นักวิจัยประมงไทยสุดเจ๋ง ทำคอลลาเจน ‘หนังปลานิล’

กรมประมงเปิดงานวิจัยเปลี่ยนเศษ “หนังปลานิล” เหลือทิ้ง เป็น “คอลลาเจน” คุณภาพสูง

นายอดิศร พร้อมเทพ อธิบดีกรมประมง กล่าวว่า กรมประมงได้ศึกษาวิจัยเพื่อหาแนวทางในการนำเศษเหลือทิ้งจากหนัง เกล็ด ครีบ และก้างปลานิล มาใช้ประโยชน์ โดยผลิตเป็นคอลลาเจน ซึ่งเป็นทางเลือกใหม่ในการแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่า และเป็นการช่วยลดปัญหาขยะที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ ปลานิลถือเป็นปลาน้ำจืดที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยจากข้อมูลในปี 2559 มีปริมาณผลผลิตปลานิลจากการเพาะเลี้ยงถึง 176,463 ตัน มีการส่งออกปลานิลและผลิตภัณฑ์กว่า 7,975.4 ตัน คิดเป็นมูลค่า 598.5 ล้านบาท โดยส่งออกในรูปแบบของเนื้อปลานิลแปรรูปแช่แข็งและแช่เย็น ถึงร้อยละ 38.1 ซึ่งการแปรรูปดังกล่าวนี้ทำให้เกิดเศษเหลือทิ้งจากหนัง เกล็ด ครีบ และก้างปลา ปริมาณมากถึงร้อยละ 50-70 ของวัตถุดิบเริ่มต้น

นายปวเรศวร์ อินทุเศรษฐ นักวิชาการผลิตภัณฑ์อาหารชำนาญการพิเศษ กองวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีอุตสาหกรรมสัตว์น้ำ กรมประมง นักวิจัยผู้ศึกษาวิจัย เรื่อง “การสกัดคอลลาเจนที่ละลายในกรดจากหนังปลานิล” กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันเศษเหลือทิ้งจากการแปรรูปสัตว์น้ำส่วนใหญ่ถูกใช้ในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์และการทำปุ๋ย ซึ่งนับว่ามีมูลค่าค่อนข้างต่ำ จึงมีแนวคิดที่จะนำเศษเหลือทิ้งจากปลานิลมาศึกษาวิจัยเพื่อเพิ่มมูลค่าให้สูงขึ้น ด้วยการสกัดเป็นคอลลาเจนเพื่อใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น เครื่องหนัง ยารักษาโรค วัสดุทางการแพทย์ เครื่องสำอาง อาหาร และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เป็นต้น ที่ผ่านมามีการศึกษาการสกัดคอลลาเจนจากหนังและก้างปลา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นปลาทะเล มีการศึกษาสกัดคอลลาเจนจากหนังปลาน้ำจืดน้อยมาก จึงนับเป็นความท้าทายของงานวิจัยชิ้นนี้ ซึ่งอาจใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาการใช้ประโยชน์เศษเหลือทิ้งจากสัตว์น้ำจืดชนิดอื่นๆ ได้ต่อไปในอนาคต

สำหรับขั้นตอนการศึกษาสกัดคอลลาเจนจากหนังปลานิลนั้น เริ่มต้นจากการนำหนังปลามากำจัดโปรตีนที่ไม่ใช่คอลลาเจนออกโดยการแช่ในสารละลายด่าง จากนั้นกำจัดไขมันในหนังปลาออกโดยใช้ตัวทำละลายอินทรีย์ แล้วจึงทำการสกัดคอลลาเจนโดยใช้กรดอะซิติก จากนั้นกรองเอาส่วนของเหลวมาตกตะกอนคอลลาเจนโดยการเติมเกลือ แล้วแยกตะกอนโดยใช้เครื่องหมุนเหวี่ยง และนำตะกอนคอลลาเจนที่ได้ไปทำให้บริสุทธิ์โดยการทำไดอะไลซิส แล้วจึงทำให้แห้ง จะได้เป็นคอลลาเจนบริสุทธิ์ที่มีคุณภาพ สามารถนำมาใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมต่างๆ ได้อย่างหลากหลาย โดยมีคุณสมบัติเทียบเท่าคอลลาเจนที่สกัดจากปลาทะเลและสัตว์บกทั่วไป

ซึ่งหนังปลานิลจำนวน 100 กรัม จะสามารถผลิตคอลลาเจนได้ปริมาณถึง 30 กรัม ทั้งนี้ งานวิจัยดังกล่าวยังมีการพัฒนาเพิ่มเติมต่อยอดทางความคิดอย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้ได้นำเอาเศษเหลือทิ้งส่วนอื่นๆ ของปลา เช่น เกล็ดมาสกัดเป็นคอลลาเจนได้อีกด้วย เพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่าและลดเศษเหลือทิ้งจากการแปรรูปสัตว์น้ำให้เหลือน้อยที่สุด

ทั้งนี้ หากภาคเอกชนรายใดต้องการนำงานวิจัยดังกล่าวไปพัฒนาขยายผลในเชิงอุตสาหกรรม เข้ามาหารือกับกรมประมงได้

ขอขอบคุณข้อมูลจาก หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันพฤหัสบดีที่ 7 – วันอาทิตย์ที่ 10 กันยายน 2560