ครบรอบ 8 ปี กรมหม่อนไหม มุ่งพัฒนาเกษตรกร- บุคลากรมืออาชีพ สืบสานภูมิปัญญา ส่งเสริมผ้าไหมตรานกยูงพระราชทาน พัฒนาไหมไทยสู่สากล

กรมหม่อนไหมเปิดแผนขับเคลื่อนงานปี 61 มุ่งสร้างเกษตรกร-บุคลากรมืออาชีพ พร้อมพัฒนา        การบริหารจัดการสินค้าหม่อนไหมครบวงจร บูรณการความร่วมมือกับหน่วยงานอื่น ยกระดับมาตรฐานสินค้าป้อนตลาดทั้งในและต่างประเทศ

4 ธ.ค.2560 เวลา 10.00 น. นายธนิตย์  เอนกวิทย์  รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานเปิดงาน “วันคล้ายวันสถาปนากรมหม่อนไหม ครบรอบ 8  ปี”  ณ  กรมหม่อนไหม  เขตจตุจักร  กรุงเทพฯ  โดยภายในงานมีการจัดแสดงนิทรรศการ ในหัวข้อ “หม่อนไหมดิจิทัล สู่เกษตร 4.0”  นิทรรศการวิวัฒนาการเครื่องสาวไหม  ผ้าไหมตรานกยูงพระราชทาน และโครงการพัฒนาลวดลายผ้า  นิทรรศการภาพแสดงประวัติความเป็นมาของกรมหม่อนไหม  ผลงานและผลิตภัณฑ์เด่นของกรมหม่อนไหม  นอกจากนี้ยังมีการออกร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากหม่อนและไหมผ้าไหมคุณภาพดีจากผู้ประกอบการหม่อนไหม และศูนย์แสดงผลิตภัณฑ์หม่อนไหม “Silk Berry Corner”

ในโอกาสนี้ นางสุดารัตน์ วัชรคุปต์ เหล่าวิชยา อธิบดีกรมหม่อนไหม กล่าวถึงทิศทางขับเคลื่อนการดำเนินงานของกรมหม่อนไหมในการก้าวเข้าสู่ปีที่ 9 ว่า  กรมหม่อนไหมมีแผนเร่งขับเคลื่อนขยายผลและสานต่อการพัฒนาสินค้าหม่อนไหมของไทยให้สอดรับกับนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนโยบายของรัฐบาล  โดยในปี 2561 กรมหม่อนไหมได้กำหนดทิศทางการขับเคลื่อนการดำเนินงานของหน่วยงานโดยเน้น การพัฒนาคน  การสืบสานงานอนุรักษ์  และการส่งเสริมผ้าไหมตรานกยูงพระราชทาน

อธิบดีกรมหม่อนไหม กล่าวต่อไปว่า การพัฒนาศักยภาพเกษตรกรและบุคลากรด้านหม่อนไหมให้เป็นมืออาชีพ เพื่อรองรับการแข่งขันยุคเกษตร 4.0 รวมทั้งยกระดับผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมให้เป็นสมาร์ทฟาร์เมอร์ (Smart Farmer) เน้นส่งเสริมการเรียนรู้ผ่านครูภูมิปัญญาหม่อนไหม  สร้าง Unit School ด้านหม่อนไหมในศูนย์การเรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) พัฒนาทายาทหม่อนไหมเพื่อให้เป็นยังสมาร์ทฟาร์เมอร์ (Young Smart Farmer) ทดแทนเกษตรกรรุ่นเดิมและสืบสานอาชีพการเลี้ยงหม่อนไหมให้คงอยู่ตามพระราชเสาวนีย์ฯ  นอกจากนี้ยังมีการส่งเสริมอาชีพด้านหม่อนไหมแก่ผู้ชรา ผู้พิการ และผู้ด้อยโอกาส ให้มีอาชีพ มีรายได้ สามารถพึ่งพาตนเองได้ รวมทั้งมุ่งพัฒนาบุคลากรกรมหม่อนไหมให้เป็นสมาร์ทออฟฟิศเซอร์ (Smart Officer)ควบคู่ไปด้วย

ขณะเดียวกันยังเน้นพัฒนาการบริหารจัดการสินค้าหม่อนไหมแบบครบวงจร โดยนำเทคโนโลยี นวัตกรรม และองค์ความรู้จากงานวิจัยด้านหม่อนไหมมาสนับสนุนงานตามนโยบายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตหม่อนไหม โดยปี 2561  มีเป้าหมายพัฒนาสินค้าหม่อนไหมภายใต้ระบบแปลงใหญ่ ไม่น้อยกว่า 25 แปลง  เสริมสร้างความเข้มแข็งให้ ศพก. ด้านหม่อนไหม เป้าหมาย 3 ศูนย์หลัก และ 3 ศูนย์เครือข่าย พร้อมทั้งส่งเสริมให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนพื้นที่ที่ไม่เหมาะสมมาปลูกหม่อนเลี้ยงไหม เป้าหมาย 2,000 ไร่ ส่งเสริมการผลิตหม่อนไหมอินทรีย์เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าไม่น้อยกว่า 160 ไร่  และพัฒนาการผลิตสินค้าหม่อนไหมโดยตั้งเป้ายกระดับผลิตภัณฑ์เข้าสู่มาตรฐาน 600 ราย   ดำเนินการขยายผลพัฒนาเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับธนาคารหม่อนไหม จำนวน 16 แห่ง และช่วยลดต้นทุนการผลิตให้กับเกษตรกรสมาชิก บูรณาการสนับสนุนและขับเคลื่อนงานเกษตรทฤษฎีใหม่ เน้นเกษตรกรนอกพื้นที่แปลงใหญ่ไม่น้อยกว่า 1,500 ราย และส่งเสริมพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตหม่อนไหมและฝ้ายภายใต้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) เพื่อสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร เป้าหมาย 475 ราย   พื้นที่ 495 ไร่

นอกจากนั้น ยังมุ่งพัฒนาสินค้าหม่อนไหมให้เป็นสมาร์ทโพรดักชั่น (Smart Production) ป้อนเข้าสู่ตลาดเพิ่มมากขึ้น เพื่อยกระดับสินค้าคุณภาพสูง มีความปลอดภัยและสามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก โดยเน้นงานวิจัยเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของเกษตรกร ผู้ประกอบการ และผู้บริโภค มีการค้นคว้านวัตกรรมภูมิปัญญาและเครื่องจักรกลด้านหม่อนไหมสู่การออกแบบผลิตภัณฑ์ที่สอดรับความต้องการของตลาด  ตลอดจนผลักดันการกำหนดมาตรฐานด้านหม่อนไหม อาทิ มาตรฐานไหมอินทรีย์ และมาตรฐานแผ่นใยไหม เป็นต้น รวมทั้งส่งเสริมการตรวจรับรองมาตรฐานสินค้าหม่อนไหมซึ่งมีเป้าหมายตรวจรับรองมาตรฐานแปลงหม่อนจีเอพี (GAP) ไม่น้อยกว่า 300 แปลง ส่งเสริมการผลิตเส้นไหมตามมาตรฐาน มกษ. และสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์หรือจีไอ (GI)  ส่งเสริมการผลิตผ้าไหมตรานกยูงพระราชทาน และตั้งเป้าในการตรวจรับรองมาตรฐานตรานกยูงพระราชทานให้ได้ 75,000 เมตร นอกจากนี้ยังมีแผนส่งเสริมเศรษฐกิจและการตลาด หม่อนไหม โดยเน้นพัฒนามาตรฐานสินค้าหม่อนไหมเพื่อสร้างมูลค่าของสินค้า  รวมทั้งส่งเสริมการผลิตผ้าไหมตรานกยูงพระราชทาน และเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ทั้งในและต่างประเทศ

“สำหรับงานตามภารกิจพื้นฐานขององค์กรยังคงขับเคลื่อนดำเนินการตามปกติ ไม่ว่าจะเป็นการอนุรักษ์และคุ้มครองหม่อนไหม การสนับสนุนโครงการพระราชดำริและโครงการพิเศษ และการผลิตพันธุ์หม่อนไหมและวัสดุย้อมสี   เป็นต้น ขณะเดียวกันปีนี้กรมหม่อนไหมได้เน้นสร้างการรับรู้ โดยส่งเสริมการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการบริหารจัดการข้อมูลข่าวสาร เพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องสามารถเข้าถึงข้อมูลหม่อนไหมได้มากที่สุด ทั้งยังมีแผนบูรณาการและสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน เช่น กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงทรัพยากรฯ กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ กระทรวงการท่องเที่ยวฯ และสถาบันการศึกษาต่างๆ เพื่อส่งเสริมและพัฒนางานด้านหม่อนไหมของประเทศไทย  ซึ่งคาดว่า จะสามารถช่วยยกระดับมาตรฐานและประสิทธิภาพการผลิตสินค้าหม่อนไหมให้เป็นที่ยอมรับของสากล และสร้างความมั่นคงในการประกอบอาชีพให้กับเกษตรกรผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมอย่างยั่งยืน ทำให้มีรายได้เพิ่มสูงขึ้นและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นด้วย” อธิบดีกรมหม่อนไหม กล่าว