ขู่ขึ้นค่าขนส่งเที่ยวละพัน รถบรรทุกอ้างต้นทุนพุ่งสูง ลั่นรัฐเมินแก้จราจรปรับแน่

นายทองอยู่ คงขันธ์ ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สหพันธ์การขนส่งฯ  มีต้นทุนการดำเนินงานเพิ่มขึ้นอย่างมาก ปัจจัยหลักคือ ปัญหาจราจรติดขัดในท่าเรือกรุงเทพฯ (ท่าเรือคลองเตย) ท่าเรือแหลมฉบัง และสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ลาดกระบัง ส่งผลให้รถบรรทุกต้องเสียเวลา 6-10 ชั่วโมง ต่อเที่ยว และทำรอบได้เพียง 1 เที่ยว ต่อวัน ส่วนด่านชายแดนต่างๆ โดยเฉพาะด่านอรัญประเทศ ด่านสะเดา และด่านแม่สอด ก็มีจราจรติดขัดมากขึ้น เนื่องจากการค้าชายแดนขยายตัวสูงถึง 300-400% ในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ ต้นทุนต่างๆ ของรถบรรทุกก็เพิ่มขึ้น ทั้งราคาน้ำมันดีเซล ที่เพิ่มขึ้นทะลุ 25 บาท ต่อลิตร เป็น 26-27 บาท ต่อลิตร และราคาน้ำมันดีเซลเกรดพรีเมียมก็สูงกว่า 30 บาท ต่อลิตร ซึ่งคาดว่าราคาน้ำมันมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอีก ส่วนราคาน้ำมันเครื่อง จารบี   ล้อยางก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกันกับค่าจ้างพนักงาน

นายทองอยู่ กล่าวว่า สมาพันธ์การขนส่งฯ ได้เสนอปัญหาดังกล่าวให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และรัฐบาลช่วยแก้ไขแล้ว โดยสมาพันธ์การขนส่งฯ มีมาตรการแก้ไขเรื่องนี้ 3 ขั้น ขั้นแรก คือ การปรับขึ้นค่าขนส่ง 1,000 บาท ต่อเที่ยว ในเส้นทางท่าเรือคลองเตย ท่าเรือแหลมฉบัง และไอซีดีลาดกระบัง โดยคิดเป็นการเพิ่มขึ้น 5-10% จากราคาเดิม ทั้งนี้ สมาพันธ์การขนส่งฯ ได้หารือกับสมาชิกทางวาจาแล้วและจะนัดประชุมอีกครั้งในวันที่ 28 เมษายน เพื่อลงมติว่าจะปรับขึ้นค่าขนส่งหรือไม่ แต่ขณะนี้ได้แจ้งลูกค้าแล้วว่าอาจจะต้องปรับขึ้นค่าขนส่ง

“หากรัฐบาลไม่แก้ปัญหาเรื่องจราจรติดขัดและราคาน้ำมันยังมีแนวโน้มปรับขึ้น ก็มีความเป็นไปได้ที่จะปรับค่าขนส่ง 1,000 บาท ต่อเที่ยว เป็นค่าเสียเวลารอสินค้า แต่ต้องรอมติที่ประชุมสหพันธ์การขนส่งฯ อย่างเป็นทางการวันที่ 28เมษายนนี้ก่อน หากสรุปว่าจะใช้มาตรการขึ้นราคา ก็จะเริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2561 เป็นต้นไป” นายทองอยู่ กล่าว และว่า มาตรการขั้นที่ 2 คือ การกดดันรัฐบาลให้แก้ไขปัญหาต่างๆ ทั้งปัญหาจราจรติดขัดในท่าเรือคลองเตย ท่าเรือแหลมฉบัง และไอซีดีลาดกระบัง ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงคมนาคมก็รับทราบปัญหาดี แต่ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างชัดเจน และต้องการให้แก้ปัญหาเรื่องรถบรรทุกน้ำหนักเกิน เพราะผู้ประกอบการกลุ่มนี้เอาเปรียบคนที่ทำถูกต้องตามกฎหมาย และขั้นที่ 3 อาจจะต้องออกมาประท้วง

ที่มา : ขอบคุณข้อมูลจากมติชนรายวัน