เอสเอ็มอีอ่วมแบกหนี้เพิ่ม เศรษฐกิจไม่ฟื้นฉุดกำลังช้อป

นายเบญจรงค์ สุวรรณคีรี หัวหน้านักวิเคราะห์ ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ธนาคารทหารไทย เปิดเผยว่า การส่งออกและการท่องเที่ยวจะขยายตัวดีจากกำลังซื้อต่างประเทศ แต่เศรษฐกิจในประเทศยังไม่ฟื้นตัวและกำลังซื้อที่อ่อนแอ ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ได้รับผลกระทบ ทำให้หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ไตรมาสแรก 2560 อยู่ที่ 4.4% คาดว่าปลายปีจะอยู่ที่ระดับ 4.6-4.7% สอดคล้องกับการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นเอสเอ็มอี ไตรมาส 2 ของธนาคาร พบว่าดัชนีลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ระดับ 39.6 จากระดับ 40.6 ในไตรมาสก่อน โดยปัจจัยที่เอสเอ็มอีกังวลมากที่สุด คือภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อฟื้นตัวช้า รองลงมาคือความกังวลด้านสภาพคล่อง การขาดแคลนแรงงาน โดยเฉพาะช่วงนี้ที่กำลังมีการจัดระเบียบแรงงานต่างด้าว รวมทั้งการปรับค่าแรงภูมิภาคจากเดิมอยู่ที่ 222-273 บาท เพิ่มเป็น 300-310 บาท ทำให้ต้นทุนเอสเอ็มอีเพิ่มขึ้น ซึ่งเอสเอ็มอีที่ยังได้รับผลกระทบมาก คือเกษตร พาณิชยกรรม และการค้า

“ครึ่งปีหลังเอสเอ็มอียังมีปัจจัยกดดันจากราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำ ส่งผลต่อราคาสินค้าเกษตร ผลกระทบจากภัยธรรมชาติ ปัญหาแรงงานต่างด้าว และอัตราแลกเปลี่ยนที่แข็งค่าขึ้น ส่วนปัจจัยที่จะมาหนุนธุรกิจเอสเอ็มอีมาจากผลผลิตที่เพิ่มขึ้น การส่งออกและท่องเที่ยวที่ขยายตัวดี การลงทุนเบิกจ่ายภาครัฐและอัตราแลกเปลี่ยนที่ส่งผลดีต่อผู้นำเข้า ซึ่งเอ็นพีแอลจะยังเพิ่มขึ้นในปีนี้ แต่ปี 2561 คาดว่าจะทยอยลดลง ซึ่งเอ็นพีแอลของเอสเอ็มอีที่ลดลงจะส่งผลให้เอ็นพีแอลของระบบลดลงเช่นกัน” นายเบญจรงค์ กล่าว

นายเบญจรงค์ กล่าวว่า ธนาคารอยู่ระหว่างการปรับตัวเลขอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจ (จีดีพี) ปีนี้ คาดว่าจะปรับเพิ่มเป็นอยู่ในกรอบ 3.3-3.7% จากเดิม 3.3% ส่วนการส่งออกคาดเติบโต 4-5% จากเดิม 3.7% ขณะที่การบริโภคในประเทศยังเติบโตไม่มากนัก เช่นเดียวกับการลงทุนเอกชนที่ยังไม่ฟื้นตัว ซึ่งภาพรวม

จีดีพีที่เติบโตดีขึ้นขณะนี้ยังไม่สะท้อนกำลังซื้อในประเทศ ด้านอัตราแลกเปลี่ยนยังมีความผันผวนและมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น มองกรอบค่าเงินบาทที่ประมาณ 33-34 บาท ต่อดอลลาร์สหรัฐ

ขอบคุณข้อมูลจากมติชนรายวัน