รับมือ “ฮีตสโตรก” ด้วยน้ำ-เครื่องดื่มสมุนไพร

หลังกรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศอย่างเป็นทางการว่า ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูร้อนตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงต้นเดือนพฤษภาคม และคาดว่าปีนี้อุณหภูมิสูงสุดจะอยู่ที่ 42-43 องศาเซลเซียส

ในสภาพอากาศเช่นนี้ นพ. เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ความร้อนดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ที่พบบ่อย ได้แก่ อาการวิงเวียนศีรษะ หน้ามืดตาลาย ใจสั่นจากการเสียเหงื่อ จนถึงภาวะของโรคลมแดด “ฮีตสโตรก” (Heat Stroke) ซึ่งเกิดจากการที่ร่างกายไม่สามารถปรับตัวกับความร้อนที่เกิดขึ้นจนเกิดภาวะวิกฤต เพราะในภาวะปกติร่างกายจะมีระบบการปรับสมดุลความร้อน โดยการทำงานของต่อมใต้สมองส่วนหน้า

นพ. เกียรติภูมิ กล่าวว่า อาการของโรคลมแดด เริ่มจากวิงเวียนศีรษะ ปวดศีรษะ อ่อนแรง และคลื่นไส้ เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นเรื่อยๆ อาจทำให้เกิดอาการผิดปกติได้ เช่น สับสน พูดไม่ชัดเจน กระสับกระส่าย หรือเห็นภาพหลอน หากรุนแรงมาก อาจทำให้เกิดการชักเกร็ง และมีอาการโคม่าได้ในที่สุด เมื่อสัมผัสผู้มีอาการจะพบว่าตัวร้อนมากและมีผิวสีแดงกว่าปกติ

“การช่วยเหลือเบื้องต้น นำผู้ที่มีอาการเข้าในร่ม นอนราบ ยกเท้าสูง เพื่อเพิ่มการไหลเวียนเลือด ถอดหรือคลายเสื้อผ้าให้หลวม ใช้น้ำเย็นประคบบริเวณใบหน้า ข้อพับ ขาหนีบ และใช้พัดลมเป่าเพื่อระบายความร้อน ใช้น้ำเย็นราดลงบนตัวเพื่อลดอุณหภูมิร่างกายให้เร็วที่สุด และรีบนำส่งโรงพยาบาล” นพ. เกียรติภูมิ กล่าว

สำหรับการป้องกันนั้น นพ. เกียรติภูมิ กล่าวว่า ควรดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย วันละไม่น้อยกว่า 2 ลิตร หลีกเลี่ยงอากาศร้อนถ่ายเท ไม่สะดวก หากร้อนมาก ควรลดความร้อนด้วยการอาบน้ำ เปิดแอร์ เปิดพัดลม รับออกซิเจนจากร่มไม้ใหญ่ ไม่ควรออกกำลังกายหักโหม เมื่อรู้สึกเหนื่อยมากควรรีบพักทันที ก่อนและหลังออกกำลังกายควรมีการอบอุ่นร่างกาย สวมใส่เสื้อผ้าที่ระบายความร้อนได้ดี หากทำงานกลางแจ้ง ควรสวมหมวกป้องกันแดด หรือเดินกลางแดดร้อนๆ ควรใช้ร่มที่มียูวีกันแดด หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ หรือยาบางชนิดที่เพิ่มความร้อนให้ร่างกาย ทั้งนี้ นอกจากการดื่มน้ำให้เพียงพอแล้ว เครื่องดื่มสมุนไพรคลายร้อน จะช่วยให้ร่างกายสดชื่นดับร้อนแก้กระหายได้อีกวิธีหนึ่ง โดยเลือกดื่มเครื่องดื่มสมุนไพรรสเย็น เช่น น้ำใบเตยหอม น้ำว่านหางจระเข้ น้ำบัวบก น้ำยาอุทัย น้ำตรีผลา          น้ำเก็กฮวย เป็นต้น

“ส่วนเครื่องดื่มสมุนไพรที่แนะนำอีกหนึ่งเมนู คือ ตำรับชาเบญจเกสร หรือชาเกสรดอกไม้ทั้งห้า ประกอบด้วย 1. ดอกมะลิ มีรสหอมเย็น สรรพคุณแก้ไข้ ร้อนในกระหายน้ำ ดับพิษร้อน บำรุงหัวใจ เป็นยาชูกำลัง 2. ดอกพิกุล มีรสหอมสุขุม สรรพคุณแก้จับไข้ แก้ไข้ บำรุงหัวใจ กระตุ้นระบบไหลเวียน 3. ดอกบุนนาค  มีรสหอมเย็นขม สรรพคุณบำรุงโลหิต แก้ร้อนใน กระหายน้ำ และเป็นยาชูกำลัง 4. ดอกสารภี มีรสหอมเย็นขม สรรพคุณบำรุงโลหิต แก้ร้อนใน กระหายน้ำ

  1. เกสรบัวหลวง มีรสฝาดหอม สรรพคุณทำให้สดชื่น แก้ไข้ กระตุ้นระบบไหลเวียน สามารถปรุงเองง่ายๆ ดังนี้ นำเกสรดอกไม้ทั้งห้าอย่างละ 1 กำมือ (3-4 ช้อนโต๊ะ) ผสมกับน้ำร้อน 1 ลิตร แช่ทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที จะมีกลิ่นหอมและสีของน้ำจะเข้มขึ้น จากนั้นกรองเอากากออก ดื่มได้ทันทีทั้งร้อนและเย็นที่สำคัญต้องเลือกวัตถุดิบที่สะอาด” นพ. เกียรติภูมิ กล่าวและว่า ผู้สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. (02) 591-7007 ต่อกองวิชาการและแผนงาน กรมการแพทย์แผนไทยฯ

และสุดท้าย ให้สำรวจในกระเป๋าตัวเองว่ามียาหอม และยาดมสมุนไพรหรือไม่ เพราะสามารถหยิบมาใช้ในยามฉุกเฉินได้

ที่มา : ขอบคุณข้อมูลจากมติชนรายวัน