ผลไม้ภาคใต้ฮวบ 30% สูญรายได้ 7,000 ล้าน

อากาศแปรปรวนหนักทำผลไม้ใต้ออกน้อย ทุเรียน มังคุด เงาะ ผลผลิตหายกว่า 30% คาดสูญรายได้ 7,000 ล้านบาท ลองกองหนักสุดผลผลิตฮวบ 80% เหตุลดพื้นที่ปลูก ชี้ราคาผลไม้อาจสูงขึ้นชดเชยผลผลิตลด ราคาหน้าสวนล่าสุด ทุเรียน 70-80 บาท/กิโลกรัม มังคุด 30-40 บาท

นายหวน ทนงาน นักวิชาการเกษตรชำนาญการพิเศษ สำนักส่งเสริมและพัฒนาเกษตรเขตที่ 5 จังหวัดสงขลา (สสก.ที่ 5) เปิดเผยว่า คณะกรรมการจัดทำข้อมูลบริหารจัดการผลไม้ภาคใต้ สรุปผลการประชุมเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคมที่ผ่านมา ถึงสถานการณ์ผลไม้ภาคใต้หลักๆ 4 ชนิด ได้แก่ ทุเรียน มังคุด เงาะ และลองกอง ว่าช่วงเดือนสิงหาคมถือเป็นช่วงที่ผลไม้ คือ ทุเรียน มังคุด และเงาะ ผลผลิตออกมามาก และจะหมดประมาณปลายเดือนกันยายนถึงเดือนตุลาคม ขณะที่ลองกองที่ออกมากเดือนกันยายน และจะไปสิ้นสุดเดือนพฤศจิกายน โดยภาพรวมเก็บเกี่ยวแล้ว 42 เปอร์เซ็นต์ ลองกองเก็บเกี่ยวแล้ว 1.2 เปอร์เซ็นต์

สำหรับในปี 2560 นี้ การประมาณการผลไม้ทั้ง 4 ตัวหลัก ทุเรียน มังคุด เงาะ และลองกอง แบ่งเป็น ผลผลิตทุเรียนกว่า 170,000 ตัน มังคุดกว่า 50,000 ตัน เงาะ จำนวน 46,000 ตัน ลองกองเหลือประมาณ 14,000 ตัน โดยภาพรวมได้หดหายไปประมาณ 34 เปอร์เซ็นต์ หรือประมาณกว่า 150,000 ตัน
เมื่อเทียบกับปี 2559 ที่ได้ผลผลิตรวมประมาณ 440,000 กว่าตัน แบ่งเป็น ทุเรียนให้ผลผลิตประมาณ 220,000 ตัน ซึ่งมีพื้นที่ปลูกประมาณ 400,000 ไร่ มังคุด ประมาณ 88,000 ตัน จำนวน 250,000 ไร่ เงาะ ประมาณ 66,000 ตัน พื้นที่ 120,000 ไร่ และลองกอง ประมาณ 69,000 ตัน จากพื้นที่ปลูกประมาณ 230,000 ไร่ ทั้งนี้ สาเหตุมาจากผลไม้ได้รับผลกระทบจากภาวะภูมิอากาศแปรปรวน และฝนที่ตกมาอย่างต่อเนื่อง ส่วนลองกองที่หายไปเกือบ 80 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากการลดพื้นที่ปลูกทั่วภาคใต้ โดยเฉพาะ 3 จังหวัดชายแดนใต้
อย่างไรก็ตาม ราคาผลไม้ไม่ได้สูงกว่าปีที่ผ่านมามากนัก ปัจจุบันราคาทุเรียนอยู่ที่ประมาณ 70-80 บาท/กิโลกรัม มังคุด เบอร์ 1 ราคา 30-40 บาท/กิโลกรัม ราคาใกล้เคียงกับปีที่แล้ว ส่วนเงาะ ราคา 25-30 บาท/กิโลกรัม สูงกว่าปีที่แล้ว ที่ราคาประมาณ 15-22 บาท/กิโลกรัม โดยตลาดปัจจุบันส่งล้งที่รวมตัวกันอยู่ที่อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร ซึ่งเป็นจุดกระจายสินค้าส่งออกไปต่างประเทศ และกระจายภายในประเทศด้วย

นายหวน กล่าวอีกว่า จากผลผลิตที่ลดลงทำให้เงินหมุนที่เคยสะพัดได้หายไปประมาณกว่า 7,500 ล้านบาท จากผลไม้ที่ได้หายไปกว่า 150,000 ตัน โดยราคาเฉลี่ยประมาณอยู่ที่ 40-50 บาท/กิโลกรัม เทียบกับปี 2559 ที่ผลไม้ของภาคใต้มียอดเงินหมุนสะพัดประมาณ 22,000 ล้านบาท สำหรับมาตรการแก้ปัญหานั้น ราคาขายผลไม้อาจเขยิบสูงขึ้น เพื่อชดเชยเม็ดเงินที่ขาดหายไป

ด้าน นายหร้อเฉด ขุนจันทร์ พ่อค้าผลไม้รายใหญ่รายหนึ่ง จังหวัดพัทลุง เปิดเผยว่า ในเดือนสิงหาคมทุกปีจะเป็นฤดูการเก็บเกี่ยวผลไม้ มังคุด เงาะ ทุเรียน แต่ปรากฏว่าปีนี้ในพื้นที่จังหวัดพัทลุง ผลไม้มีปริมาณน้อย ไม่สามารถซื้อขายเป็นล็อตใหญ่ได้ ทำให้กลุ่มของตนเองที่เคยมีเงินหมุนสะพัดไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท เงินก็หายไป

ขอบคุณข้อมูลจากประชาชาติธุรกิจ