ชาวไร่จี้รัฐปิดประตูนำเข้าข้าวสาลี เหตุทำราคาข้าวโพด-มันทรุดหนักขู่ไล่รมว.พาณิชย์

นำเข้าข้าวสาลีและกากข้าวโพดจำนวนมหาศาล ทำเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า ข้าวโพด มันสำปะหลังในประเทศราคาทรุดหนัก ชาวไร่หมดตัว ร้องสภาเกษตรกรแห่งชาติเร่งหารือรัฐใช้ ม.44 ปิดประตูนำเข้าและเร่งเยียวยาเกษตรกร ก่อนผลผลิตออกตลาดไตรมาสสุดท้ายจำนวนมาก ขู่ขับไล่รัฐมนตรีพาณิชย์หากไม่เร่งแก้ไข

รายงานข่าวจากสภาเกษตรกรแห่งชาติ เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมากลุ่มตัวแทนชาวไร่ปลูกข้าวโพดในจังหวัดเพชรบูรณ์ เชียงราย และภาคเหนือ กับตัวแทนชาวไร่มันสำปะหลังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้มาร้องเรียนต่อนายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีเพื่อขอให้ใช้มาตรา 44 ยุติการนำเข้าข้าวสาลีและกากข้าวโพดเอทานอล (DDGS) ที่มีปริมาณนำเข้าเพิ่มสูงทุกปี ส่งผลกระทบต่อราคาข้าวโพด และราคามันสำปะหลัง รวมทั้งข้าวอย่างหนัก ล่าสุดข้าวโพดที่ออกสู่ตลาดขายสดที่เชียงรายและเพชรบูรณ์เหลือ กก.ละ 4.20 บาท ขณะที่มีต้นทุนการผลิตที่ กก.ละ 4.40 บาท ผลผลิตต่อไร่เฉลี่ย 700 กก. หัวมันสำปะหลังสดในภาคอีสานเหลือ กก.ละ 1.20 บาท บางแห่งเหลือ กก.ละ 95 ส.ต. หากรัฐไม่เร่งแก้ไขยุติการนำเข้า ราคาจะยิ่งตกต่ำหนักในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ที่ผลผลิตจะออกสู่ตลาดจำนวนมาก

 

9

ตัวแทนชาวไร่ข้าวโพด ชี้แจงว่าช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาข้าวโพดขายสดให้พ่อค้าคนกลางยังขายได้กก.ละ7.30บาท แต่ในไตรมาสแรกปีนี้มีการนำเข้าข้าวสาลีและกากข้าวโพดมาทดแทนข้าวโพดและมันสำปะหลัง ตามข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์สูงถึง 777,276.87 ตัน และ 166,471.02 ตันตามลำดับ ในขณะที่ปี 2558 ที่ผ่านมานำเข้าสูงถึง 3,467,117.12 ตัน และ 462,347.33 ตันตามลำดับ เทียบกับปี 2556 ที่นำเข้าเพียง 810,424.29 ตัน และ 226,176.11 ตันตามลำดับ ส่วนตัวแทนผู้ปลูกมันสำปะหลังชี้แจงว่า นอกจากจีนและโรงงานแป้งมันสำปะหลังในไทย จะกดราคารับซื้อมันสำปะหลังจากไทยแล้ว ยังได้รับผลกระทบจากผู้ผลิตอาหารสัตว์ในไทยกดราคารับซื้อและซื้อน้อยลงไปด้วย จากการนำเข้าข้าวสาลีและกากข้าวโพดที่ไม่ควบคุมปริมาณนำเข้าและอัตราภาษีเป็นศูนย์ ซึ่งปกติจะมีการใช้มันสำปะหลังในอาหารสัตว์โดยรวมกว่า 20% ในการผลิตอาหารสัตว์ในไทย ทำให้ชาวไร่มันสำปะหลังทั้งประเทศอยู่ไม่ได้ เพราะต้นทุนการปลูกมันสำปะหลังอยู่ที่ กก.ละ 1.80-1.90 บาท ในขณะที่รำข้าวก็ได้รับผลกระทบจากการนำเข้าข้าวสาลีและกากข้าวโพดเช่นกัน

“ปีนี้ไทยผลิตข้าวโพดได้ 4.57 ล้านตัน และที่ผ่านมารัฐตั้งอัตราภาษีนำเข้าข้าวโพดนอกโควตาไว้สูงถึง 73% เป็นการแสดงการปกป้องอาชีพการปลูกข้าวโพดให้กับเกษตรกรไทย แต่กลับมีการลดภาษีนำเข้าข้าวสาลีที่นำมาใช้ทดแทนข้าวโพดในการผลิตอาหารสัตว์ แสดงให้เห็นว่าภาครัฐหรือรัฐบาลชุดเก่าในขณะนั้นไม่คิดที่จะปกป้องโอกาสทางอาชีพการปลูกข้าวโพดของเกษตรกรไทยเลยดังนั้นควรมีการแก้กฎหมายให้มีการคิดอัตราภาษีนำเข้าข้าวสาลีเพิ่มกลับมาใช้ด้วยไม่ให้กลุ่มผู้ผลิตอาหารสัตว์ถือโอกาสนำเข้าข้าวสาลีมาใช้ทดแทนหากรัฐไม่ยุตินำเข้าหรือเพิ่มภาษีข้าวสาลีและกากข้าวโพดรวมทั้งการเยียวยาเกษตรกร คือให้รัฐมารับซื้อข้าวโพดในเขตเพาะปลูกที่สามารถขึ้นทะเบียนได้ในอัตรา 1,200 กก.ต่อไร่ มิเช่นนั้นชาวไร่จะมาชุมนุมขับไล่รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์อย่างแน่นอน”

ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า วันที่ 16 กันยายน 2559 ทางนางสาววิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ อธิบดีกรมการค้าภายใน ประชุมร่วมกับตัวแทนผู้ประกอบการ 4 สมาคมมันสำปะหลัง เพื่อขอความร่วมมือให้เข้าไปช่วยรับซื้อหัวมันสดจากเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคาหลังจากเกษตรกรร้องถึงปัญหาราคาตกต่ำลงเหลือกก.ละ1.20บาทซึ่งภาคเอกชนจะมีการประชุมประเมินสถานการณ์การผลิตฤดูกาลปี2559/2560 ที่สำรวจล่าสุด 11-18 กันยายน 2559 จากนั้นจะนำข้อมูลรายงานต่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายมันสำปะหลัง (นบมส.) ในวันที่ 22 กันยายนนี้