นให้ทันท่วงที ดูแลเช่นนี้ต่อมาเรื่อยๆ จนบัวที่ปลูกมีอายุได้ 3 เดือน ต้นจะโตเต็มที่จนออกดอกในชุดแรกออกมาให้เห็น จากนั้นสามารถตัดดอกขายได้ตลอดจนครบ 3 ปี
“หลังจากที่ลงปลูกบัวได้อายุ 1 เดือน ช่วงนี้จะมีการใส่ปุ๋ยเร่งแตกกอ เป็นปุ๋ยสูตร 14-4-4 หรือ 20-4-4 ก็ได้ ใส่อัตราส่วน 5-10 กิโลกรัมต่อไร่ ใส่ช่วงนี้ช่วงเดียว จากนั้นจะไปใส่อีกทีหลังจากที่บัวออกดอกแล้ว หลังจากบัวได้อายุครบ 3 เดือน บัวมีดอกออกมาให้ตัดดอกเรื่อยๆ จะใส่ปุ๋ยเดือนละ 1 ครั้ง เพื่อบำรุงต้นอย่างสม่ำเสมอ ใส่อัตราส่วน 5-10 กิโลกรัมต่อไร่เหมือนเดิม และที่ต้องระวังในช่วงนี้ด้วยคือเรื่องของระดับน้ำ ต้องให้อยู่ในระดับที่พอดีอยู่เสมอ ถ้าหากไม่ดูให้ดี ทำให้บัวชะงักการเจริญเติบโตได้” คุณโย บอก
ในเรื่องของแมลงศัตรูพืชที่เข้ามาทำลายดอกและใบบัวอยู่เป็นประจำนั้น คุณโย เล่าว่า ต้องระวังเพลี้ยและหนอนให้ดี โดยเขาจะหมั่นตรวจเช็กอยู่เสมอ พร้อมกับใช้สารชีวภัณฑ์ทำการฉีดพ่นอาทิตย์ละ 1 ครั้ง เพื่อป้องกันเป็นระยะ เขาให้เหตุผลว่าที่ไม่ใช้สารเคมีในการฉีดพ่น เพราะต้องทำงานอยู่ในนาบัวทุกวัน การฉีดพ่นด้วยสารชีวภัณฑ์จึงทำให้รู้สึกปลอดภัย และช่วยให้ดอกบัวที่ปลูกได้ไม่ถูกแมลงกัดกินจนเกิดความเสียหายได้เช่นกัน และดอกยังมีความสวยและได้ราคาที่ดีตามไปด้วย
ส่งขายทั่วพื้นที่ในภาคอีสาน
สำหรับการทำตลาดเพื่อส่งขายดอกบัวที่ปลูก คุณโย บอกว่า เนื่องจากครอบครัวเน้นทำสวนดอกไม้เพื่อกำขายในวันพระอยู่แล้ว เมื่อมาปลูกดอกบัวการทำตลาดก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องยาก เพราะมีลูกค้าในหลายจังหวัดในภาคอีสานเข้ามาติดต่อซื้ออยู่อาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง โดยหลักการเน้นตัดดอกบัวก่อนวันพระ 1 วัน จากนั้นนับต่อไปอีก 2 วันจึงจะตัดอีกครั้งหนึ่ง หรือถ้าช่วงไหนมีลูกค้าเข้ามาติดต่อขอซื้อเยอะจะตัดทุกวันจันทร์ พุธ และศุกร์
การตัดดอกบัวขายในแต่ละครั้งต้องดูดอกที่มีสมบูรณ์ และที่สำคัญเน้นตัดตามที่มียอดสั่งซื้อ จึงทำให้ใน 1 อาทิตย์สามารถรู้จำนวนลูกค้าที่ส่งขายแน่นอน ซึ่งการเลือกตัดดอกต้องดูดอกที่ตูมกำลังดีไม่เล็กและไม่ใหญ่จนจะบานในวันถัดไป ตัดให้ก้านยาวอยู่ที่ 50-60 เซนติเมตร จากนั้นนำดอกบัวที่ตัดมาจัดเป็นช่อให้ได้กำละ 25 ดอก เพื่อให้ง่ายต่อการนับและขนส่ง
“ราคาดอกบัวมีขึ้นมีลงได้ตามกลไกตลาด โดยราคาช่วงที่ต้องการมากๆ สามารถขายได้ที่ดอกละ 1 บาท และถ้ามีสินค้าเยอะ ราคาลงมาบ้างอยู่ที่ดอกละ 80 สตางค์ การทำนาบัวตัดดอกต้องคัดที่สวย และดอกมีคุณภาพให้กับลูกค้า จะช่วยให้การทำตลาดทำได้ไม่ยาก การทำบัวเราตัดแค่ 2-3 วันต่ออาทิตย์ เวลาว่างจากตรงนี้ สามารถไปทำกิจกรรมอื่นให้เกิดรายได้ เพราะฉะนั้นสำหรับใครที่สนใจอยากทำ ต้องถามตัวเองก่อนว่าชอบสิ่งนี้จริงไหม จากนั้นจึงค่อยไปศึกษาว่าจะปลูกบัวชนิดไหนที่ตลาดต้องการ แล้วมาปรับพื้นที่ว่ามีน้ำเพียงพอไหม ถ้าองค์ประกอบต่างๆ ครบ การปลูกบัวก็ถือว่าเป็นการสร้างรายได้ที่ดีครับ” คุณโย บอก
สำหรับท่านใดที่สนใจในเรื่องของการปลูกบัวฉัตร หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ คุณโยธิน ลาภมูล หรือ คุณโย เจ้าของสวนกรรณนิกานาบัว ตั้งอยู่เลขที่ 31 หมู่ที่ 16 บ้านแก่งโกสุม ตำบลหัวขวาง อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม หมายเลยโทรศัพท์ 083-907-0465
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรก 3 กรกฎาคม 2023