กลุ่มลำไย ‘เชียงใหม่’ แก้ลำจีน ตั้งล้งเอง-ลุ้นขายผ่านแจ๊กหม่า

เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม นายประจวบ ทาก๋า หรือ พ่อหลวงถม ประธานกลุ่มลำไยแปลงใหญ่ บ้านร้องกุด หมู่ที่ 10 ตำบลแม่ก๋า อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยกรณีล้งจีนที่เข้ามากดราคารับซื้อ  ผลไม้ในพื้นที่ว่า เพราะไม่มั่นใจในล้งจีน จึงทำล้งเอง เกษตรกรในพื้นที่จะรู้จักกันดีในฐานะเจ้าของโกดัง ซอย 2 บ้านร้องกุด พบว่าเกษตรกรไม่มีที่ขาย ต่างเบื่อล้งจีนที่กดราคาผลผลิตเกินไป จึงหันมารับซื้อและรวบรวมผลผลิตลำไยของเกษตรกรไปขายเองตามคำสั่งซื้อภายในประเทศ ทั้งตลาดไท อ.ต.ก. และห้างสรรพสินค้าต่างๆ จากที่เคยติดต่อค้าขายกันมาก่อน รวมทั้งส่งออกไปยังประเทศมาเลเซีย

“ถามว่ามีล้งจีนส่งคนมาติดต่อหรือไม่ ขอตอบว่ามีแต่ไม่ทำ เพราะเขาจะสั่งแบบ 10 ตู้คอนเทนเนอร์ และล้งจีนต้องการลำไยขนาดกลาง ผิวดี แต่ในของ ต.แม่ก๋า ลำไยผลใหญ่ ไม่เหมาะกับความต้องการของจีน แต่สามารถส่งไปจำหน่ายที่อินโดนีเซียและตลาดไท ผมเคยเป็นลูกจ้างล้งจีนมาก่อน สมมุติว่าเขาสั่งลำไย 100 ตัน ในราคา 50 บาทต่อกิโลกรัม เราต้องหารออก 7 อย่าง เช่น ลำไยเกรดสีทองราคา 50 บาท ต้องถูกหักออกไปเหลือ 35 บาทต่อกิโลกรัม หรือเก็บลำไยที่มีผลอ่อนไปขาย เขามีเทคนิคคือรับซื้อราคาต่างกัน แต่พอถึงเวลานำไปรวมกันเพื่อส่งออก คิดว่ามันไม่ถูกต้องเลยออกมาตั้งล้งเอง” นายประจวบ กล่าว

นายประจวบ กล่าวอีกว่า ล่าสุดประสานไปยังกระทรวงพาณิชย์ เพื่อขายลำไยผ่านเว็บไซต์อาลีบาบา หากตกลงกันได้ตลาดลำไยจะไปไกล ถึงเวลาเกษตรกรลืมตาอ้าปากได้ ไม่ต้องไปกลัวล้งจีน ตอนนี้มีสมาชิกกว่า 110 แปลง หลายพันไร่ ต้องหาตลาดใหม่เอาเอง ที่ผ่านมารับซื้อได้ 100 ตันต่อปี ลำไยในฤดูกำลังเตรียมตัวออกสู่ตลาดในวันที่ 20 มิถุนายนนี้

นางประทุมพร ศรีเดชา ประธานกลุ่มเกษตรกรทำไร่ดอยหล่อ และเลขานุการสหกรณ์การเกษตร     ดอยหล่อ เปิดเผยว่า ผลผลิตที่ทำตอนนี้คือลำไยและแคนตาลูป ที่ผ่านมาปัญหาจะอยู่ที่ลำไยมากกว่า  ทางจีนจะกำหนดราคาโดยมีราคาปลายทางเป็นตัวนำ แต่ก็มีคนไทยมาตั้งจุดรับซื้อลำไยสดร่อนอยู่ด้วย จะช่วยกันพยุงราคาไว้ที่ 19.94 บาท ต่อกิโลกรัม แต่ก็จะมีการโยนราคารับซื้อขึ้นไปที่ 20.94 บาท      ต่อกิโลกรัม ในขณะที่คนจีนรับซื้อด้วยการบวกราคา 50 สตางค์ หรือ 1 บาท ไม่ค่อยมีปัญหา

“ส่วนลำไยสดช่อที่มีปัญหาคือพ่อค้าคนไทยจะเก็บลำไยไม่สุก เกรดไม่สม่ำเสมอ แต่ยัดไส้ไปด้วยกัน เช่นสินค้าเบอร์ 1 แต่จะมีเบอร์ 2 ปน หรือสินค้าเบอร์ 2 แต่มีเบอร์ 3 ปนไปด้วย ขณะที่ราคาลำไยสดร่วงไปนิ่ง และราคาส่งออกไปจีนหากเต็มตู้คอนเทนเนอร์ก็จะราคาสูง แต่หากไม่เต็มก็ต้องลดลง ปีนี้อาจมีปัญหาเพราะตลาดอินโดนีเซียไม่รับซื้อปิดตลาดไปแล้ว สาเหตุน่าจะมาจากคุณภาพไม่ได้ และมาตรฐาน GMP ไม่ได้” นางประทุมพร กล่าว

นางประทุมพร กล่าวอีกว่า ปัญหาลำไยเป็นลำไยการเมืองมาตั้งแต่รุ่นแรกจนถึงปัจจุบัน ตอนปี 2548 ที่มีการแก้ปัญหาด้วยการบริการจัดการโครงการลำไย ให้เกษตรกรกู้เงินมาถึงวันนี้ต้องรับสภาพหนี้แบบ   รายตัว เฉลี่ยสหกรณ์ละ 80,000-90,000 บาท รอวันไกล่เกลี่ย ในพื้นที่มีไม่ต่ำกว่า 3 สหกรณ์จาก 10 สหกรณ์ที่ได้รับความเดือดร้อนไม่รู้จบ

ที่มา : ขอบคุณข้อมูลจากมติชนรายวัน