ผู้เขียน | สุรเดช สดคมขำ |
---|---|
เผยแพร่ |
โคเนื้อและกระบือ เป็นอีกหนึ่งสัตว์เศรษฐกิจที่อยู่คู่กับเกษตรกรไทยมาหลายทศวรรษ นอกจากจะเป็นสัตว์เลี้ยงที่เป็นเพื่อนคลายเหงาแล้ว ยังทำรายได้ให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงได้อีกด้วย เพราะลูกพันธุ์ที่ได้สามารถทำเป็นการค้า หากมองว่าเป็นพ่อแม่พันธุ์ดี ช่วยให้เกษตรกรผลิตน้ำเชื้อให้กับลูกค้าท่านอื่นๆ ต่อไป ซึ่งการผสมพันธุ์โคเนื้อและกระบือนอกจากการผสมเทียมแล้ว การผสมจริงยังได้รับความนิยมในบางพื้นที่เช่นกัน
คุณชาญชาย เชาว์ชาญ เป็นอีกหนึ่งเกษตรกรที่สนใจในเรื่องของการเลี้ยงสัตว์เศรษฐกิจ อย่างเช่น โคและกระบือ โดยเขาได้ปรับเปลี่ยนสายงานจากด้านวิศวกรรมมาทำการเกษตร เพื่อเป็นอาชีพทำกินบนที่ดินของครอบครัว จนสามารถเลี้ยงตัวเองได้มาจนถึงปัจจุบัน พร้อมกับดูแลคนในครอบครัวไปพร้อมๆ กัน เวลานี้อาชีพทางการเกษตรจึงเป็นสิ่งที่เขารัก และจะทำส่งต่อไปยังรุ่นสู่รุ่น
กลับบ้านเกิด มาทำเกษตร
พร้อมปรับตัวจนประสบผลสำเร็จ
คุณชาญชาย เล่าว่า หลังจากจบปริญญาตรี สาขาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ได้ทำงานอยู่บริษัทที่ตรงกับสายงานที่เรียนมาประมาณ 2 ปี ช่วงที่ทำงานในสายนี้รู้สึกว่ายังไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของตัวเขามากนัก เพราะมองไม่เห็นเป้าหมายในการใช้ชีวิตอยู่ในเมืองใหญ่ จากนั้นจึงได้กลับบ้านเกิดมาทำการเกษตรในที่ดินของครอบครัวในเวลาต่อมา
“ช่วงกลับมาแรกๆ หาต้นไม้ปลูกก่อน เป็นไม้ที่มองว่าอนาคตจะให้ผลผลิตขายได้ แต่พอทำไปมันผิดแผนที่วางไว้นิดหน่อยครับ เพราะช่วงเริ่มแรกมันแทบจะไม่มีรายได้เข้ามาเลย แต่รายจ่ายเรามีอยู่ตลอดเวลา ทำแบบนี้อยู่นานครับจนกว่าจะจับจุดได้ จากที่ต้องรอต้นไม้ให้ได้ผลผลิตมันใช้เวลานาน เลยปรับเปลี่ยนมาตอนกิ่งพันธุ์ขาย ทำให้มีรายได้เขามาพอสมควร จากนั้นเข้ารับการอบรมได้รับความรู้มากขึ้น พร้อมทั้งมาเลี้ยงสัตว์ด้วย ช่วงแรกขอยืมโคเนื้อกับกระบือจากปู่เลี้ยงก่อน พัฒนาการเลี้ยงมาเรื่อยๆ มีเพิ่มขึ้นถึงตอนนี้” คุณชาญชาย เล่าถึงจุดเริ่มต้นของการทำเกษตร
สัตว์ที่เลี้ยงนอกจากผลิตลูกขาย
ยังนำพ่อพันธุ์ไปรับจ้างผสมพันธุ์
เนื่องจากในพื้นที่ทำการเกษตรหลายอย่าง คุณชาญชาย บอกว่า แบ่งพื้นที่ทำการเกษตรค่อนข้างที่จะชัดเจน ตั้งแต่ในเรื่องของการปลูกพืชไปจนถึงการเลี้ยงสัตว์ทำให้ง่ายต่อการจัดการ โดยเฉพาะการปล่อยโคเนื้อและกระบือออกไปกินหญ้า ช่วยให้ไม่เข้าไปเหยียบย่ำในพื้นที่ปลูกพืชชนิดอื่นจนได้รับความเสียหาย การเกษตรที่ทำอยู่ค่อนข้างตอบโจทย์เพราะเป็นผสมผสานแบบครบวงจร
อาหารที่ใช้เลี้ยงโคเนื้อและกระบือนอกจากหญ้าปลูกเองแล้ว ยังมีอาหารข้นที่มีโปรตีน 21 เปอร์เซ็นต์ให้กับพ่อพันธุ์กินด้วย เพราะตัวผู้เหล่านี้ต้องทำการผสมพันธุ์ให้กับฟาร์ม การบำรุงจึงค่อนข้างสำคัญเพื่อให้มีความแข็งแรงอยู่เสมอ ซึ่งการผสมพันธุ์มีตั้งแต่การผสมเทียมและผสมจริง นอกจากจะผสมพัฒนาสายพันธุ์ให้กับแม่พันธุ์ภายในฟาร์มของตัวเองแล้ว ยังนำพ่อพันธุ์ทั้งโคเนื้อและกระบือออกไปรับจ้างผสมให้กับเพื่อนเกษตรกรท่านอื่นๆ ด้วย
“บางครั้งการที่หาน้ำเชื้อเข้ามาผสมเทียม โอกาสผสมติดมันไม่ 100 เปอร์เซ็นต์เสมอไป ผมจะนำพ่อพันธุ์ที่มีอยู่ทำการผสมจริงบ้าง พอเพื่อนเกษตรกรท่านอื่นสนใจ เขาจะติดต่อเข้ามา เพื่อให้ผมนำพ่อพันธุ์ไปผสมให้ ซึ่งผมจะรับทำทั้งผสมจริงและผสมเทียม อยู่ที่ลูกค้าว่าต้องการแบบไหน เพราะทั้งโคและกระบือมีพ่อพันธุ์ดีไว้คุมฝูงของผมอยู่แล้ว พอการผสมเทียมไม่ได้ผล ก็จะเน้นมาทำการผสมจริงสำรองไว้ด้วย” คุณชาญชาย บอกถึงหลักการผสมพันธุ์โคเนื้อและกระบือ
ซึ่งการนำพ่อพันธุ์ไปผสมตามฟาร์มของลูกค้านั้น คุณชาญชาย เล่าว่า อุปสรรคก็ค่อนข้างที่จะประสบเจอบ้าง ในบางฟาร์มแม่พันธุ์ไม่ยอมให้พ่อพันธุ์ขึ้นทับเพื่อผสมพันธุ์ จากประสบการณ์เหล่านี้จึงทำให้เขาแก้ปัญหา ด้วยการหาน้ำเชื้อแบบผสมเทียมเข้ามารองรับ จึงช่วยให้ลูกค้าที่ใช้บริการไม่ต้องกังวลในเรื่องของการเสียเวลา โดยเขาออกไปให้บริการ 1 ครั้ง ลูกค้าต้องได้รับการผสมพันธุ์ให้กับสัตว์เลี้ยงได้อย่างแน่นอน
การผสมพันธุ์โคเนื้อและกระบือ ตัวเมียที่อายุเหมาะสมควรอยู่ที่ 1 ปี 6 เดือนเป็นอย่างต่ำ หลังจากผสมพันธุ์ติดแล้วโคเนื้อใช้เวลาตั้งท้อง 9 เดือน ส่วนกระบือ 10 เดือน เมื่อคลอดลูกออกมาแล้วให้ลูกอยู่กับแม่เป็นส่วนใหญ่ โดยให้กินนมแม่จนมีอายุได้ 8-9 เดือน หลังจากนั้นถ้าเห็นเพื่อนเกษตรกรท่านไหนสนใจ หากเป็นลูกพันธุ์ที่มีทรงสวยทรงดีสามารถขายเลี้ยงต่อเป็นพ่อแม่พันธุ์ได้ แต่ถ้าหากมีทรงตัวที่ไม่สวยจะขายเพื่อไปเลี้ยงขุนเข้าโรงเชือดต่อไป
“การทำวัคซีนให้กับสัตว์เลี้ยงภายในฟาร์ม อย่างลูกโคลูกกระบือที่พร้อมจะหย่านม ผมก็จะมีทำวัคซีนปากเท้าเปื่อย วัคซีนกันโรคคอบวม และหลังๆ มานี่ก็จะป้องกันลัมปีสกินด้วย ซึ่งการทำวัคซีนจะนานๆ ทำครั้งไม่ได้ทำบ่อย เพราะวัคซีนถ้าทำแล้วสามารถสร้างภูมิให้กับสัตว์ได้นาน โดยที่ไม่ต้องทำบ่อยๆ จนเกินไป” คุณชาญชาย บอก
รายได้หลายทางจากการเลี้ยง
เน้นบริการผสมพันธุ์เป็นหลัก
การทำตลาดเพื่อจำหน่ายโคเนื้อและกระบือภายในฟาร์ม คุณชาญชาย บอกว่า ตั้งแต่เลี้ยงมาในเรื่องของการทำตลาดถือว่าไม่น่าเป็นห่วงมากนัก เพราะจะมีพ่อค้าหมั่นเข้ามาสอบถามอยู่เสมอ ทำให้ในเรื่องของการจำหน่ายหากพอใจสามารถส่งให้พ่อค้าได้ทันที โดยการทำตลาดส่วนใหญ่จะเน้นโพสต์กิจกรรมที่ทำภายในฟาร์มลงในช่องทางออนไลน์ ลูกค้าที่สนใจจึงเข้ามาสอบถามอยู่เป็นประจำ หรือบางช่วงนำพ่อพันธุ์เข้าไปผสมในฟาร์มอื่นๆ ลูกค้าบางส่วนจะได้จากช่องทางนี้ด้วยเช่นกัน
ราคาค่าจ้างที่รับผสมพันธุ์ให้กับแม่พันธุ์โคให้กับฟาร์มอื่นๆ ราคาผสมจริงจากพ่อพันธุ์อยู่ที่ 1,500 บาทต่อครั้ง ส่วนกระบือราคาอยู่ที่ 2,000 บาทต่อครั้ง หากในครั้งแรกยังผสมไม่ติดจะมีการรับประกันด้วยการผสมซ้ำให้ในรอบที่ 2 ส่วนการผสมเทียมราคาน้ำเชื้อมีตั้งแต่ 1,200 บาทไปจนถึง 40,000-50,000 บาท ราคาที่แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับชนิดและสายพันธุ์น้ำเชื้อของโคเนื้อและกระบือ
“โคเนื้อลูกผสมบราห์มันหลังหย่านมแล้ว ถ้าทรงดีทรงสวยอายุ 1 ปีขึ้นไป ราคาจะขายอยู่ที่ตัวละ 30,000-40,000 บาท แต่ถ้าเป็นเลือดร้อย ราคาก็จะแพงขึ้นไปอีกอยู่ที่ 100,000 บาทขึ้นไป ลูกค้าตอนนี้ถือว่ามีเข้ามาจากหลายพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นคนในพื้นที่หรือว่าทางไกล ผมทำการเกษตรตอนนี้ถือว่าผมมีความสุขดี ยิ่งมาทำปศุสัตว์ด้วยเวลานี้ ผลตอบแทนก็ดีขึ้น ถ้าเรามีการจัดการที่ดี วางแผนอะไรให้มันชัดเจน การสร้างเงินจากการทำเกษตรไม่ใช่เรื่องยากครับ” คุณชาญชาย บอก
สุดท้ายนี้สำหรับท่านใดที่สนใจอยากทำงานอาชีพทางด้านปศุสัตว์เพื่อสร้างรายได้ คุณชาญชาย แนะนำว่า อย่างแรกเลยอยากให้ศึกษาในหลายๆ เรื่องก่อนว่าต้องการเลี้ยงสัตว์ชนิดไหน ตลาดในพื้นที่นั้นส่วนใหญ่มีความต้องการอะไรบ้าง แต่สิ่งแรกที่ต้องมีคือ เรื่องของใจรัก ถ้ามีสิ่งนี้เชื่อว่าการแก้ปัญหาเมื่อเจออุปสรรคต่างๆ ก็สามารถแก้ปัญหาได้ง่าย และจะพัฒนาอาชีพของตัวเองให้ยั่งยืนได้แน่นอน
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ คุณชาญชาย เชาว์ชาญ ฟาร์มตั้งอยู่หมู่ที่ 13 ตำบลโพธิ์ทอง อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด หมายเลขโทรศัพท์ 086-851-4362