อภัยภูเบศรเผยผลวิจัย กระชาย ฟ้าทะลายโจร รางจืด ช่วยลดพิษภัยจาก PM 2.5

ในช่วงฤดูหนาว  ประเทศไทยมักเผชิญกับ มลภาวะทางอากาศ โดยเฉพาะค่าฝุ่น PM2.5 สูง เนื่องจากอุณหภูมิที่ลดต่ำลง สภาพอากาศที่นิ่ง ถ่ายเทอากาศไม่ดี ทำให้เกิดการสะสมของฝุ่นละออง หมอก และควัน ในบรรยากาศเพิ่มสูงขึ้น ขณะเดียวกันมักมีการเผาเศษวัสดุทางการเกษตรในระยะนี้ ทำให้เกิดฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 เพิ่มขึ้นสูง ส่งผลกระทบต่อสุขภาพคนไทยในวงกว้าง

เนื่องจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 สามารถเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจและกระแสเลือดได้ง่าย เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคระบบทางเดินหายใจ โรคหัวใจ โรคหลอดเลือด และส่งผลกระทบต่อภูมิคุ้มกันในระยะยาว ทำให้ร่างกายมีความไวต่อการติดเชื้อและเกิดโรคได้ง่ายขึ้น หน่วยงานภาครัฐจึงเตือนให้ประชาชนใช้เครื่องฟอกอากาศเพื่อช่วยกรองฝุ่นในบ้าน รวมทั้งสวมหน้ากากป้องกันฝุ่นขนาดเล็ก เมื่อออกจากบ้าน

สมุนไพรไทยช่วยดูแลสุขภาพ

ลดผลกระทบ PM 2.5 ได้

ก่อนหน้านี้มูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรในพระอุปถัมภ์ฯ ได้ร่วมมือกับคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อหาแนวทางการวิจัยเกี่ยวกับสมุนไพรกับโรคเรื้อรังและการลดผลกระทบของ PM 2.5 ต่อสุขภาพ ตั้งแต่การวิจัยในหลอดทดลอง สัตว์ทดลอง ไปจนถึงการวิจัยในมนุษย์เพื่อตอบโจทย์ปัญหาดังกล่าว

ดร.ภญ.สุภาภรณ์ ปิติพร   กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีสถิติการเพิ่มขึ้นของโรคเรื้อรัง เช่น ความดัน เบาหวาน ไขมัน ทำให้ค่ายาของโรคในกลุ่มนี้และโรคแทรกซ้อนเพิ่มสูงมากขึ้นทุกปีอย่างไม่มีที่สิ้นสุด นอกจากโรคเรื้อรังแล้ว โรคมะเร็งเป็นอีกโรคที่ค่ายาแพงมาก ประเทศไทยต้องจ่ายค่ายาเหล่านี้ให้กับต่างประเทศปีละหลายหมื่นล้านบาท หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ก็จะไม่มีเงินที่จะนำไปใช้ที่ในการพัฒนาด้านอื่นๆ ได้ เช่น การสร้างโครงสร้างพื้นฐานและการศึกษาที่จำเป็น ความหวังที่จะยุติวงจรความยากจนและความเหลื่อมล้ำในสังคม

Advertisement

 

Advertisement

“เราต้องคิดเรื่องนี้อย่างจริงจังเพื่อทดแทนการนำเข้า เพิ่มความสามารถในการแข่งขันและมีราคาที่ประชาชนเข้าถึงได้ ซึ่งทางอภัยภูเบศรได้ทำงานร่วมกับสถาบันการแพทย์จักรีนฤดบดินทร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ในช่วงการระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมาได้ค้นพบศักยภาพของสมุนไพรไทยที่มีแนวโน้มจะต่อยอดเป็นยาในกลุ่มนี้ได้ เช่น กระชาย ฟ้าทะลายโจร ซึ่งเป็นสมุนไพรหลักที่จะนำมาพัฒนาต่อร่วมกันในระยะแรกนี้” ดร.สุภาภรณ์ กล่าว

ด้าน รศ.ดร.ภก.พิสิฐ เขมาวุฆฒ์ กล่าวว่า สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ เห็นความสำคัญของปัญหา PM 2.5 ซึ่งองค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนดให้ PM 2.5 จัดอยู่ในกลุ่ม 1 ของสารก่อมะเร็งมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2556 จึงได้มีพัฒนาโมเดลการศึกษาวิจัยสมุนไพรที่จะมาลดพิษภัยจาก PM 2.5 ในการเก็บข้อมูลพบว่า PM 2.5 นั้น มีสารหลัก ๆ อยู่ 3 กลุ่ม โดยมีโลหะหนักเยอะที่สุด มากกว่า 10 ชนิด รองลงมาเป็นสารก่อมะเร็งที่มาจากการคมนาคมพวก PAH; polyaromatic hydrocarbon และกลุ่มสุดท้ายมาจากธรรมชาติ ซึ่งเกิดการเผาไม้ เผาหญ้า ทำให้เกิด เลโวกลูโคซาน (levoglucosan) สารเหล่านี้ทำลายปอดมากที่สุด ต้องหาสมุนไพรที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบที่สามารถเข้าเนื้อปอดได้

“จากการศึกษาพบว่า ฟ้าทะลายโจรเป็นสมุนไพรต้านการอักเสบที่เข้าไปอยู่ในปอดได้ถึง 30-40% และการทดลองในหนูพบว่าสามารถลดการอักเสบของปอดได้จากการที่ได้รับ PM 2.5 สมุนไพรอีกตัวที่น่าจะมีศักยภาพคือรางจืด เพราะมีงานวิจัยเกี่ยวกับการต้านพิษโลหะหนักและต้านอนุมูลอิสระลดการทำลายเซลล์จากสารพิษ ด้วยความเชี่ยวชาญในการสมุนไพรของอภัยภูเบศร ตั้งแต่การปลูก การสกัด และการพัฒนาตำรับของอภัยภูเบศร กับความเชี่ยวชาญในการวิจัยในระดับพรีคลินิกและคลินิกของสถาบันฯ เราเชื่อมั่นว่า จะสามารถนำสมุนไพรไทยมาเป็นที่พึ่งให้คนไทยและแข่งขันในระดับโลกได้อย่างแน่นอน” ดร.พิสิฐ กล่าว

……..

เผยแพร่ในระบบออนไลน์เป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2566

rewrite 8 มกราคม 2568