ชี้เอสเอ็มอีไทยเริ่มปรับตัว สร้างมูลค่าให้ธุรกิจแล้ว 5%

นายโชคอนันต์ บุษราคัมภากร นายกสมาคมนักออกแบบผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีผู้ประกอบการไทยโดยเฉพาะที่เป็นผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ที่ยอมปรับตัวและสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้าและบริการของตัวเองด้วยการนำความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมมาใช้ มีเพียง 5% ของผู้ประกอบการทั้งหมด ถือว่าเป็นจำนวนมากเมื่อเทียบกับการใช้งบประมาณด้านการวิจัยและพัฒนาของไทยทั้งภาคเอกชนและรัฐรวมกันที่มีไม่ถึง 1% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) จึงมีความจำเป็นที่ผู้ประกอบการไทยจะต้องปรับตัวสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้า บริการ และธุรกิจ จะผลิตและขายแบบเดิมๆ ได้ยาก เพราะการแข่งขันที่มากขึ้น คู่แข่งมาก พฤติกรรมผู้บริโภคที่นิยมซื้อขายและใช้บริการผ่านช่องทางดิจิทัล และบริโภคตามความต้องการส่วนตัวมากขึ้น

“ต้องเริ่มกล้าคิด ฝึกใช้ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ให้หลุดจากกรอบ เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ มองความผิดพลาดเป็นการต่อยอด เอาไอเดียเป็นที่ตั้งก่อน” นายโชคอนันต์ กล่าว

ม.ล. คฑาทอง ทองใหญ่ ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมนวัตกรรมและสร้างมูลค่าเพิ่มเพื่อการค้า กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (สค.) กล่าวว่า ขณะนี้ได้เริ่มทำโครงการสร้างมูลค่าเพิ่มของแบรนด์ให้กับเอสเอ็มอีไทยเพื่อ เจาะตลาดกลาง-บน หรือตลาดพรีเมียมในต่างประเทศ โดยนำร่องผลักดัน 10 ผู้ประกอบการในกลุ่มเฟอร์นิเจอร์ สปา สิ่งทอ เครื่องใช้ในครัวเรือน โดยจะนำร่องเจาะตลาดประเทศจีน โดยเฉพาะในมหานครเซี่ยงไฮ้ ซึ่งถือเป็นตลาดที่มีกำลังซื้อดีมากในขณะนี้ ตั้งเป้าภายใน 1 ปี บางแบรนด์ที่มีศักยภาพจะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้เป็น 100 เท่า

ขอบคุณข้อมูลจากมติชนรายวัน