4 หมื่นล. ปั๊มโลจิสติกส์เกษตร “สศก.” ปลื้มแผนแม่บทคืบเกิน 50% ดันข้าวสินค้าต้นแบบผลิตคุณภาพสูง

สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรลุยแผนแม่บทการพัฒนาโลจิสติกส์และโซ่อุปทานภาคการเกษตร 5 ปี (2560-2564) เดินหน้า 105 โครงการ วงเงิน 41,878 ล้านบาท ล่าสุดขับเคลื่อนแล้ว 69 โครงการ  ชูกรอบแนวทางการบริหารจัดการระบบโลจิสติกส์สินค้าข้าวเป็นต้นแบบในการนำระบบโลจิสติกส์ แก้ปัญหาสินค้าเกษตรตลอดโซ่อุปทาน

นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะอนุกรรมการและเลขานุการคณะอนุกรรมการพัฒนาระบบโลจิสติกส์การเกษตร ที่มีปลัดกระทรวงเกษตรฯเป็นประธาน เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ในการประชุมคณะอนุกรรมการครั้งที่ 1/2561 ที่ประชุมได้รับทราบถึงแผนงานโครงการ ภายใต้แผนแม่บทการพัฒนาโลจิสติกส์และโซ่อุปทานภาคการเกษตร 2560-2564 รวม 105 โครงการ วงเงิน 41,878 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วย 3 แนวทาง ประกอบด้วย แนวทางหลักที่ 1 การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านโลจิสติกส์การเกษตรตลอดโซ่อุปทาน จำนวน 41 โครงการ วงเงิน 18,596 ล้านบาท แนวทางหลักที่ 2 การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการอำนวยความสะดวกด้านโลจิสติกส์การเกษตร จำนวน 51 โครงการ วงเงิน 22,554 ล้านบาท และแนวทางหลักที่ 3 การพัฒนาปัจจัยสนับสนุนด้านโลจิสติกส์การเกษตร จำนวน 13 โครงการ วงเงิน 727   ล้านบาท ทั้งนี้ในปีงบประมาณ 2561 (ตุลาคม 2560-กุมภาพันธ์ 2561) เริ่มดำเนินการแล้วจำนวน 69 โครงการ วงเงินรวม 3,463 ล้านบาท

นายวิณะโรจน์ กล่าวว่า นอกจากนี้ที่ประชุมได้เห็นชอบกรอบแนวทางบริหารจัดการระบบโลจิสติกส์รายสินค้า คือ ข้าว เพื่อเป็นต้นแบบในการนำระบบโลจิสติกส์มาแก้ปัญหาสินค้าเกษตรตลอดโซ่อุปทาน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพโลจิสติกส์และโซ่อุปทานข้าวอย่างยั่งยืน พัฒนาโซ่คุณค่าและพัฒนาคลัสเตอร์ข้าว เพื่อเข้าสู่ระบบชุมชนเกษตรอุตสาหกรรมตามแนวทาง ประกอบด้วย ต้นทางเน้นการรวมกลุ่มเกษตรกรเพื่อปลูกข้าว พื้นที่ 1,000 ไร่ ขึ้นไป ให้เกิดการประหยัดต่อขนาด และใช้หลักการบริหารจัดการฟาร์มแบบสมัยใหม่ เพื่อให้การวางแผนการผลิต การจัดส่งและกระจายน้ำ การพัฒนาระบบผลิตข้าวคุณภาพ มีประสิทธิภาพสูงสุด กลางทาง เน้นให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรเข้ามามีบทบาทในการบริหารจัดการข้าวมากขึ้น ทั้งการรวบรวม การสีข้าว การแปรรูปข้าวเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆ รวมถึงการต่อยอดสู่ธุรกิจเกษตรต่อเนื่อง ผ่านศูนย์กระจายสินค้าสหกรณ์ และจัดตั้งศูนย์เครื่องจักรกลการเกษตรของส่วนรวมให้บริการแก่เกษตรกรในราคาที่ต่ำกว่าท้องตลาด และปลายทาง เน้นให้ศูนย์กระจายสินค้าสหกรณ์เชื่อมโยงร้านค้าปลีก ค้าส่ง การส่งออก และตลาดอีคอมเมิร์ซ

“สศก.ได้บูรณาการแผนดังกล่าวร่วมกันระหว่างกระทรวงเกษตรฯและหน่วยงานภายนอก ได้แก่ สภา  หอการค้าแห่งประเทศไทย กระทรวงคมนาคม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนและพัฒนาโลจิสติกส์การเกษตร พัฒนากระบวนการส่งมอบสินค้าเกษตรที่ได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับ ลดความสูญเสียและรักษาคุณภาพสินค้าเกษตรทั้งระหว่างขนส่งและเก็บรักษา เพื่อการส่งมอบที่รวดเร็วและมีต้นทุนโลจิสติกส์ที่เหมาะสม ให้ผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศมีความเชื่อมั่นในสินค้าเกษตรไทย” นายวิณะโรจน์ กล่าว

ที่มา : ขอบคุณข้อมูลจากมติชนรายวัน