หนาวนี้ “ท่องธรรมชาติ ช้อป ชิม ชิล” ที่สวนแม่หม่อน วังน้ำเขียว “เก็บหม่อน ชมแปลงวานิลลา ชิมไอศกรีมโฮมเมด” ท่ามกลางอากาศเย็นสบาย

เข้าสู่ฤดูหนาว ฤดูแห่งการท่องเที่ยวมาเยือน สำหรับท่านใดที่เบื่อแสงสี อยากหลีกหนีความวุ่นวายในเมืองหลวง นิตยสารเทคโนโลยีฉบับนี้ตอบโจทย์ทุกท่านแน่นอน โดยในฉบับนี้ผู้เขียนมีสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งที่ภูมิใจนำเสนอมากๆ และอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง ทุกท่านก็จะได้พบกับธรรมชาติสีเขียวขึ้นเต็มสองข้างทาง ที่นั่นก็คือ “วังน้ำเขียว” แหล่งโอโซนอันดับ 7 ของโลก นั่นเอง

คุณนันทวัน โตอินทร์ หรือ ครูไก่ เจ้าของสวนแม่หม่อน

โดยสถานที่ที่ผู้เขียนภูมิใจนำเสนอก็คือ “สวนแม่หม่อน” ตั้งอยู่ที่ 201 หมู่ที่ 5 ตำบลวังหมี อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นสถานที่ตัวผู้เขียนเองเคยได้มีโอกาสไปแวะเยี่ยมเยือนสวนมาแล้วเมื่อ 4 ปีก่อน ก็ยังจำความรู้สึกอบอุ่นได้ไม่รู้ลืม จนมาถึงวันนี้ สวนแม่หม่อนได้มีการพัฒนาสำเร็จไปอีกขั้น จากที่เคยเป็นเพียงสวนมัลเบอร์รี่เล็กๆ ตอนนี้พัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร มีไฮไลต์เด็ดอยู่ที่แปลงวานิลลา ที่ปลูกสำเร็จเป็นที่แรกๆ ของอำเภอวังน้ำเขียว รับรองได้ว่ามาที่นี้แล้วทุกท่านจะสำลักความสุขกลับไปแน่นอน

“สวนแม่หม่อน farm&café” บรรยากาศร่มรื่น

คุณนันทวัน โตอินทร์ หรือ ครูไก่ เจ้าของสวนแม่หม่อน อดีตแม่พิมพ์ของชาติ ลาออกจากราชการก่อนวัยเกษียณ ผันตัวทำงานเกษตรที่ตนเองรัก บนพื้นที่มรดกคุณพ่อทิ้งไว้ให้ที่อำเภอวังน้ำเขียว ปัจจุบันต่อยอดเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร ไว้สำหรับให้ท่องเที่ยวมาดื่มด่ำกับธรรมชาติ ช้อป ชิม ชิล เก็บหม่อน ชมแปลงวานิลลา ชิมไอศกรีมโฮมเมด ท่ามกลางอากาศเย็นสบาย นับเป็นสถานที่สร้างรอยยิ้ม สร้างความสุข ให้กับนักท่องเที่ยวมาเป็นระยะเวลายาวนานกว่า 10 ปีแล้ว

“สวนแม่หม่อน farm&café” บรรยากาศอบอุ่น ใกล้ชิดธรรมชาติ

โดยจุดเริ่มต้นของสวนแม่หม่อนแห่งนี้ มีจุดเริ่มต้นจากการเป็นสวนหม่อน หรือมัลเบอร์รี่ เล็กๆ ที่มีกิมมิกเป็นอุโมงค์มัลเบอร์รี่ไว้สำหรับให้นักท่องเที่ยวมาถ่ายรูป และเดินเก็บผลมัลเบอร์รี่ได้เองตามใจชอบ ซึ่งก็ได้รับผลตอบรับดีมากๆ หลังจากนั้นพอลูกค้าชอบก็เริ่มเปิดเป็นร้านค้าในสวนเล็กๆ เพื่อให้ลูกค้าได้มีที่นั่งพักผ่อน ได้นำผลผลิตที่เก็บมาแปรรูปทำแยมมัลเบอร์รี่ ทำน้ำปั่นสมูทตี้มัลเบอร์รี่ สู่การต่อยอดทำเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร แต่ก็ยังคงมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเก็บหม่อนได้เหมือนเดิม ยังมีการแปรรูปเหมือนเดิม ที่สำคัญผลผลิตมัลเบอร์รี่ของที่สวนแม่หม่อนมีให้เก็บผลผลิตทุกวัน

ถ่ายรูปเช็กอินกับอุโมงค์มัลเบอร์รี่ ที่ถือเป็นซิกเนเจอร์ของสวน ใครมาแล้วต้องห้ามพลาดจุดนี้เลย

และในส่วนของกิจกรรมที่มีการพัฒนาต่อยอดขึ้นมาเพิ่มเติมคือ 1. แปลงวานิลลา สำหรับเป็นแหล่งเรียนรู้ และการต่อยอดแปรรูปทำไอศกรีมวานิลลาโฮมเมด รสชาติหอมละมุนจากฝักวานิลลาแท้ๆ

มัลเบอร์รี่ เก็บสดๆ จากสวน เตรียมนำไปแปรรูปเป็นน้ำปั่นสมูทตี้ และไอศกรีมแสนอร่อย
เก็บมัลเบอร์รี่สดๆ จากสวน ราคากล่องละ 50 บาทเท่านั้น

“จุดเริ่มต้นของการปลูกวานิลลา เกิดจากที่ครูเป็นคนชอบศึกษาเรื่องพืชหลากหลายอยู่แล้วเป็นทุนเดิม และมีความคิดที่อยากจะหาพืชอย่างอื่นมาปลูกเพิ่มเติมจากสวนหม่อน แล้วก็ได้มีโอกาสเหมาะที่ได้เป็นแปลงทดลองให้กับศูนย์อนุรักษ์พันธุกรรมพืช ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ที่เขากำลังหาเกษตรกรที่อยากทดลองปลูกวานิลลา ครูเลยทดลองทำ โดยมีอาจารย์ของมหาวิทยาลัยเป็นพี่เลี้ยง แล้วก็ได้ผลดีจนถึงทุกวันนี้ ปัจจุบันขยายแปลงปลูกวานิลลากว่า 3 แปลง”

2. “สวนแม่หม่อน farm&café” เป็นคาเฟ่ที่สร้างให้กลมกลืนกับธรรมชาติ เน้นความโป่ง โล่ง เย็นสบาย ให้ความรู้สึกเหมือนมาเที่ยวบ้านเพื่อน ให้ความอบอุ่นสบายใจ ทางสวนจึงเลือกใช้ไม้ไผ่ที่เป็นวัสดุที่มีชื่อเสียงในท้องถิ่นเป็นวัสดุหลักในการก่อสร้าง ซึ่งไผ่ก็เป็นไม้ตัวแทนที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น และเป็นธรรมชาติได้เป็นอย่างดี

3. ไอศกรีมโฮมเมด ที่สวนแม่หม่อนปลูกเอง แปรรูปเองทั้งหมด เช่น เชอร์เบทมัลเบอร์รี่ มัลเบอร์รี่โยเกิร์ต วานิลลา กุหลาบ นมสด อะโวกาโดน้ำผึ้ง ซอร์เบต์องุ่น ซอร์เบต์กระท้อน ซอร์เบต์ลิ้นจี่ เชอร์เบทมะยงชิด เป็นต้น เพราะฉะนั้นนักท่องเที่ยวจะได้ลิ้มรสไอศกรีมโฮมเมดจากผลไม้ที่เก็บสดๆ จากสวน และปลอดภัยแน่นอน

เอาใจใส่ดูแลแปลงวานิลลาที่รัก 

ไฮไลต์สำคัญที่มาถึงสวนแม่หม่อนแล้วต้องห้ามพลาด

เมื่อถามถึงไฮไลต์เด็ดของสวนแม่หม่อนที่มาแล้วต้องห้ามพลาด ครูไก่ บอกว่า หลักๆ แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือไฮไลต์เรื่องของอาหารและเครื่องดื่ม และส่วนของกิจกรรมที่มีให้ทำภายในสวน

แปลงปลูกวานิลลาที่สวนแม่หม่อน บรรยากาศร่มรื่น ยินดีต้อนรับทุกท่าน

มาเริ่มที่ไฮไลต์อาหารและเครื่องดื่มที่ต้องห้ามพลาดกันก่อน มาแล้วต้องสั่ง เพราะเราใช้วัตถุดิบสดใหม่ ที่สำคัญ คือปลอดสารพิษ ของสด ของใหม่ พอเรานำมาแปรรูปทำอะไรก็แล้วแต่ ก็ย่อมอร่อยด้วยตัววัตถุดิบที่ดี ได้แก่

1. ไอศกรีมวานิลลาโฮมเมด โดยจุดเด่นของไอศกรีมวานิลลาโฮมเมดของสวนแม่หม่อน ที่กว่าจะเป็นไอศกรีมวานิลลาแท้ๆ ให้ทุกคนได้กิน ต้องเริ่มตั้งแต่กระบวนการปลูก ปลูกเสร็จแล้วผสมเกสร จนกระทั่งได้ฝัก แล้วฝักวานิลลาจะติดอยู่บนต้นนานมากใช้เวลาประมาณ 9 เดือน ถึงจะเริ่มเก็บฝักได้ หลักจากนั้นพอเก็บฝักมาแล้วจะเข้าถึงกระบวนการบ่มฝัก ใช้เวลาขั้นต่ำ 4 เดือน แต่ถ้าจะให้ดีต้องใช้เวลาในการบ่มประมาณ 6 เดือน ก็จะได้ฝักวานิลลาที่เป็นฝักแห้งจะมีกลิ่นหอม แล้วก็จะนำฝักแห้งมาทำไอศกรีม โดยใช้มีดกรีดที่ฝัก แล้วขูดเมล็ดที่เรียกว่า “วานิลลาคาเวีย” ผสมลงไปในเนื้อไอศกรีมก่อนที่จะเข้าเครื่องปั่น ผสมตีให้เข้ากันแล้วเข้าเครื่องปั่น พอปั่นแล้วไอศกรีมวานิลลาของเราจะเห็นเมล็ดวานิลลาเล็กๆ ปะปนอยู่ ซึ่งตัวนี้จะเป็นตัวชูว่าไอศกรีมวานิลลาของเราเป็นวานิลลาแท้ ไม่ใช่วานิลลากลิ่นสังเคราะห์ ซึ่งพอเราใช้วานิลลาแท้แล้วรสชาติและกลิ่นก็แตกต่างจากการใช้สารสังเคราะห์แน่นอน คือกลิ่นจะหอมละมุนอยู่ในลำคอ

“ความหมายของกลิ่นหอมละมุนอยู่ในลำคอก็คือ เรากินไอศกรีมหมดไปตั้งนานแล้วแต่ยังหอมวานิลลาอยู่ในลำคอ และโพรงจมูกต่อเนื่องไป แต่ถ้าเป็นวานิลลาสังเคราะห์จะหอมที่จมูก ยังไม่ได้กินเลยได้กลิ่นพุ่งมาเลย จะไม่หอมในลำคอ แล้วกลิ่นจะไม่ละมุนเหมือนวานิลลาแท้”

โดยวานิลลาของสวนแม่หม่อน ปลูกมาปีนี้เป็นปีที่ 5 ปลูกแล้วได้ผลผลิตดีมากๆ โดยวานิลลาของที่สวนจะผ่านการบ่มจนกระทั่งมีกลิ่นหอมแล้วจึงนำมาทำไอศกรีมวานิลลาแท้ๆ ที่พร้อมเสิร์ฟให้ลูกค้าที่คาเฟ่ของเรา ถ้าหากท่านใดอยากเห็นฝักวานิลลาแท้ๆ แนะนำให้เข้ามาเยี่ยมชมแปลงได้ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ซึ่งเป็นช่วงที่ฝักวานิลลาขึ้นเต็มต้น กำลังจะเริ่มเก็บฝักมาเข้าสู่กระบวนการบ่ม

2. ไอศกรีมเชอร์เบทมัลเบอร์รี่ มัลเบอร์รี่โยเกิร์ต และน้ำมัลเบอร์รี่ปั่นสดๆ ผสมกับน้ำผึ้งแท้ๆ โดยใช้มัลเบอร์รี่ที่เก็บสดๆ จากสวนมาเป็นวัตถุดิบหลักนำมาแปรรูป โดยเมนูที่ยังเป็นดาวเด่นมาถึงทุกวันนี้ได้แก่ มัลเบอร์รี่สดปั่นใส่น้ำผึ้งป่าแท้ๆ และส่วนของไอศกรีมเชอร์เบทมัลเบอร์รี่ มัลเบอร์รี่โยเกิร์ต ก็อร่อยไม่แพ้กัน

ฝักวานิลลาขึ้นเต็มแปลงสวยงาม 

กิจกรรมที่ต้องทำ

1. กิจกรรมเก็บมัลเบอร์รี่สดๆ จากสวน โดยที่สวนจะมีตะกร้าหรือกล่องไว้ให้สำหรับนักท่องเที่ยวเดินเข้าไปเก็บมัลเบอร์รี่เอง และยังคงขายในราคาเดิมตั้งแต่สวนเปิดใหม่ๆ คือราคากล่องละ 50 บาท ซึ่งในส่วนที่เดินชมชิมที่นี่ไม่คิดเงิน

2. ถ่ายรูปเช็กอินกับอุโมงค์มัลเบอร์รี่ ที่ถือเป็นซิกเนเจอร์ของสวน ใครมาแล้วต้องห้ามพลาดจุดนี้เลย

3. ชมแปลงวานิลลา หากท่านใดต้องการทดลองผสมเกสรวานิลลาเอง แนะนำให้มาตั้งแต่ช่วงกลางเดือนภุมภาพันธ์ ไปจนถึงช่วงกลางเดือนเมษายน ฝักวานิลลาจะบาน มาชมการผสมเกสรฝักวานิลลา หรืออยากจะลองผสมเกสรดู ที่นี่ก็มีกิจกรรมให้ทำตรงนี้ โดยมีข้อแม้ว่าต้องมาก่อนเที่ยงเพราะถ้ามาหลังเที่ยงแล้วดอกของวานิลลาจะหุบไม่สามารถผสมเกสรได้

รอให้ฝักแก่ เตรียมนำไปสู่กระบวนการแปรรูป

“ที่สวนแม่หม่อน ถือว่าเป็นแปลงแรกๆ ที่ปลูกวานิลลาในพื้นที่อำเภอวังน้ำเขียว เพราะที่ผ่านมาคนจะนิยมปลูกเพื่อจำหน่ายต้นพันธุ์เป็นส่วนใหญ่ แต่ปลูกจนกระทั่งได้ผลผลิตเอง บ่มฝักเอง แปรรูปเอง จนสุดท้ายกลายเป็นไอศกรีมขาย มีที่นี่ที่เดียว และที่พิเศษไปกว่านั้นคือเราต่อยอดทำเป็นวิสาหกิจชุมชน ปัจจุบันมีสมาชิกประมาณ 10 ราย และในอนาคตจะพัฒนาเป็นสหกรณ์”

ดอกวานิลลา

ซึ่งการปลูกวานิลลาสามารถปลูกได้ทั่วประเทศ เพราะวานิลลาเป็นไม้ร้อนชื้น แต่สาเหตุที่นำมาปลูกที่วังน้ำเขียวแล้วได้ผลผลิตดีมีคุณภาพ เป็นเพราะลักษณะของพื้นที่เราปลูกคืออากาศของวังน้ำเขียวค่อนข้างโปร่งและเย็น แต่ไม่หนาวมาก และเป็นพื้นที่ไม่ได้อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลมากเกินไป จึงเหมาะสมในการปลูกแล้วได้ผลดี

ฝักวานิลลาที่ผ่านการบ่มแล้ว

ส่วนระยะเวลาในการปลูก ได้ฝักเร็วฝักช้าขึ้นอยู่กับต้นพันธุ์ที่นำมาปลูก หากได้ต้นพันธุ์ดี อวบ ใหญ่ ก็ใช้เวลาในการปลูก 2 ปี ผลผลิตออก และใช้เวลาอยู่บนต้นอีกประมาณ 9 เดือน ถึงจะสามารถเก็บฝักได้ หรือคิดง่ายๆ หากปลูกครั้งแรกใช้เวลาปลูกจนสามารถเก็บฝักได้ใช้เวลาประมาณ 3 ปี

ไอศกรีมวานิลลาแท้ๆ กลิ่นหอมละมุน

การเก็บฝักของวานิลลา จะมีลักษณะยาวคล้ายถั่วหวาน ยาวๆ สีเขียว วิธีสังเกตฝักแก่ที่พร้อมเก็บ คือด้านล่างของฝักจะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเหลืองคล้ายกล้วย พอฝักเหลืองได้ประมาณ 1 เซนติเมตร สามารถเก็บฝักได้เลย เพราะถ้าปล่อยให้เหลืองมากกว่านั้นฝักจะแตก วิธีการเก็บจะใช้กรรไกรตัด หรือเด็ดหักย้อนขึ้นก็ได้

Affogato ด้วยไอศกรีมวานิลลาจากฝักวานิลลาแท้ๆ ที่ปลูกเองกับมือ เนื้อเนียนแน่นจากไอศกรีมเมื่อจับคู่กับ espresso shot หอมๆ สิ่งนี้จะทำให้อารมณ์ดีไปได้ทั้งวัน

สำหรับวานิลลาของเราปลูกพันธุ์แพลนนิโฟเลีย จุดเด่นของวานิลลาสายพันธุ์นี้คือ จากการศึกษาดูแล้วทั่วโลกนิยมใช้แต่งกลิ่นอาหารและขนมมากที่สุด แต่ถ้าเป็นสายพันธุ์อื่นจะเหมาะในการนำมาทำเครื่องสำอางและทำยา

คู่นี้ best seller ตลอดกาล ไอศกรีมเชอร์เบทมัลเบอร์รี่คู่กับไอศกรีมมัลเบอร์รี่โยเกิร์ต

การปลูกและการดูแล วานิลลาเป็นพืชวงศ์กล้วยไม้ เป็นพืชเถาเลื้อย เพราะฉะนั้นวิธีการปลูกเหมือนกล้วยไม้เลย คือใส่กากมะพร้าวสับ และมีการพรางแสง หรือปลูกใต้ร่มเงาต้นไม้ก็ได้ เถาจะเลื้อยพันไปบนค้างหรือไม้ยืนต้นอื่นๆ โดยธรรมชาติจะอาศัยรากเป็นตัวยึดเกาะลำต้น นับว่าปลูกง่ายเพราะว่ายังคงเป็นกล้วยไม้ป่าอยู่ ไม่ใช่กล้วยไม้ลูกผสมที่ผ่านการปรับปรุงพันธุ์มาเยอะๆ จึงทำให้การดูแลง่าย

ไอศกรีมโฮมเมด หลากหลายรสชาติ อร่อยทุกคำ

การบำรุงใส่ปุ๋ย วานิลลาเป็นพืชใช้น้ำน้อย ไม่ชอบแฉะ เหมือนกล้วยไม้ หน้าฝนไม่ต้องรดน้ำ พอหมดฝนรดน้ำเดือนละครั้ง ส่วนการใส่ปุ๋ยของที่นี่จะใส่ปุ๋ยหมัก ผสมกับเชื้อราไตรโคเดอร์มา ประมาณ 2 เดือนครั้ง สลับกับการให้ปุ๋ยละลายช้า (ออสโมโค้ท) ในปริมาณที่ไม่มาก เพราะวานิลลาเลี้ยงง่าย กินน้อย แต่มีสิ่งที่ต้องดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษคือ การดูแลป้องกันไม่ให้เกิดเชื้อรา เพราะจากการศึกษาปัญหาของวานิลลาคือเชื้อรา ที่ไม่ทำให้ตายแต่ผลผลิตอาจจะได้ไม่ดีเท่าที่ควร เพราะฉะนั้นหลักการคือการป้องกัน ด้วยการออกแบบโรงเรือนให้โล่งโปร่ง เพื่อให้เกิดโรคได้น้อยที่สุด

ไอศกรีมรสกุหลาบออร์แกนิก เป็นอีกรสที่ขายดีและได้รับคำชมจากลูกค้ามาโดยตลอด

ผลผลิต วานิลลาจะให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หลายเท่าตัว ปลูกครั้งหนึ่งเก็บเกี่ยวได้นานเป็น 10 ปี เพียงแต่ต้องดูแลอย่าให้โรงเรือนแน่นเกินไป ต้องมีการแต่งเถา เพื่อลดการเกิดโรค ซึ่งถ้าหากนับตั้งแต่วันแรกที่ปลูกจนถึงปัจจุบันสามารถเก็บผลผลิตได้ 3 รุ่น ปริมาณผลผลิตประมาณ 1 หมื่นฝักขึ้นไป แต่ยังไม่เกิน 2 หมื่นฝัก ส่วนรุ่นที่ 2 ที่สวนเก็บเอาไปทำไอศกรีมวานิลลาทั้งหมดประมาณ 2 พันกว่าฝัก ยังไม่ได้มีการขายในรูปแบบฝักแห้งเนื่องจากฝักวานิลลายังไม่เพียงพอในการนำมาแปรรูป

ไอศกรีมซอร์เบต์กระท้อนแสนอร่อย

“ผลผลิตรุ่นที่ 3 คาดว่าถ้าไอศกรีมของเรายังไม่ทำแฟรนไชส์ก็คาดว่าจะใช้วานิลลาเพียง 5 พันฝักต่อปีในการทำไอศกรีมขายที่ร้าน ที่เหลือจะจำหน่ายเป็นฝักแห้ง แต่ถ้าหากแผนการที่จะต่อยอดทำแฟรนไชส์สำเร็จได้ในเร็วๆ นี้ ก็ต้องเก็บฝักวานิลลาไว้สำหรับทำแฟรนไชส์ด้วย ทำให้อาจจะจำหน่ายฝักแห้งได้น้อย โดยราคาขายฝักวานิลลาถ้าเป็นเกรดเออยู่ที่ฝักละ 150 บาท ถ้าซื้อเป็นกิโลราคาก็อยู่ประมาณ 2 หมื่นกว่าต่อกิโลกรัมฝักแห้ง”

ต้อนรับคณะศึกษาดูงาน 

ทำเกษตรให้ยั่งยืนและมีความสุข

“สิ่งที่ครูไก่อยากจะแนะนำสำหรับเกษตรกรทุกคนคือ เกษตรกรต้องมีความใฝ่รู้ หมั่นศึกษาดูงาน หรือถ้าไม่สะดวกไปดูเดี๋ยวนี้สื่อมีมากมาย หูตากว้าง แล้วต้องเปิดใจ แล้วบางทีต้องมีความกล้าเสี่ยงอย่างมีเหตุผล ในการทำอะไรใหม่ๆ ที่ดัดแปลงไปจากเดิม ไม่ต้องถึงกับแหวกแนวมากถ้าเรายังใจไม่ถึงพอ มันต้องมีอะไรที่แบบฉีกแนวไปจากเดิม หรือสร้างสรรค์ไปจากเดิมที่คนอื่นทำแล้วอยู่ได้แน่นอน อย่างของสวนแม่หม่อนเราถนัดทำตั้งแต่ต้นน้ำจนกระทั่งสุดท้ายปลายน้ำเลย อะไรที่ทำครึ่งๆ กลางๆ หรือหวังว่าใครจะมารับซื้อ ทางสวนแม่หม่อนยังไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ เราถนัดที่จะยืนด้วยตัวเอง อย่างน้อยขาหนึ่งต้องยืนได้ แล้วอีกขาหนึ่งจะส่งคนอื่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง คือเกษตรกรต้องพึ่งตัวเองให้ได้ก่อน แล้วอยากให้ทำเกษตรอย่างสร้างสรรค์ และทำยังไงให้มีความสุข คือเรามีเพื่อนบ้านดี มีเพื่อนร่วมงานดี เรามีเพื่อนบ้านมาช่วย ทำให้เขามาแล้วรู้สึกว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งของสวนแม่หม่อน เพราะฉะนั้นเขาจะมาทำงานกับเราด้วยใจ ทำให้การทำงานของเราเป็นไปอย่างราบรื่น และมีความสุข”

แผนที่การเดินทางสำหรับมาสวนแม่หม่อน

หากท่านใดสนใจอยากมาท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่สวนแม่หม่อน พร้อมลิ้มรสชาติไอศกรีมวานิลลาแท้ๆ สามารถติดต่อได้ที่เบอร์โทร. 081-304-0980 หรือติดต่อได้ที่เพจเฟซบุ๊ก : สวนแม่หม่อน