“โกโก้ภาคใต้” พุ่ง 12 บาท/กก. เอกณรงค์ซื้อส่งอาลีบาบา-โรงงานแปรรูปไม่อั้น

บริษัท เอกณรงค์ฯ ประกาศรับซื้อผลผลิตโกโก้ทั่วภาคใต้ไม่จำกัดจำนวน หลังได้ลูกค้ารายใหญ่ “โรงงานอุตสาหกรรมแปรรูปกาแฟ” และยักษ์ “อาลีบาบา” รับซื้อ ส่งผลราคา “โกโก้” ไซซ์ใหญ่ ราคาพุ่งเป็น 10-12 บาทต่อกิโลกรัม ผลแห้ง 250 บาทต่อกิโลกรัม ชี้ผลผลิตราคาดีต้องได้มาตรฐานที่กำหนด

นายจีระวัฒน์ ภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอกณรงค์ หมากไทย จำกัด ผู้รับซื้อผลผลิตทางการเกษตรหลากหลายชนิด เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้ทางบริษัทได้เปิดรับซื้อโกโก้ทั่วพื้นที่ภาคใต้ไม่จำกัดจำนวน เพื่อส่งเข้าสู่โรงงานอุตสาหกรรมแปรรูปกาแฟ และบริษัทอาลีบาบา (Alibaba) ประเทศจีน

ซึ่งมีความต้องการผลผลิตโกโก้ที่มีคุณภาพจำนวนมาก โดยมาตรฐานที่ลูกค้ากำหนดต้องมีน้ำหนักลูกละ 500 กรัมขึ้นไป เพราะจะมีเมล็ดข้างในที่ได้ขนาดมาตรฐาน โดยโกโก้สดจะรับซื้อราคาประมาณ 10-12 บาทต่อกิโลกรัม ส่วนโกโก้แห้งรับซื้อราคา 250 บาทต่อกิโลกรัม

ที่ผ่านมามีตัวเลขการขายพันธุ์โกโก้ให้เกษตรกรเป็นหลักแสนต้นในแต่ละจังหวัด เช่น จังหวัดพัทลุง สตูล ตรัง และนครศรีธรรมราช แต่เมื่อผลผลิตออกจำนวนมากกลับไม่มีตลาดรองรับ ทำให้มีปล่อยทิ้งต้นโกโก้ไม่มีการดูแล บางรายโค่นต้นทิ้ง หันไปปลูกพืชเศรษฐกิจอย่างอื่นแทน ตอนนี้บริษัท เอกณรงค์ฯ มีตลาดรองรับ และพร้อมเปิดรับซื้อโกโก้ได้ตลอด

“อยากให้เกษตรกรที่มีต้นโกโก้อยู่อย่าโค่นต้นทิ้ง และเตรียมการฟื้นฟูบำรุงน้ำ ปุ๋ย เนื่องจากต้นโกโก้ที่มีอายุมากขึ้นจะให้ผลผลิตที่มีคุณภาพ โดยผลผลิตจะมีน้ำหนักลูกละเกิน 1 กิโลกรัม ซึ่งต้นโกโก้เมื่อได้ดูแลอย่างถูกต้องจะให้ผลผลิตที่ได้ระดับมาตรฐาน เกษตรกรจะมีรายได้ที่ดี อย่างไรก็ตาม ในประเทศไทยผลผลิตโกโก้ยังขาดแคลนหลายหมื่นตันต้องนำเข้าจากต่างประเทศ”

ทั้งนี้ อยากให้เกษตรกรผู้ปลูกโกโก้นำผลผลิตมารวมกลุ่มกันขายให้ได้ปริมาณ 100-200 กิโลกรัมขึ้นไป เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้รับซื้อในการขนส่ง โดยเกษตรกรที่ต้องการขายโกโก้สามารถติดต่อมายังบริษัท เอกณรงค์ฯ ได้โดยตรง หรือผ่านตัวแทนในพื้นที่ได้

นายนัน ชูเอียด เจ้าของสวนนันประภา บ้านในกอย ตำบลหนองธง อำเภอป่าบอน จังหวัดพัทลุง เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาในจังหวัดพัทลุงมีการปลูกโกโก้ประมาณ 500,000 ต้น แต่เมื่อให้ผลผลิตแล้วไม่มีตลาดรองรับ เกษตรกรบางส่วนจึงโค่นทิ้ง ส่วนที่ยังอยู่ก็ปล่อยทิ้งไม่ได้บำรุง แต่สำหรับในกลุ่มเครือข่ายตนเองยังมีเหลือประมาณ 10,000 ต้น ต้องการให้เกษตรกรฟื้นฟูดูแลรักษาให้น้ำ ปุ๋ย เพราะมีตลาดรับซื้อแล้ว แต่ตอนนี้ไม่มีผลผลิตโกโก้ขายให้เพียงพอกับความต้องการของบริษัทที่จะเข้ามารับซื้อ

“ส่วนราคาขึ้นอยู่กับมาตรฐานขนาดผล เมล็ดน้ำหนัก และสายพันธุ์ น้ำหนัก 3 ขีดขึ้นไปราคารับซื้อประมาณ 3-4 บาทต่อกิโลกรัม ขนาดน้ำหนัก 5 ขีด ราคาประมาณ 5-7 บาทต่อกิโลกรัม และน้ำหนัก 1 กิโลกรัม รับซื้อราคาเกิน 12 บาทต่อกิโลกรัม

ทาง นายบุดคอรี ตาเย็บ เจ้าของสวนโกโก้ และเจ้าของจุดรับซื้อขายโกโก้ อำเภอป่าบอน จังหวัดพัทลุง เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า จังหวัดพัทลุงและจังหวัดใกล้เคียงปลูกโกโก้มาแล้วเป็นปีที่ 5 โดยขณะนี้ราคายังนิ่ง ขนาดผลน้ำหนัก 3 ขีดขึ้นไปอยู่ในระดับราคาประมาณ 8-10 บาทต่อกิโลกรัม ส่วนผลขนาดใหญ่น้ำหนัก 1 กิโลกรัม คนที่เข้ามารับซื้อต่อจะให้ราคาสูงมาก แต่จะหายากมาก

“ที่สวนจะเปิดรับซื้อทุก 15 วัน โดยรับซื้อทุกสายพันธุ์และทุกขนาด เดิมเคยซื้อขายได้ 700-1,000 กิโลกรัมต่อรอบ แต่ช่วงนี้เหลือ 300-400 กิโลกรัมต่อรอบ เพราะผลผลิตน้อยเนื่องจากภาวะแล้งจัด”

นายบุดคอรี กล่าวต่อไปว่า ตอนนี้หลายบริษัทเปิดรับซื้อ แต่การปลูกโกโก้ในพื้นที่ภาคใต้ส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรรายย่อย รายเล็ก และแต่ละรายอยู่ในพื้นที่ห่างกัน ผู้รับซื้อจะไม่เข้าไปรับซื้อ เพราะต้องเสียต้นทุนค่าขนส่งมาก จะไม่คุ้มทุน ดังนั้น จึงต้องการให้เกษตรกรนำผลผลิตมารวมกันให้ได้ปริมาณเป็นลอตใหญ่ๆ แล้วนัดผู้รับซื้อเข้าไปรับ

“การปลูกโกโก้ของเกษตรกรในพื้นที่ภาคใต้ ส่วนใหญ่เป็นการปลูกร่วมกับผลไม้อื่นๆ แต่ถ้าปลูกเชิงเดี่ยวก็มีทั้งขนาดตั้งแต่ 200-400 ต้นต่อไร่ โดยเฉลี่ยจะให้ผลผลิตประมาณ 20 กิโลกรัมต่อต้นต่อปี ถ้าปลูก 200 ต้น ประมาณ 4 ตันต่อไร่ต่อปี ถ้าปลูก 400 ต้นต่อไร่ จะได้ผลผลิตประมาณ 8 ตันต่อปี การปลูกโกโก้มีทิศทางอนาคตจะไปได้ แต่จะต้องดูแล รักษา มีระบบน้ำ ระบบการบำรุง ใส่ปุ๋ย” นายบุดคอรี กล่าว

เจ้าของสวนยางพาราเขตเทศบาลตำบลควนเสาธง อำเภอตะโหมด จังหวัดพัทลุง เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ที่ผ่านมามีคนที่เข้ามาขายต้นกล้าพันธุ์โกโก้ให้กับเกษตรกรเป็นจำนวนมาก บอกว่าหากโกโก้ให้ผลผลิตทางบริษัทจะเข้าไปเป็นผู้รับซื้อ แต่เมื่อปลูกและมีผลผลิตแล้ว กลับไม่มีตลาดรับซื้อ จึงมีการโค่นทิ้งไป และบางส่วนก็ยังมีการปล่อยทิ้ง

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ https://www.prachachat.net/local-economy/news-1523117