สานต่อแนวพระราชดำริ พัฒนา..ผืนป่ากุยบุรี แหล่งน้ำ-บ้านของช้างป่า

ผืนป่ากุยบุรี บ้านของคน และช้างป่า อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่อยู่ร่วมกันใต้ร่มเงาของ อุทยานแห่งชาติกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ พื้นที่จัดการความขัดแย้งระหว่างคนกับช้างที่ดีที่สุดในเอเชีย ความสำเร็จที่เกิดขึ้นเป็นผลจากการทำงานร่วมกันอย่างเข้มแข็งระหว่างหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน ตลอดจนชุมชนในพื้นที่ที่ช่วยกันหยุดยั้งการล่าสัตว์ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี รวมถึง ปรับปรุง ฟื้นฟูแหล่งอาหาร และแหล่งน้ำของช้างป่าให้อุดมสมบูรณ์

เพราะเล็งเห็นถึงความสำคัญของการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และเพื่อสนองพระราชปณิธานอันแน่วแน่ของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซัมซุงจึงเดินหน้าสานต่อ “Samsung Love and Care” โครงการเพื่อสังคมระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และโอเชียเนีย โดยครั้งนี้ได้ระดมพนักงานอาสาสมัคร ปรับปรุงพัฒนาผืนป่า และแหล่งอาหารสัตว์ป่า ด้วยการกำจัดวัชพืชในแปลงอาหารสัตว์ป่า สร้างโป่งดิน ปรับปรุงแหล่งน้ำ ณ อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่จัดการความขัดแย้งระหว่างคนกับช้างที่ดีที่สุดในเอเชีย

นายกาญจนพันธุ์ กำแหง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี กล่าวว่า อุทยานแห่งชาติกุยบุรี เป็นโครงการที่ตั้งขึ้นเพื่อสนองพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ในการสร้างแนวทางและการจัดการที่ยั่งยืน เพื่อคลี่คลายความขัดแย้งระหว่างคนกับช้างป่า รวมถึง การจัดการทรัพยากรสัตว์ป่า ป่าไม้ และสิ่งแวดล้อมอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้เกิดความสมดุล ควบคู่ไปกับการฟื้นฟูบูรณะให้ทรัพยากรธรรมชาติกลับมาอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง โดยได้รับความช่วยเหลือจาก องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล (WWF)

ด้วยความช่วยเหลือจากพันธมิตรอย่างองค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล ที่มีพันธกิจด้านสิ่งแวดล้อมศึกษาที่เป็นรากฐานอันมั่นคงสำหรับการทำงานด้านอนุรักษ์ น.ส.เยาวลักษณ์ เธียรเชาว์ ผู้อำนวยการองค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล ประเทศไทย กล่าวว่า ในพื้นที่กุยบุรี WWF มีพันธกิจปกป้องผืนป่ากุยบุรี และพื้นที่ป่าต้นน้ำของ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ดำเนินงานโดยยึดถือแนวพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 มาเป็นแนวทางการดำเนินการเพื่ออนุรักษ์ช้างป่า และสัตว์ป่าอื่นๆ ในผืนป่ากุยบุรี เพื่อส่งเสริมให้คน และช้างป่าอยู่ร่วมกันได้ โดยเฝ้าระวังช้างป่า และผลักดันช้างป่ากลับเข้าพื้นที่อาศัยของสัตว์ป่า โดยสร้างแหล่งอาหารในป่า และกระจายให้เพียงพอ

นายวาริท จรัณยานนท์ ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายการตลาดองค์กร บริษัทไทยซัมซุงฯ กล่าวว่า โครงการดังกล่าวเพื่อยกระดับความเป็นอยู่ และคุณภาพชีวิตของผู้คนให้ดียิ่งขึ้น โดยให้ความสำคัญกับด้านการศึกษา และสิ่งแวดล้อมโดยรอบของชุมชนในพื้นที่ห่างไกล ที่ผ่านมาในประเทศไทย โครงการนี้ได้ร่วมพัฒนาด้านการศึกษาอย่างต่อเนื่องให้กับโรงเรียนยากไร้ในพื้นที่กันดาร และครั้งนี้ขออาสาพัฒนาอีกสิ่งที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน คือสิ่งแวดล้อม โดยมุ่งมั่นที่จะรักษาไว้ซึ่งทรัพยากร และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม มีจุดประสงค์หลักเพื่ออนุรักษ์ผืนป่ากุยบุรี และฟื้นคืนระบบนิเวศที่เป็นแหล่งอาศัยของสัตว์ป่าทั้งปวง นอกจากนี้ ยังเป็นการสานต่อแนวพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 ในการอนุรักษ์ช้างป่า โดยสร้างแนวทาง และการจัดการทรัพยากรสัตว์ป่า ป่าไม้ และสิ่งแวดล้อมอย่างมีประสิทธิภาพ ให้เกิดความสมดุล ควบคู่ไปกับการฟื้นบูรณะให้ทรัพยากรธรรมชาติกลับมาอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง

นับเป็นความร่วมมือครั้งแรกระหว่างไทยซัมซุงฯ WWF และอุทยานแห่งชาติกุยบุรี เพื่ออนุรักษ์ผืนป่า ฟื้นคืนระบบนิเวศ และสร้างแหล่งอาหารให้ช้างป่า โดยซัมซุงสนับสนุนด้านเทคโนโลยีในด้านการวิจัย อนุรักษ์ และสำรวจป่าไม้ เทคโนโลยีจะช่วยเรื่องสังเกตการณ์พฤติกรรมความเป็นอยู่ของสัตว์ป่า เพื่อนำมาวิจัยพัฒนาแหล่งอาศัย และแหล่งอาหารของสัตว์ป่านานาชนิดในเขตอุทยานแห่งชาติกุยบุรี ไม่ว่าจะเป็นช้างป่า กระทิง กวาง เก้ง ฯลฯ นอกจากนี้ ยังสนับสนุนห้องปฏิบัติการ Samsung Smart Patrol ซึ่งใช้ในการปฏิบัติงานวางแผนเดินป่าเพื่อสำรวจพฤติกรรมสัตว์ป่า เฝ้าระวังภัยคุกคาม และสถานการณ์โดยรวมของอุทยานแห่งชาติกุยบุรี เพื่อวิจัยปัจจัยทางนิเวศ และอนุรักษ์สัตว์ป่าต่อไป อีกทั้ง ยังนำอาสาสมัครเข้าไปร่วมพัฒนาแหล่งอาหาร กำจัดวัชพืชในแปลงอาหารสัตว์ป่า ทำโป่งเทียม และล้างกระทะน้ำ ซึ่งเป็นแหล่งน้ำ และอาหารของสัตว์ป่านานาชนิดในอุทยานแห่งชาติกุยบุรี

ภายใต้ร่มเงาของผืนป่าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี เหล่าอาสาสมัครกว่า 50 คน ร่วมมือร่วมใจกันทำกิจกรรมดีๆ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายมาอย่างหนัก แต่เหล่าอาสามิได้ย่อท้อต่ออุปสรรค ร่วมมือร่วมใจกัน ปรับปรุงแหล่งอาหารสัตว์ป่า อย่างพร้อมเพรียงกัน ซึ่งเป็นแหล่งอาหาร และแหล่งน้ำของสัตว์ป่านานาชนิดในอุทยานแห่งชาติกุยบุรี

น.ส.โสภิดา ช้างธรรม อาสา กล่าวว่า รู้สึกประทับใจมากที่ได้มาเข้าร่วมกิจกรรม เพราะตั้งใจที่จะร่วมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม แม้เป็นเพียงส่วนเล็กๆ แต่ก็ดีใจที่ได้เป็นฟันเฟืองหนึ่งที่จะช่วยฟื้นคืนระบบนิเวศของผืนป่ากุยบุรี เดินตามรอยพระบาทของในหลวงรัชกาลที่ 9 และถือเป็นโอกาสที่ได้มาทำความดี ถวายเป็นพระราชกุศลให้กับพ่อหลวงของปวงชนชาวไทย

ผืนป่าอันเขียวชะอุ่ม และบรรดาสัตว์ป่าน้อยใหญ่ที่ต่างพึ่งพาอาศัยกันหลอมรวมกันเป็นระบบนิเวศหนึ่งเดียว ที่มีดัชนีชี้วัดความสมบูรณ์เป็นสัตว์ป่า ความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่า และสัตว์ป่านานาชนิดที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี แสดงให้เห็นถึงความสมบูรณ์ของแหล่งน้ำ แหล่งอาหาร และระบบนิเวศโดยรวม ที่เราคนไทยจะต้องหวงแหน และร่วมมือร่วมใจกันปกป้องอนุรักษ์ เพื่อส่งมอบความรัก และความดูแล แก่ชุมชน และสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ห่างไกลต่อไป

ที่มา : มติชนออนไลน์