ผู้เขียน | สุรเดช สดคมขำ |
---|---|
เผยแพร่ |
ด้วงสาคูนิยมบริโภคระยะตัวอ่อนหรือตัวหนอน ซึ่งสามารถประกอบอาหารได้หลายเมนู และยังเป็นอีกหนึ่งงานสร้างรายได้ที่กำลังมองหาอาชีพเสริม เหมือนเช่น คุณเยาวเรศ เชื้อทอง หรือ คุณผึ้ง ชาวจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้นำด้วงสาคูมาโดยเธอได้มีการพัฒนาการเลี้ยงอย่างเป็นระบบ จนสามารถทำการเลี้ยงได้แบบเต็มรูปแบบที่นอกจากขายตัวอ่อน คุณผึ้งยังพัฒนาการเลี้ยงจนสามารถสร้างเป็นพ่อแม่พันธุ์ ขายให้กับลูกค้ารายอื่นที่สนใจอีกด้วย
คุณผึ้ง เล่าให้ฟังว่า อาชีพหลักที่ทำอยู่คือค้าขาย ต่อมาได้มาโอกาสเห็นเพื่อนที่สนิทเลี้ยงด้วงสาคูขาย ช่วงนั้นคุณผึ้งยังไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก เพราะรู้สึกกลัวและยังไม่กล้าสัมผัส แต่เมื่อกระแสความนิยมของการบริโภคกำลังเป็นที่ต้องการของตลาด คุณผึ้งจึงต้องการที่จะสร้างรายได้จึงเรียนรู้การเลี้ยงอย่างจริงจังจนประสบผลสำเร็จ
“ยุคนี้อย่างที่เรารู้กันดี เป็นยุคที่ต้องมีอาชีพเสริมสำรองไว้ พอเห็นโอกาสว่าน่าจะเลี้ยง จึงได้ไปศึกษาการเลี้ยงพร้อมทั้งศึกษาข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ทางออนไลน์ จนสามารถเลี้ยงได้ดี ทีนี่ก็มาขยับขยายการเลี้ยงที่บ้าน มีลูกค้าเข้ามาติดต่อขอซื้ออยู่เรื่อยๆ ทำให้เรามั่นใจว่าน่าจะขายได้ จึงเป็นจุดเริ่มต้นให้เลี้ยงและพัฒนาสร้างเป็นพ่อแม่พันธุ์ขายเองด้วย” คุณผึ้ง บอก
ในขั้นตอนของการเลี้ยงด้วงสาคู คุณผึ้ง บอกว่า อาหารสำหรับเลี้ยงมีด้วยกันอยู่ 2 ชนิด 1. อาหารที่ได้จากต้นสาคูโดยตรง และ 2. เลี้ยงด้วยอาหารที่เป็นมันสำปะหลังตากแห้งพร้อมกับแช่น้ำทิ้งไว้ 2 คืน ส่วนประกอบอื่นๆ ที่ใช้เลี้ยงก็จะมีกาบมะพร้าวสับและไม่สับ กากน้ำตาล รำอ่อน
จากนั้นเตรียมพ่อแม่พันธุ์ที่มีอายุ 3 เดือนขึ้นไปมาใส่ลงในกะละมังที่เตรียมไว้ อัตราส่วนพ่อพันธุ์ 5 ตัวต่อแม่พันธุ์ 5 ตัว พร้อมกับใส่อาหารและส่วนประกอบอื่นๆ ตามลงไปในกะละมังด้วยเช่นกัน ประกอบด้วยกาบมะพร้าว หัวอาหารหมู มันสำปะหลัง และน้ำเปล่า 1 ขัน ในอัตราส่วน 1 ต่อ 1 พร้อมกับปิดด้านบนให้สนิทปล่อยทิ้งไว้ 15 วัน จะเปิดกะละมังออกมาดู เมื่อเห็นพ่อแม่พันธุ์ผสมจนเกิดเป็นตัวหนอนลูกด้วงออกมาแล้ว ก็จะย้ายพ่อแม่พันธุ์ไปผสมในกะละมังอื่นๆ ต่อไป โดยพ่อแม่พันธุ์ 1 คู่ สามารถให้ตัวอ่อนได้ประมาณ 3-4 รุ่นทุก 15 วัน
“หลังจากที่ตัวอ่อนออกมาแล้ว ช่วงนี้เราก็จะดูแลตัวอ่อนให้โตขึ้น โดยจะเลี้ยงด้วยผลไม้ที่เราหาได้ในพื้นที่ ใส่อาหารลงไปในกะละมังเพื่อให้ตัวอ่อนเติบโตเต็มที่ โดยอายุของตัวหนอนด้วงสาคู เราจะเลี้ยงให้มีอายุประมาณ 45 วัน เป็นไซซ์ตัวหนอนที่โตเต็มที่เราก็สามารถคัดแยกออกจากกะละมัง แล้วนำส่งขายได้ทันที ส่วนแมลงศัตรูที่ต้องระวังของตัวด้วงอ่อนก็จะเป็นพวงแมลงวันลาย เราต้องป้องกันให้ดีอย่าให้เข้าไปในกะละมังได้” คุณผึ้ง บอก
เรื่องของการทำตลาดเพื่อขายตัวหนอนด้วงสาคู คุณผึ้ง บอกว่า ส่วนใหญ่ลูกค้าในพื้นที่เมื่อรู้ว่าคุณผึ้งมีการเลี้ยง ก็จะเข้ามาติดต่อขอซื้อถึงภายในบ้าน เพื่อนำไปประกอบอาหารได้หลายเมนู ไม่ว่าจะเป็นด้วงทอด แกงด้วงสาคูใส่หน่อไม้ และอื่นๆ อีกมากมาย แล้วแต่ผู้บริโภคจะรังสรรค์เมนู และอีกส่วนหนึ่งจะมีพ่อค้าแม่ค้าเข้ามาติดต่อขอซื้อเพื่อนำไปจำหน่ายต่อในพื้นที่อื่นๆ
ราคาด้วงสาคูที่เป็นตัวอ่อนสำหรับนำไปประกอบอาหาร ขายอยู่ที่กิโลกรัมละ 200-250 บาท และเมื่อการเลี้ยงของคุณผึ้งมีการพัฒนามากขึ้น จึงได้เพาะพ่อแม่พันธุ์เองโดยที่ไม่ต้องไปซื้อจากฟาร์มอื่น คุณผึ้งจึงมีชุดพ่อแม่พันธุ์ทดลองเลี้ยงให้กับผู้ที่สนใจเพื่อทดลองเลี้ยง ขายอยู่ที่ชุดละ 300 บาท ใน 1 ชุด ประกอบด้วยพ่อแม่พันธุ์และอาหารเลี้ยงที่เตรียมไว้ให้ เมื่อลูกค้าซื้อไปสามารถทดลองเลี้ยงและเก็บตัวอ่อนได้ทันที
“ตอนนี้ก็ถือว่าการเลี้ยงหนอนด้วงสาคูค่อนข้างสร้างรายได้ดีทีเดียว อย่าง 1 อาทิตย์ ก็จะจับขายได้ทันที มีรายได้ทั้งอาทิตย์ ถือว่าตลาดค่อนข้างเป็นที่นิยม สำคัญใครที่สนใจอยากจะเลี้ยงก็ลองเลี้ยงดูได้ การเลี้ยงไม่มีอะไรที่ยุ่งยาก เพียงแต่เราต้องมีอาหารที่เพียงพอให้ตัวด้วงกิน มีการจัดการที่ดี การเลี้ยงด้วงสาคูก็เป็นอีกหนึ่งอาชีพเสริมที่ดี” คุณผึ้ง บอก
สำหรับท่านใดสนใจในเรื่องของการเลี้ยงด้วงสาคู สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณเยาวเรศ เชื้อทอง หรือ คุณผึ้ง อยู่หมู่ที่ 1 ตำบลซับเปิบ อำเภอวังโป่ง จังหวัดเพชรบูรณ์ หมายเลขโทรศัพท์ 080-128-4789