สกว.จับมือสวทช.จัดงานหนุนผู้ประกอบการอาหารและเวชสำอาง

สกว.ผนึกกำลัง สวทช. เตรียมลงนามพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการขนาดเล็กและขนาดกลางในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและอุตสาหกรรมอื่นที่เกี่ยวข้อง ระยะที่ 3 พร้อมอวดร้อยผลิตภัณฑ์จาก 8 กลุ่มงานวิจัย คนดังตบเท้าร่วมเวทีเสวนา ชู “แป้งสมุนไพรลดสิวและรอยด่างดำปราศจากทัลคัม” เตรียมโกอินเตอร์ไปจีนและอเมริกา

รศ. ดร.พงศ์พันธ์ แก้วตาทิพย์ ผู้อำนวยการฝ่ายอุตสาหกรรม สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) เปิดเผยว่า วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2561 สกว.จะร่วมกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) จัดพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ ภายใต้โครงการ “การสนับสนุนการวิจัยเพื่อพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการขนาดเล็กและขนาดกลางในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและอุตสาหกรรมอื่นที่เกี่ยวข้อง ระยะที่ 3” และมอบรางวัลผลงานวิจัยประจำปีงบประมาณ 2559  Innovative House Awards ณ โรงแรมเซ็นจูรี่ พาร์ค กรุงเทพฯ พร้อมทั้งนำเสนอผลิตภัณฑ์นวัตกรรมจากงานวิจัยจำนวนกว่า 100 ผลิตภัณฑ์จาก 8 กลุ่มงานวิจัยมานำเสนอ ประกอบด้วย กลุ่มผลิตภัณฑ์สมุนไพรและเวชสำอาง ขนมขบเคี้ยว เครื่องดื่ม อาหารพร้อมรับประทาน อาหารพร้อมปรุง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ผลิตภัณฑ์ที่เป็นส่วนประกอบอาหาร และขนมหวาน รวมถึงการประกาศผลรางวัลผลงานวิจัยเด่นในแต่ละด้าน 12 รางวัล และรางวัลป๊อปปูล่าร์โหวตจากผู้ร่วมงาน นอกจากนี้จะมีการบรรยาย “นวัตกรรมนั้นสำคัญอย่างไร” จากคุณสุรนาม พาณิชการ ผู้ก่อตั้งโทฟุซัง และการเสวนา “กว่าจะได้งานวิจัยที่พร้อมจะขายจริงในเชิงพาณิชย์” โดยคุณปอย ตรีชฎา มาลยาภรณ์ คุณโชคยิ่ง พิทักษากร และคุณอภิรักษ์ โกษะโยธิน ตลอดจนการนำเสนอรูปแบบทุนวิจัยในปี 2561

หนึ่งในผลิตภัณฑ์ไฮไลท์ที่จะนำมาจัดแสดงในครั้งนี้ ได้แก่ แป้งฝุ่นสมุนไพรเพื่อลดสิวและรอยด่างดำ ภายใต้การสนับสนุนของฝ่ายอุตสาหกรรม สกว. ซึ่งผู้ประกอบการบริษัท วริษาเฮิร์บ จำกัด ได้พัฒนาสูตรแป้งฝุ่นสมุนไพรที่ผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติโดยใช้แป้งข้าวเจ้าและสมุนไพรไทยที่ปราศจากทัลคัม มีประสิทธิภาพในการลดปัญหาสิวฝ้าและจุดด่างดำบนใบหน้าได้อย่างเห็นผล โดยได้ร่วมกับ ผศ. ดร.พิชญอร ไหมสุทธิสกุล สังกัดคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ภายใต้การสนับสนุนทุนวิจัยจาก สกว. ในการวิเคราะห์และทดสอบทางห้องปฏิบัติการที่สามารถยืนยันถึงประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้แก่ผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ เป็นจุดเด่นเพื่อเพิ่มสัดส่วนทางการตลาดและเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้มากขึ้น

เนื้อแป้งฝุ่น

จุดเด่นของผลิตภัณฑ์แป้งฝุ่นสมุนไพรวริษา คือ มีส่วนผสมของสมุนไพรที่มีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิว และมีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนสซึ่งมีหน้าที่ในการผลิตเมลานิน จึงมีสมบัติในการลดปัญหาสิวฝ้าและจุดด่างดำบนใบหน้า นอกจากนี้ผู้ประกอบการยังสืบทอดองค์ความรู้ด้านความงามจากชาววังโบราณ และการเห็นคุณค่าและความสำคัญของการนำสมุนไพรแท้มาใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ซึ่ง น.ส.กิรณา มณีวัฒนา ผู้บริหารบริษัท วริษาเฮิร์บ จำกัด กล่าวว่า วริษาเฮิร์บเป็นผู้ประกอบการขนาดเล็กซึ่งผลิตผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางหลายประเภท ได้เล็งเห็นถึงประโยชน์และต้องการส่งเสริมเพิ่มคุณค่าให้แก่สมุนไพรไทย จึงพัฒนาผลิตภัณฑ์แป้งฝุ่นที่ใช้ส่วนผสมที่เป็นวัตถุดิบจากธรรมชาติและสมุนไพร เช่น แป้งข้าวเจ้า ไพล ว่านนางคำ ขมิ้นอ้อย ขมิ้นชัน และสมุนไพรอื่น ๆ โดยไม่ใช้ทัลคัมเพื่อให้ได้สูตรที่มีความปลอดภัย มีประสิทธิภาพที่เห็นผล และเมื่อใช้เป็นประจำผิวจะขาวเนียนละเอียด

ด้าน ผศ. ดร.พิชญอร นักวิจัยระบุว่าผลิตภัณฑ์ที่ได้ต้องมีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระ (ลดริ้วรอย) ฤทธิ์ยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย (สิว) และฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนส (ความขาว) เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพ เป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค และสามารถนำไปจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ จากการทดลองพบว่าขมิ้นชันมีฤทธิ์ครบทั้งสามประการ จึงเหมาะสมในการลดสิวและรอยด่างดำได้ดีที่สุด รองลงมาเป็นว่านนางคำ ขมิ้นอ้อย และไพล ตามลำดับ เมื่อนำสมุนไพรทั้ง 4 ชนิดมาผสมในอัตราส่วนที่เหมาะสมกับแป้งข้าว และส่วนผสมอื่น ๆ ส่งผลให้ความสามารถในการทนน้ำดีมาก ความชื้นอยู่ในช่วงมาตรฐาน มีค่าพีเอชอยู่ในช่วงเป็นกลาง ซึ่งเหมาะสมกับผิวหน้า มีความเสถียรในด้านสีของผลิตภัณฑ์ และความปลอดภัยสำหรับผู้ใช้

Advertisement
สมุนไพรวริษาเฮิร์บ

จากการศึกษาความเป็นไปได้ทางการตลาดเบื้องต้น พบว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพสูง มีความสามารถในการแข่งขันในกลุ่มผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร ซึ่งเป็นที่สนใจมากในกลุ่มวัยทำงานจนถึงวันกลางคนที่รักสุขภาพ ชอบใช้ผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรหรือธรรมชาติ ไร้สารเคมี และไม่มีสารพิษ โดยปัจจุบันผลิตภัณฑ์มีการจัดจำหน่ายทางออนไลน์ของวริษาเฮิร์บ ร้านเอมไทย ร้านเอเดน จังหวัดเชียงใหม่ และกำลังประสานงานในการลงขายในร้านเพื่อสุขภาพและความงาม คาดหวังว่าในอนาคตจะส่งขายที่ประเทศจีนและสหรัฐอเมริกา โดยราคาขายปลีกที่ตั้งไว้คือ 1 กระปุก ขนาดบรรจุ 55 กรัม ราคา 200 บาท ซึ่งในระหว่างนี้ทางผู้ประกอบการอยู่ระหว่างการดำเนินการขยายตลาดและประชาสัมพันธ์สินค้า เช่น ร่วมจัดแสดงออกบูธในงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ณ อิมแพค เมืองทองธานี และกำลังดำเนินการยื่นขอใบอนุญาตใช้ตรา Innovative House กับทาง สกว.