ไฟเขียว รฟท.ตั้งบริษัทคุมทรัพย์สิน หวังรายได้ 3 แสนล้านใช้หนี้-บรอดแบนด์ เปิด พ.ย.นี้

ซูเปอรบอร์ดสั่ง 7 รัฐวิสาหกิจทำแผนขับเคลื่อนองค์กรสร้างความยั่งยืนระยะยาว หลังฟื้นฟูดีขึ้น รฟท.ตั้งบริษัทลูกบริหารสินทรัพย์-ที่ดิน หวังมีรายได้ 3 แสนล้าน เอาไปใช้หนี้แสนล้าน โครงข่ายบรอดแบนด์เปิดบริการ พ.ย. นี้

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ผอ.สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) หรือซูเปอร์บอร์ด ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทโอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน กำหนดให้รัฐวิสาหกิจ 7 แห่ง ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จัดทำแผนขับเคลื่อนองค์กรเพื่อสร้างความยั่งยืนในระยะยาว

หลังจากที่ผ่านมามีการฟื้นฟูองค์กรมาระดับหนึ่งแล้ว จากที่เคยขาดทุนมามีกำไร โดยเป็นแผนที่สอดคล้องกับภารกิจหลัก เน้นการให้บริการแก่ประชาชน พร้อมทั้งจัดทำแผนปฏิบัติการรายปีด้วย โดยให้ส่งรายละเอียดของแผนให้ สคร.ในฐานะฝ่ายเลขานุการ คนร.ภายในเดือน ต.ค.นี้ เพื่อเสนอ คนร.ต่อไป

นอกจากนี้ คนร.ยังได้รับทราบความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาของรัฐวิสาหกิจ 7 แห่ง ดังนี้คือ ธพว.มีผลการดำเนินงานดีขึ้นอย่างชัดเจน ปล่อยสินเชื่อให้วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) รายละไม่เกิน 15 ล้านบาท ตามเป้า 25,000 ล้านบาท จากที่ตั้งไว้ 30,000 ล้านบาท ธนาคารอิสลามคืบหน้าด้านการหาพันธมิตรที่มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น

ขณะที่การรถไฟฯ นั้น  คนร.เห็นชอบในหลักการรูปแบบการบริหารจัดการโครงการรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) โดยจัดตั้งบริษัทลูกเพื่อเดินรถและซ่อมบำรุงและให้จัดตั้งบริษัทลูกเพื่อบริหารสินทรัพย์ของ รฟท. ที่มีพื้นที่ประมาณ 39,000 ไร่ คาดว่าจะสร้างรายได้รวม 300,000 ล้านบาท ในระยะเวลา 30 ปี จะทำให้ใช้หนี้ 100,000 ล้านบาทที่ค้างไว้ได้

ส่วน ทีโอที และ กสท ได้จัดตั้งบริษัท โครงข่ายบรอดแบนด์แห่งชาติ จำกัด (เอ็นบีเอ็น) ทำธุรกิจเคเบิลใยแก้วใต้น้ำและอินเตอร์เน็ตดาต้าเซ็นเตอร์ และบริษัทโครงข่ายระหว่างประเทศ โดยธุรกิจอินเตอร์เน็ตบรอดแบนด์จะเปิดในเดือน พ.ย.นี้

ขอขอบคุณข้อมูลจาก หนังสือพิมพ์ข่าวสด รายวัน ฉบับวันศุกร์ที่ 13 ตุลาคม 2560