ผู้เขียน | รศ.นพ.ชวลิต เลิศบุษยานุกุล |
---|---|
เผยแพร่ |
“มะเร็งเต้านม” ถือเป็นประเภทของโรคมะเร็งที่พบบ่อยเป็นอันดับ 1 ของหญิงไทยในกลุ่มอายุ 50 ปีขึ้นไป โดยในผู้หญิงอายุ 20 ปีขึ้นไป แนะนำให้ตรวจมะเร็งเต้านมทุกปี ปัจจุบันมีผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยใหม่ใน โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ มากกว่า 600 ราย ต่อปี ซึ่งสามารถจำแนกกลุ่มเสี่ยงที่อาจเป็นมะเร็งเต้านมและสาเหตุต่างๆ ได้ดังนี้
- โรคบางชนิดของเต้านม เช่น เนื้องอกหรือซีสต์ 2. ผู้ที่เคยเป็นมะเร็งเต้านมมาก่อน ผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นมะเร็ง 3. ผู้ที่มีบุตรคนแรกเมื่ออายุมากกว่า 30 ปี 4. ความบกพร่องของสารพันธุกรรม เช่น ผู้ที่มียีน BRCA1 หรือ BRCA2
- ผู้ที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนสูง 6. ผู้ที่เคยได้รับการฉายรังสีบริเวณทรวงอกก่อนอายุ 30 ปี จากโรคอื่น เช่น มะเร็งต่อมน้ำเหลือง เป็นต้น
การตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม ปัจจุบันสามารถทำได้หลายวิธี ได้แก่
- การตรวจแมมโมแกรม การเอกซเรย์โดยใช้เครื่องมือเฉพาะได้รับการยอมรับว่าดีที่สุด แนะนำสำหรับผู้หญิงที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป และทำการตรวจซ้ำทุกๆ 1 ปี
- การตรวจด้วยตนเอง ควรทำตั้งแต่อายุ 20 ปีขึ้นไป หากคลำได้ก้อนในเต้านม มีสารเหลวหรือเลือดออกจากหัวนม ผิวหนัง หรือหัวนมบุ๋ม เป็นสะเก็ดให้พบแพทย์ทันที โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงข้างต้นที่กล่าวมานี้สามารถตรวจเองได้ง่ายๆ ใน 3 ท่า ได้แก่ 1. ยืนหน้ากระจก ดูการเปลี่ยนแปลงของขนาดรูปร่าง สีผิว ตำแหน่งของหัวนมและเต้านม 2. นอนราบ ใช้มืออีกมือคลำด้วยนิ้วชี้ กลางและนาง 3. อาบน้ำใช้สามนิ้วคลำเช็กทั่วเต้านมและรักแร้
- ตรวจโดยแพทย์หรือบุคลากรเฉพาะทาง ควรทำตั้งแต่ อายุ 40 ปี
- การตรวจเอ็มอาร์ไอ (MRI) คือ ภาพสะท้อนคลื่นแม่เหล็ก ไฟฟ้าสามารถตรวจได้ในผู้ที่มีความผิดปกติของยีน BRCA
ผู้ป่วยตั้งแต่อายุ 30 ปีขึ้นไป หรือเคยมีประวัติได้รับการฉายรังสีปริมาณสูง บริเวณหน้าอกตั้งแต่อายุน้อย แนะนำให้ทำเอ็มอาร์ไอร่วมกับการตรวจแมมโมแกรมเพื่อให้ผลแน่ชัดยิ่งขึ้น
มะเร็งเต้านมสามารถรักษาให้หายขาดได้หากได้รับการตรวจวินิจฉัยตั้งแต่ในระยะเริ่มต้น และทำการรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
ที่มา : ขอบคุณข้อมูลจาก รศ.นพ.ชวลิต เลิศบุษยานุกุล
ฝ่ายรังสีวิทยา
โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย