รมว.เกษตรฯ ชงกระทรวงการคลังพักหนี้สมาชิกสหกรณ์การเกษตรเช่นเดียวกับลูกหนี้ธ.ก.ส. สั่งกรมส่งเสริมสหกรณ์สำรวจข้อมูลหนี้สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร เสนอครม.ชดเชยดอกเบี้ยร้อยละ 4.5 เป็นเวลา 3 ปี

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เตรียมชงกระทรวงการคลังดึงสมาชิกสหกรณ์การเกษตร ร่วมมาตรการพักชำระหนี้ภายใต้หลักเกณฑ์เดียวกับเกษตรกรลูกค้าธ.ก.ส.สั่งกรมส่งเสริมสหกรณ์สำรวจข้อมูลหนี้สินสมาชิกสหกรณ์การเกษตรและกลุ่มเกษตรกร พร้อมเสนอรัฐบาลขอชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้ให้สหกรณ์และ กลุ่มเกษตรกร ร้อยละ 4.5 เป็นเวลา 3 ปี คาดใช้เงิน 4,296 ล้านบาท

นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับโครงการพักชำระหนี้เกษตรกรรายย่อยตามนโยบายของรัฐบาลว่า ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เตรียมเสนอครม.เห็นชอบโครงการพักชำระหนี้ให้ครอบคลุมในส่วนของเกษตรกรที่เป็นสมาชิกสหกรณ์ การเกษตรและกลุ่มเกษตรกรทั่วประเทศด้วย

โดยสั่งการให้กรมส่งเสริมสหกรณ์สำรวจข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนสมาชิกสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า ในช่วงที่ผ่านมา พบว่าสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรทั่วประเทศ 9,359 แห่ง สมาชิกรวม 12.04 ล้านคน ส่วนใหญ่ มีรายได้ไม่เพียงพอส่งชำระหนี้คืนสหกรณ์ ระดับหนี้สินครัวเรือนของสมาชิกสหกรณ์การเกษตรมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ในปี 2564 มีหนี้สินเฉลี่ย 203,520 บาท/คน เพิ่มเป็น 209,865 บาท/คน ในปี 2565 ดังนั้นนโยบายแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคเกษตรจึงควรดูแลครอบคลุมถึงเกษตรกรที่เป็นสมาชิกของสหกรณ์ภาคการเกษตรและกลุ่มเกษตรกร ภายใต้หลักเกณฑ์เดียวกับเกษตรกรรายย่อยลูกหนี้ของ ธ.ก.ส. ที่มีหนี้ไม่เกิน 300,000 บาท โดยพักทั้งต้นและดอกเบี้ย

สำหรับแนวทางในการบรรเทาภาระหนี้ให้กับสมาชิกสหกรณ์การเกษตรและกลุ่มเกษตรกร จะดำเนินการควบคู่กับการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพเพื่อให้สมาชิกสหกรณ์มีรายได้เพียงพอส่งชำระหนี้ภายหลังจากที่ได้เข้าร่วมโครงการของรัฐบาล เบื้องต้นกรมส่งเสริมสหกรณ์ได้สำรวจสมาชิกสหกรณ์ที่จะเข้าร่วมโครงการพักชำระหนี้ โดยจะต้องมีหนี้ทุกสัญญารวมกัน ณ วันที่ 30 กันยายน 2566 รายละไม่เกิน 300,000 บาท คาดว่ามีสมาชิกสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรที่มีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไขดังกล่าว จำนวน 707,213 ราย มูลหนี้รวม 88,131.33 ล้านบาท และจะขอความเห็นชอบรัฐบาลจะจ่ายเงินชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้ให้แก่สหกรณ์และ กลุ่มเกษตรแทนสมาชิก ในอัตราร้อยละ 4.5 ต่อปี เป็นเวลา 3 ปี เริ่มตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2566 – 30 กันยายน 2569

โดยเป็นการขอชดเชยดอกเบี้ยปีต่อปี และจะมีการสำรวจความประสงค์ของสมาชิกที่จะเข้าร่วมโครงการในแต่ละปีตลอดในช่วงระยะเวลาของการดำเนินโครงการดังกล่าว คาดว่าจะใช้งบประมาณในการชดเชยดอกเบี้ยให้สหกรณ์และกลุ่มเกษตรรวม 4,296 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้สรุปตัวเลขและแนวทางบรรเทาปัญหาหนี้สินผ่านสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร เสนอไปยังสำนักงานเศรษฐกิจการคลังในฐานะเลขานุการคณะทำงาน เพื่อกำหนดมาตรการในการพักหนี้เกษตรกรฯ และเตรียมนำเสนอครม.พิจารณาอนุมัติต่อไป