เช็กลิสต์ต้นไม้ไทย ส่งออกซาอุดีอาระเบีย

ซาอุดีอาระเบีย ได้ชื่อว่าเป็นผู้ค้าน้ำมันอันดับ 1 ของโลก ล่าสุดซาอุดีอาระเบียไม่ได้หวังเพียงแค่ต้องการพลิกฟื้นทะเลทรายเป็นพื้นที่สีเขียว แต่เตรียมมุ่งเป้าบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net zero) เพื่อลดโลกร้อน ก้าวสู่การเป็นประเทศผู้นำสีเขียว

ซาอุดีอาระเบียจะนำเข้าต้นไม้จากทั่วโลกรวมถึงไทย เพื่อเปลี่ยนพื้นที่เสื่อมโทรมให้กลับมามีชีวิตชีวา โดยการปลูกต้นไม้ 10,000 ล้านต้น และร่วมสนับสนุนผลักดันโครงการปลูกต้นไม้ 50,000 ล้านต้น ทั่วภูมิภาคตะวันออกกลาง เพื่อให้บรรลุตามนโยบายซาอุดีอาระเบียสีเขียว (The Saudi Green Initiative)

ปัจจุบันประเทศไทยได้ส่งต้นไม้ไปยังซาอุดีอาระเบียแล้วกว่า 200,000 ต้น และถือว่ายังมีโอกาสให้ไทยส่งออกต้นไม้ไปยังซาอุดีอาระเบียได้อีกมาก ซึ่งซาอุดีอาระเบียจะร่วมมือกับกลุ่มประเทศความร่วมมืออ่าวอาหรับ หรือกลุ่มประเทศ GCC (Gulf Cooperation Council) และประเทศหุ้นส่วนอื่นๆ ในการปลูกต้นไม้ในเอเชียตะวันตกเพิ่มอีก 40,000 ล้านต้น

สำหรับการส่งออกต้นไม้ไปยังซาอุดีอาระเบียนั้น ต้องทำความเข้าใจรายละเอียดเกี่ยวกับสเปกของต้นไม้ที่จะส่งไปอย่างละเอียด และต้องพิจารณาต้นไม้ที่ทางซาอุดีอาระเบียต้องการใช้จริงด้วย

โดยหลักๆ ต้นไม้ที่ทางซาอุดีอาระเบียต้องการส่วนใหญ่เป็นไม้ต้น ไม่ใช่พันธุ์กล้าไม้ ตั้งแต่ไม้สูง ไม้กลาง ไม้เตี้ย และไม้เรี่ยดิน ซึ่งจะมีขนาดของต้นไม้แยกไปอีกว่า จะเป็นต้นไม้ขนาดใหญ่ ขนาดกลาง หรือขาดเล็ก ที่เหมาะสมกับสถานที่ปลูกต่างๆ ตามความต้องการของซาอุดีอาระเบีย เช่น ไม้ที่ปลูกในสวนพฤกษศาสตร์ ประดับถนน หรือประดับสวน

ต้นไม้ที่ส่งออกไปส่วนใหญ่จะมีสายพันธุ์ไหนกันบ้าง วันนี้เทคโนโลยีชาวบ้านรวบรวมต้นไม้ที่ส่งออกมากที่สุดในไทยไปซาอุดีอาระเบีย

นนทรี (Peltophorum pterocarpum, Yellow poinciana)
นนทรี (Peltophorum pterocarpum, Yellow poinciana)

นนทรี 

เชื่อว่านนทรีเป็นต้นไม้ที่สำคัญมาก ปลูกแล้วมีความเป็นสิริมงคล เป็นต้นไม้ขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ มีถิ่นกำเนิดในประเทศอินเดียและประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศไทยด้วย โดยในประเทศไทยนั้นสามารถพบได้ทั่วไปตามชายป่าเต็งรัง หรือป่าเบญจพรรณในภาคตะวันออก ภาคอีสาน และภาคเหนือ

วิธีการปลูก

  1. ขั้นตอนแรกเพาะเมล็ดนนทรี และหลังจากที่เพาะเมล็ดได้แล้วประมาณ 7 วัน เมล็ดก็จะเริ่มงอกให้เห็นต้นอ่อน
  2. ทำการย้ายต้นกล้าลงชำต่อในถุงเพาะชำ แล้วรดน้ำใส่ปุ๋ย
  3. ดูแลจนกระทั่งถึง 3 เดือน ต้นกล้าจะสูงประมาณ 7-8 นิ้ว จากนั้นก็ทำการย้ายต้นกล้าลงในหลุมเพื่อทำการปลูก
  4. ขุดหลุมให้ได้ขนาดพอเหมาะกับต้นกล้า (ระยะการปลูกที่เหมาะสม 4-10 เมตร) เสร็จแล้วนำต้นกล้าลงปลูกในหลุมที่ขุดไว้
  5. กลบดินลงไปให้หมดและทำการใส่ปุ๋ย เสร็จแล้วก็รดน้ำ

ประโยชน์

ปลูกเป็นไม้ประดับช่วยเพิ่มความสวยงามและเสริมสิริมงคลให้กับสถานที่นั้นๆ ได้เนื้อไม้ของนนทรีสามารถนำไปแปรรูปเป็นเฟอร์นิเจอร์หรือใช้ในงานก่อสร้างบ้านได้อย่างมั่นคง เปลือกลำต้นสามารถนำไปต้มย้อมผ้าได้ เพื่อให้ผ้านั้นมีสีส้มอมชมพูหรือน้ำตาลอมชมพู

ราคาต่อต้น ถ้าเป็นต้นกล้านนทรีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 30-50 บาท ถ้าความสูงประมาณ 6 เมตร ราคาเฉลี่ย 6,000 บาทต่อต้น

ชมพูพันธุ์ทิพย์ (Tabebuia rosea)
ชมพูพันธุ์ทิพย์ (Tabebuia rosea)

ชมพูพันธุ์ทิพย์ 

เป็นไม้ที่มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกากลาง และอเมริกาใต้ เป็นต้นไม้ขนาดกลาง ผลัดใบ ความสูงประมาณ 8-25 เมตร แตกกิ่งแผ่กว้างเป็นชั้น เรือนยอดรูปไข่หรือทรงกลม ลำต้นขนาดใหญ่ เปลือกลำต้นเรียบสีน้ำตาลหรือสีเทา แต่เมื่อมีอายุมากเปลือกลำต้นจะแตกเป็นร่อง กิ่งเปราะหักง่าย

วิธีการปลูก

เป็นพันธุ์ไม้ที่นิยมปลูกด้วยการเพาะเมล็ด เพราะปลูกง่าย โตเร็ว แถมยังมีรากแก้วที่แข็งแรงไว้ช่วยในการป้องกันการโค่นล้ม ขึ้นได้ในดินแทบทุกชนิด แต่ส่วนใหญ่จะชอบดินที่ระบายน้ำและระบายอากาศได้ดีเป็นพิเศษ สิ่งสำคัญที่ควรทราบประการแรกคือ หากต้องการปลูกในบริเวณรั้วบ้านควรปลูกให้ห่างจากตัวบ้านอย่างน้อย 4-6 เมตรขึ้นไป เพื่อป้องกันรากชอนไชและกิ่งก้านหักทำให้โครงสร้างบ้านเสียหายหรือคนในบ้านเกิดอันตราย เป็นไม้ที่โตไว ขึ้นได้ง่าย 

ประโยชน์

เพื่อเป็นต้นไม้ให้ร่มเงากำบังแดด และแถมยังมีสีดอกที่สวยงาม เวลาออกดอกจะบานสะพรั่ง เห็นแต่สีชมพูของดอก ใบใช้ต้มแก้เจ็บท้องหรือท้องเสีย ตำให้ละเอียดใส่แผล ลำต้นใช้ทำฟืน และเยื่อไม้ใช้ทำกระดาษได้ด้วย

ราคาจำหน่ายต้นกล้า ชมพูพันธุ์ทิพย์ที่เพาะจากเมล็ด ความสูงประมาณ 60-80 เซนติเมตร จะมีราคาอยู่ที่ประมาณ 100-150 บาท

ราชพฤกษ์ (Cassia fistula)
ราชพฤกษ์ (Cassia fistula)

ราชพฤกษ์ 

เป็นพรรณไม้ขนาดกลาง มีลักษณะลำต้นสีน้ำตาลแกมเทา เกิดขึ้นทั่วไปในดินที่มีการถ่ายเทน้ำได้ดี นอกจากจะพบในประเทศไทยของเราแล้ว ยังสามารถพบเจอได้ทั่วไปในประเทศศรีลังกา อินเดีย และพม่า ไปจนถึงตอนใต้ของปากีสถาน ซึ่งเป็นพืชเมืองในแถบเอเชียทางตอนใต้

วิธีการปลูก

สามารถเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว ในดินที่ระบายน้ำได้ดี แนะนำให้ขุดหลุมขนาด 50×50 เซนติเมตร และมีความลึกประมาณ 50 เซนติเมตร นิยมการขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด ต้องการน้ำน้อย ควรให้น้ำ 7-10 วันต่อ 1 ครั้ง เมื่อมีอายุ 4 ปีขึ้นไปสามารถทนทานต่อสภาพอากาศได้ดี เจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนซุย หรือดินที่สามารถระบายน้ำได้ดี อาจใช้ดินปนทราย หรือดินร่วนปนดินเหนียว นิยมใช้ปุ๋ยคอกบำรุง หรือปุ๋ยหมัก โดยใช้อัตรา 2-3 กิโลกรัมต่อต้น และควรใส่ปุ๋ยอย่างน้อย 3-4 ครั้งต่อปี

ราคาเริ่มต้นหากมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1-2 นิ้ว จะจำหน่ายในราคาต้นละ 200 บาทโดยประมาณ แต่หากมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2-5 นิ้ว จำหน่ายในราคา 400 บาทโดยประมาณ

ชงโค (Bauhinia purpurea)
ชงโค (Bauhinia purpurea)

ชงโค 

ไม้ยืนต้นสูงชนิดหนึ่งขนาดไม่ใหญ่มาก โดยเป็นต้นไม้ที่ถือได้ว่าโตเร็ว ที่ปลูกในเวลา 1-2 ปี สามารถโตได้ถึง 2-3 เมตร แต่เนื่องจากเป็นไม้ยืนต้นขนาดไม่ใหญ่โตมาก สูงเต็มที่ก็ไม่เกิน 20 เมตร จึงกินพื้นที่ปลูกไม่มาก อีกทั้งยังมีรูปทรงเป็นพุ่มไม่แผ่กิ่งก้านกว้างออกไปมากนัก ควรปลูกไว้ทางทิศตะวันตกซึ่งจะช่วยดูดซับความร้อนและใช้ร่มเงาในการหลบแดดให้กับตัวบ้านได้เป็นอย่างดี และควรจะปลูกห่างจากตัวบ้านไม่น้อยกว่า 4-5 เมตรขึ้นไป

วิธีการปลูก

ชงโคสามารถปลูกได้โดยการใช้เมล็ด หรือการตอนกิ่ง และปักชำ สำหรับเมล็ดที่ใช้ในการเพาะ ควรเป็นเมล็ดที่ได้จากฝักแห้ง ทั้งที่แห้งบนต้นหรือฝักที่ร่วงแล้ว ซึ่งจะเก็บได้ประมาณช่วงเดือนก่อนถึงปลายปี ซึ่งโดยทั่วไปจะนิยมใช้วิธีการเพาะเมล็ด เพราะง่ายและสะดวกกว่าวิธีอื่น 

ราคาต้นละ 200-300 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดและสายพันธุ์ ส่วนราคาจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ชงโคจะอยู่ที่ราวๆ 20 เมล็ดต่อ 50 บาท

สะเดา (Azadirachta indica)
สะเดา (Azadirachta indica)

สะเดา

ไม้โตเร็วสูงใหญ่ ลำต้นเปลาตรง สูงถึง 30-40 เมตร มักพบเห็นจำนวนมากทางตอนใต้ของประเทศไทย อีกทั้งยังมีเนื้อไม้ที่คุณภาพดี ทนทานต่อมอดและปลวก ซึ่งไม่สามารถทำลายเนื้อไม้ได้ ด้วยเหตุนี้จึงสามารถนำไม้สะเดาเทียมมาแปรรูปใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย

วิธีการปลูก

ดินที่ใช้ในการเพาะควรเป็นดินร่วนปนดินทราย มีการระบายน้ำและอากาศได้ดี ต้นสะเดาสามารถเจริญเติบโตได้ดีทั้งในพื้นที่ราบและที่ลาดชัน มีอัตราการเจริญเติบโตเฉลี่ยปีละประมาณ 8-10 เซนติเมตร ในช่วง 10 ปีแรก จะมีอัตราการเจริญเติบโตที่เร็วมาก 

ประโยชน์

มีเนื้อไม้คุณภาพดี สามารถนำมาแปรรูปเป็นสิ่งของเครื่องใช้ได้หลากหลาย เมื่อไม้เทียมอายุประมาณ 7-8 ปี สามารถนำมาแปรรูปได้ หรือจะนำไปแกะสลักสร้างมูลค่าเพิ่มก็เป็นไอเดียที่น่าสนใจ และด้วยความที่เนื้อไม้สะเดาเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างมากในปัจจุบัน ถึงส่งผลให้มีราคาสูงตามไปด้วย

ราคาประมาณ 15-20 บาทต่อต้นที่ความสูงประมาณ 40-50 เซนติเมตร 

ศรีตรัง (Jacaranda mimosifolia)
ศรีตรัง (Jacaranda mimosifolia)

ศรีตรัง

ต้นไม้ยืนต้นมีดอกสีม่วงคราม สามารถปลูกได้ทุกสภาพอากาศ แต่จะปลูกได้ดีในอาการเย็นและแสงแดดตลอดวัน ปลูกเป็นไม้ประดับสูง 4-10 เมตร เรือนยอดโปร่ง เปลือกต้นสีน้ำตาลปนเทา หรือน้ำตาลอมขาว เกลี้ยงและเรียบ แตกล่อนเป็นแผ่นบางตามยาวคล้ายกระดาษ

วิธีการปลูก

ดินที่ใช้หรือเหมาะคือดินร่วน แต่ก็สามารถขึ้นได้ในดินทุกชนิด ที่มีอินทรียวัตถุสูง ระบายน้ำดีควรมีการรดน้ำปานกลางถึงมาก พอให้ดินมีความชื้นพอสมควร แต่ไม่แนะนำให้น้ำขังเพราะจะทำให้รากเน่า ต้นศรีตรังเป็นไม้กลางแจ้ง ชอบแสงแดดจัด ตลอดวัน สามารถปลูกเป็นไม้ให้ร่มเงาได้

ราคาเริ่มต้นก็อยู่ที่ประมาณ 15 บาท หรือสำหรับใครที่ต้องการเป็นต้นไม้ที่พร้อมให้ร่มเงา และอยากได้เป็นลักษณะของไม้ล้อม โดยมีขนาดประมาณขนาด 2-3 นิ้ว สูง 2-3 เมตร ราคาเริ่มต้นก็อยู่ที่ประมาณ 2,800 บาท 

นอกจากที่กล่าวมาข้างต้น ยังมีต้นไม้ 38 สายพันธุ์ที่ซาอุดีอาระเบียต้องการ ประกอบไปด้วย 

1. ชมพูพันธุ์ทิพย์ (Tabebuia rosea)
2. นนทรี (Peltophorum pterocarpum, Yellow poinciana)
3. พุทราจีน (Ziziphus jujuba)
4. ศรีตรัง (Jacaranda mimosifolia)
5. หูกวาง (Terminalia catappa)
6. อรชุน (Terminalia arjuna, Arjuna Tree)
7. ไทรย้อยใบแหลม (Ficus benjamina, Weeping fig)
8. พฤกษ์ (Albizia lebbeck)
9. ยี่เข่ง (Lagerstroemia indica)
10. งิ้ว (Bombax cebia, Red kapok tree)
11. หางนกยูงฝรั่ง (Delonix regia)
12. มัลเบอร์รี (Morus nigra, Blackberry)
13. มะรุม (Moringa oleifera)

14. เลี่ยน (Melia azedarach)
15. มะเดื่อ (Ficus carica, Fig)
16. เลม่อน (Citrus limon)
17. ส้มซ่า (Citrus aurantium)
18. คารอบ (Ceratonia siliqua, Carob Tree)
19. ส้มแมนดาริน (Citrus reticulata, Mandarin orange)
20. มะตูมซาอุ (Schinus terebinthifolius)

21. กระถินเทพา (Acacia mangium)
22. หยีน้ำ (Millettia pinnata)
23. นิโครธ (Ficus benghalensis)
24. ชัยพฤกษ์ (Cassia javanica)
25. ก้ามปู (Albizia saman)
26. ปีบ (Millingtonia hortensis, Tree jasmine)
27. เสี้ยวดอกขาว (Bauhinia variegate)

28. ชงโค (Bauhinia purpurea)
29. ราชพฤกษ์ (Cassia fistula)
30. มะขามเทศ (Pithecellobium dulce)
31. มะกอกโอลีฟ (Olea europaea, Olive)
32. โพ (Ficus religiosa, Sacred fig)
33. สะเดา (Azadirachta indica)

34. มะขาม (Tamarindus indica)
35. โพทะเล (Thespesia populnea)
36. กร่าง (Ficus altissima)
37. ปอทะเล (Hibiscus tiliaceus, Seacoast mallow)
38. ทามาริสก์ (Tamarix aphylla, Athel pine)

โดยเน้นการเสริมสร้างเศรษฐกิจที่มีความสมดุล รักษาสิ่งแวดล้อม และสร้างความมั่นคงทางอาหาร และเน้นการบูรณาการทรัพยากรธรรมชาติทั้ง 5 อย่าง ได้แก่ ระบบนิเวศ ดิน ป่าไม้ ที่ดิน และน้ำ ยึดหลักเกษตรอินทรีย์ เกษตรทฤษฎีใหม่ เกษตรผสมผสาน เกษตรธรรมชาติ และวนเกษตร หากสามารถเปิดตลาดได้ คาดว่าน่าจะเป็นโอกาสในการขยายการส่งออกของไทยในอนาคต

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : https://kaset.today/ https://puechkaset.com / https://www.thansettakij.com/business/economy/569373